ตราด -จับตาก้าวธุรกิจของ “พัด สุภาภา “เจ้าพ่อเกาะกงคนปัจจุบัน จากพ่อค้าขายเครื่องยนต์เก่า สู่ธุรกิจหมื่นล้าน LYP.GROUP ที่มีธุรกิจมากมาย ที่ เกาะกง และกำลังจะก้าวต่อไปสู่การร่วมลงทุนกับอดีตนายกฯทักษิณ ในการพัฒนาเกาะกงสู่แหล่งท่องเที่ยวครบวงจร ท่ามกลางเสียงหยอกล้อกันในวงในว่า เสี่ยพัด อาจจะเปลี่ยนนามสกุล เป็น “พัด ชินวัตร” ในอนาคตอันใกล้นี้
ในช่วงที่การเมืองกำลังร้อนแรง และทุกฝ่ายเฝ้าจับตามองอย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อสภาฯ การชุมนุมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การที่กลุ่มทุนจากตะวันออก สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ตามคำเชิญชวนของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการเข้าไปลงทุนที่เกาะกงของอดีตนายกฯ
“ผมยังไม่ได้พูดคุยกับท่านทักษิณ ชินวัตร อย่างเป็นทางการว่าจะลงทุนในรูปแบบใด และอย่างไร แต่คาดว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมมือกันได้คงต้องใช้เวลาในการพูดคุยกันอีกระยะกว่าจะลงตัว ซึ่งธุรกิจที่จะลงทุนมีทั้งกาสิโน และเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ส่วนธุรกิจพลังงานยังไม่ได้พูดคุยอะไรเลย”
เป็นคำกล่าวของ “พัด สุภาภา” ประธานบริษัท เกาะกงอินเตอร์เนชั่นแนล รีสอร์ท คลับ จำกัด ระหว่าง สมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรี และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีไทย เดินทางไปร่วมเปิดถนนสาย 48 ของ กัมพูชาใน จ.เกาะกง
แม้นายพัด สุภาภา จะไม่พยายามให้รายละเอียดมากไปกว่านี้ว่า จะลงทุนร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เกาะกง จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา โดยการเคลื่อนไหว การลงทุนธุรกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใน จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา มีกระแสข่าวมานานแล้ว ประเทศกัมพูชา พบแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ชายฝั่ง จ.เกาะกง และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ระหว่างไทย-กัมพูชา
พัด สุภาภา เป็นใคร ทำไม ? พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงต้องเข้าไปจับมือร่วมลงทุนด้วย
“พัด สุภาภา” ปัจจุบันอายุ 51 ปี เกิดที่ อ.เสาธง จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชาในยุคสงครามและความแตก แยกของประเทศ เมื่อสงครามใกล้ยุติ “พัด สุภาภา” ก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก “ชาวกัมพูชาในประเทศ” ได้พยายามเข้า มาอยู่ใน จ.ตราด และได้รับสัญชาติไทยโดยใช้นามสกุล “สุภาภา” ตามญาติพี่น้อง
เมื่อสงครามในกัมพูชาสงบ “พัด สุภาภา” และเพื่อน ๆ อีก 2-3 คน ได้หันไปทำธุรกิจค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.เกาะกง ซึ่งในยุคนั้น จ.เกาะกงเป็นเมืองท่ารับสินค้าจากสิงคโปร์,ไทย และมาเลเซีย โดยสินค้าเหล่านี้จะนำ ไปจำหน่ายในกรุงพนมเปญอีกทอดหนึ่ง ขณะที่ “พัด สุภาภา” ได้ร่วมกับเพื่อนทำการค้าเครื่องยนต์เก่า (มือสอง) ที่นำมาจากประเทศญี่ปุ่น โดยผ่านประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีผู้อุปถัมภ์คนหนึ่งที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนายฮุนเซน หัวหน้า พรรคประชาชนของชาวกัมพูชาซึ่งในยุคนั้น “นายฮุนเซน” เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนมีการเลือกตั้งที่ดูแลโดย UNTAC
กระทั่ง “พัด สุภาภา” ได้รับโอนธุรกิจ “นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศ” จากผู้อุปถัมภ์ ซึ่งเป็นธุรกิจผูกขาดแต่เพียง ผู้เดียวในกัมพูชา ซึ่ง “พัด สุภาภา” ได้ตั้งบริษัท ฮีโร่คิง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อเป็นผู้นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศ ในกัมพูชาทั้งหมด
ทำให้ “พัด สุภาภา” มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ และก้าวไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ อีกหลายประเภท รวมทั้งธุรกิจนำเข้าสุรา ต่างประเทศ
แม้ธุรกิจจะสะดุดบ้างในช่วงปี 2540 ยุคที่พรรคประชาชนกัมพูชาพ่ายแพ้การเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก จนทำให้ “นายฮุนเซน” เป็นนายกรัฐมนตรีร่วมกับสมเด็จนโรดม รณฤทธิ์
อย่างไรก็ตาม ในอีก 4 ปีต่อมา พรรคประชาชนกัมพูชา ได้รับชัยชนะและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยร่วม กับพรรคฟุนซินเปกจัดตั้งรัฐบาลโดย “นายฮุนเซน” ก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว
“พัด สุภาภา” ในฐานะผู้สนับสนุนพรรคประชาชนกัมพูชา คนสำคัญได้รับสิทธิ (สัมปทาน) ก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ต และกาสิโน บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ บริเวณบ้านจามเยี่ยม อ.มณฑเสมา จ.เกาะกง ที่ติดต่อกับชายแดนไทย- กัมพูชา ที่บ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด
“พัด สุภาภา” ได้จัดตั้งบริษัท เกาะกงอินเตอร์เนชั่นแนล รีสอร์ท คลับ จำกัด ขึ้นมา ซึ่งภายในโครงการประกอบด้วย เกาะกงกาสิโน เกาะกงรีสอร์ต และเกาะกง ดิวตี้ฟรี
ต่อมา นายพัด สุภาภา ได้เป็น “ผู้แทนจำหน่ายไฟฟ้าจาก จ.ตราด โดยซื้อผ่านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อไปจำหน่ายยัง จ.เกาะกง และได้จัดตั้ง บริษัท เกาะกง อิเลคทริค จำกัด ขึ้นมาเป็นผู้รับสัมปทานจำหน่ายไฟฟ้าไป ยัง จ.เกาะกง ทั้งหมด
“พัด สุภาภา” ยังได้ขยายธุรกิจอีกหลายด้านไปยังจังหวัดในกัมพูชาอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะกาสิโน ที่ ปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย (โกลเด้น ปริ๊นเซส ภายหลังขายให้กลุ่มทุนไทยและกัมพูชา) กาสิโน ที่ช่องสะงำ จ. ศรีสะเกษ - อัลลองเวง จ.เสียมราฐ
จากนั้น ได้ขยายมาลงทุนก่อสร้างถนนสายจามเยี่ยม-หัวเขา เป็นถนนคอนกรีต 4 เลน พร้อมสร้างสะพาน ข้ามแม่น้ำครางครืน โดยได้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชาให้เก็บค่าผ่านสะพานได้และเป็นแห่งแรกของประเทศ กัมพูชาที่มีการดำเนินการสัมปทานเส้นทางคมนาคม
“พัด สุภาภา” ยังได้ขยายธุรกิจออกไปในด้านสวนสนุกโดยลงทุนก่อสร้าง “เกาะกงซาฟารีเวิลด์” ที่มีทั้งสวนสัตว์และสวนสนุก ขนาด เทียบเท่ากับ “ซาฟารีในประเทศไทย” แม้ธุรกิจจะยังเริ่มต้น แต่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ชาวกัมพูชา ใฝ่ฝันจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว
นอกจากนี้ นายพัด สุภาภา ยังเป็นผู้ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยได้เช่าที่ดินของรัฐบาลกัมพูชา จำนวนมากทั้งใน จ.เกาะกง และในอำเภออื่น ๆ เช่น อ.สะแออัมเปิล เพื่อรอการพัฒนา หรือการลงทุนนิคมอุตสาหกรรม เกาะกงใน จ.เกาะกง
การลงทุนก่อสร้างโรงงานน้ำตาลเกาะกง ร่วมกับกลุ่มโรงงานน้ำตาลขอนแก่น และนายเจริญ สิริวัฒนภักดี (เสี่ยเบียร์ช้าง) ด้วยเงินลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท และได้ว่าจ้างประชาชนชาวเกาะกงกว่า 1,000 ครัวเรือน ปลูก อ้อย เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำตาลในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
“พัด สุภาภา” ยังก้าวไปสู่ธุรกิจการก่อสร้างโดยได้สัมปทานทรายใน จ.เกาะกง ทั้งหมด เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศกัมพูชามีการก่อสร้างมาก และมีความจำเป็นต้องใช้ทรายจำนวนมหาศาล ซึ่งใน จ.เกาะกง อุดมไปด้วยทราย จำนวนมากที่สามารถป้อนธุรกิจก่อสร้างได้นานหลายสิบปี
เมื่อธุรกิจของ “พัด สุภาภา” มีมากขึ้น และขยายออกไปในหลายธุรกิจจึงได้มีการจัดกลุ่มธุรกิจออกเป็น ประเภท โดยหากเป็นธุรกิจด้านการนำเข้า-ส่งออก จะใช้บริษัท เกาะกงเอ็กซ์ปอร์ต-อิมปอร์ต จำกัด จะนำสินค้าทั้ง บุหรี่ เหล้า สินค้าขบเคี้ยว และสินค้าอุปโภค บริโภคจากสิงคโปร์-จีน-ไทย
ทั้งหมดจะอยู่ภายในกลุ่มธุรกิจ LYP GROUP หรือ LEE YONG PAT GROUP (ชื่อของนายพัด สุภาภา จะใช้ในประเทศไทย แต่ ลี ยง พัด จะใช้ในกัมพูชา)
จากนั้น ได้ตั้งเป็นบริษัท L.Y.P GROUP COMPANY LIMITED มีนายพัด สุภาภา หรือ ลี ยง พัด เป็นประธาน บริษัท ทั้งนี้ ได้จ้างผู้บริหารระดับมืออาชีพทั้งชาวไทยและชาวไต้หวัน มาบริหารงานมีระดับหัวหน้าเป็นชาวไทย และมีชาวกัมพูชาเป็นผู้ปฏิบัติในระดับล่าง ซึ่งมีพนักงานในความดูแลทั้งหมด 2-3,000 คน และมีรายได้ในธุรกิจ ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท/ปี
ล่าสุด พัด สุภาภา ได้ลงทุนพัฒนาโรงแรมเกาะกงฯ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหล เดินทางมาที่ จ.เกาะกง ภายหลังถนนสาย 48 ก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยใช้เงินกว่า 600 ล้านบาท ก่อสร้างโรงแรมสไตล์รีสอร์ตสุขภาพและสปา จำนวนถึง 550 ห้อง โดยมีห้องพักในหลายระดับตั้งแต่ 1,000 บาท- 15,000 บาท
ในจำนวนนี้ มีห้องสูทระดับ President Room 2 ห้อง ที่สมเด็จฯฮุนเซน เดินทางมาเป็นประธานเปิดโรงแรม ได้เข้ามาพัก เมื่อวันที่ 13 และวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 ภายในมีทั้งภัตตาคารระดับหรู ที่มีอาหารนานาชาติ ร้านดิวตี้ฟรี สนามเทนนิส ห้องฟิตเนส ห้องนวดแผนไทย ห้องสปาและเซาน่า พร้อมสระว่ายน้ำระดับหรู ติด ชายหาดบ้านจามเยี่ยมที่สวยงามของ จ.เกาะกง
นั่นเป็นธุรกิจที่ “พัด สุภาภา” หรือ ลี ยง พัด ได้ก้าวเข้ามาลงทุนและขยายอาณาจักรธุรกิจในเครือที่ครอบ คลุมธุรกิจในกัมพูชาได้อย่างกว้างขวางโดยมี “สมเด็จฮุนเซน” เป็นผู้สนับสนุนให้ “พัด สุภาภา” ก้าวเดินไปอย่าง มั่นคงและยังได้ส่งเสริมให้ “พัด สุภาภา” หรือ ลี ยง พัด ก้าวไปสู่ตำแหน่งทางการเมืองในระดับ “สมาชิกวุฒิสภา จ.เกาะกง” เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา และการเลือกตั้งในกลางปี 2551 ที่จะถึงนี้ “พัด สุภาภา” จะได้รับการเลือกตั้งแน่นอน
นั่นหมายความว่า ฐานธุรกิจและฐานการเมืองของ “พัด สุภาภา” หรือ ลี ยง พัด จะก้าวขึ้นมาเป็นธุรกิจอัน ดับ 1 ของกัมพูชาในอนาคต ในระยะเวลาไม่ช้านี้
โดยเฉพาะการได้รับความไว้วางใจจาก “สมเด็จฯฮุนเซน” ในการเป็นทั้งผู้ประสานงานและผู้ร่วมลงทุนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีโครงการใหญ่ในการจะเช่า “เกาะกง (ในทะเล)” เป็นระยะเวลา 99 ปี เพื่อลงทุนก่อสร้าง “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขึ้นบนเกาะแห่งนี้ โดยมีกลุ่มทุนจากจีน และไต้หวัน ร่วมลงทุนในโครงการที่มีมูล ค่ากว่า 50,000 ล้านบาท โดยจะเนรมิตเกาะกงให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ สมเด็จฯฮุนเซน จะเริ่มโครงการนี้หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 27 กรกฎาคม 2551 ที่มีแนวโน้ม ว่าจะได้รับการเลือกตั้งด้วยชัยชนะที่เด็ดขาดและสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้
พล.อ.เตีย บัญ ให้ข้อมูลว่า การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ พรรคประชาชนกัมพูชาจะได้รับการเลือกตั้งอย่างเด็ดขาดและจัดตั้งรัฐบาลได้เพียง พรรคเดียว และพรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่งก็แตกความสามัคคี และตั้งพรรคขึ้นใหม่อีก คือพรรคฟุนซินเปก สมเด็จฯนโรดมรณฤทธิ์ ก็แยกออกไปตั้งพรรคสมเด็จรณฤทธิ์ใหม่ และพรรคสัมรังสี ก็อ่อนแอ ซึ่งหัวหน้าพรรคการเมืองทั้ง 2 พรรคก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในกัมพูชา จึงทำให้พรรคประชาชนกัมพูชา มีคู่แข่งที่ไม่เข้มแข็งมากนัก
พล.อ.เตีย บัญ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การเมืองในกัมพูชาจะมีความเข้มแข็งและเสถียรภาพจะทำให้การพัฒนาประเทศมีเอกภาพและรัฐบาลสามารถตัดสินใจ หรือกำหนดนโยบายในการพัฒนาประเทศได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นที่ปรึกษาสมเด็จฯฮุนเซน ในการพัฒนาเศรษฐกิจ จะเกิดผลดีต่อประเทศกัมพูชามากขึ้น โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็สนใจมาลงทุนใน “เกาะกง” จึงเป็นเรื่องที่ดี และได้รับการสนับสนุนทั้งจาก “นายพัด สุภาภา” และบุคคลสำคัญในพรรคประชาชนกัมพูชา
ทางด้านนายฐิติเดช ทองภัทร์ รองประธานบริหารบริษัท เกาะกงอินเตอร์ เนชั่นแนล รีสอร์ท คลับ จำกัด กล่าวว่า สมเด็จฯฮุนเซน ได้มอบหมายให้คุณพัด สุภาภา เป็นผู้ประสานงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในการลงทุน ทำธุรกิจที่ “เกาะกง” ซึ่งเป็นโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ ใช้เงินมากกว่า 50,000 ล้านบาท และจะมีนักธุรกิจจากหลายชาติเข้ามาร่วมทุนด้วย เป็นลักษณะของการเช่าเกาะแล้วไปลงทุน ซึ่งเท่าที่ทราบโครงการในเบื้องต้น จะเป็น เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ภายในมีสนามกอล์ฟ สนามบินเล็ก กาสิโนขนาดใหญ่ สถานบันเทิงครบวงจร ส่วนเรื่องที่ “คุณพัด สุภาภา” จะร่วมลงทุนด้วยนั้นยังต้องพูดคุยและเจรจาในรายละเอียดแต่มีการลงทุนแน่นอน
“ธุรกิจน้ำมันหรือพลังงานยังเป็นเรื่องที่ไกลและยังไม่ได้ข้อสรุปจากรัฐบาลกัมพูชา แต่เรื่องเช่าเกาะกง ทำธุรกิจจะเป็นเรื่องที่มีการพูดกันอย่างกว้างขวาง และจะดำเนินการในเร็ว ๆ นี้”
นอกจากนี้ ชาวเกาะกง ยังมีการพูดคุยกันอย่างกว้างขวางว่า “เกาะกง (ในทะเล)” ครึ่งหนึ่งเป็นของเสี่ย พัด สุภาภา อีกครึ่งหนึ่งเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และจะมีการก่อสร้างสะพานระยะทาง 10 กิโลเมตรไปที่ เกาะกง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างทั้งหมด
ขณะเดียวกันก็มีคำล้อเลียน ใน จ.เกาะกง ที่ พล.อ.เตีย บัญ และนายยุทธ ภูทอง ผู้ว่าราชการ จ.เกาะกง ได้กล่าวเป็นเชิงล้อเล่นกับ นายพัด สุภาภา ว่า “ข่าวการลงทุนพัฒนาเกาะกงร่วมกันระหว่าง 2 คนนั้น เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ในกัมพูชาพูดกัน และมองว่า “พัด สุภาภา” กำลังจะเปลี่ยนนามสกุลเป็น “พัด ชินวัตร” ในอนาคตอันใกล้นี้
แต่อย่างไรก็ตาม การจะเปลี่ยนนามสกุลมาใช้ “พัด ชินวัตร” ต้องมีทางหนีทีไล่ที่ดี เพราะในอนาคตอะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ โดยจะทุ่มเททั้งตัวและชื่อเสียงนั้น ต้องมีสิ่งผูกมัดอย่างเหนียวแน่น ซึ่งจะต้องดูกันต่อไปอีกในระยะยาว ก่อนจะด่วนฟันธง!!!!!