สุรินทร์ - กรมศิลปากร ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้ง ตำรวจ-ทหาร พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตั้งปราสาทขอมโบราณชื่อดังทั้ง 2 แห่ง ของ จ.สุรินทร์ ให้เพิ่มกำลังและมาตรการป้องกันดูแลรักษาอย่างเข้มงวด หวั่น “ปราสาทระแงง-ปราสาทตาเมือน” อันเป็นปราสาทเชื่อมโยงเส้นทางอารยธรรมขอมโบราณระหว่าง “นครวัด นครธม-พนมรุ้ง- พิมาย” ถูกโจรกรรมทำลายตามความเชื่อหรือเพื่อสร้างเงื่อนไขทางสังคม
วันนี้ (22 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสุรินทร์ ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายบุกเข้าทุบทำลายวัตถุโบราณ รูปปั้น และเคลื่อนย้ายศิวลึงค์ในปราสาทหินพนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ล่าสุด กรมศิลปากรได้ประสานงานมายังเจ้าหน้าที่รวมทั้งตำรวจ ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ที่มีโบราณสถานสำคัญๆ ตั้งอยู่ เพื่อขอความร่วมมือให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราป้องกันและดูแลทรัพย์สินโบราณวัตถุต่างๆ ในพื้นที่ตั้งโบราณสถานดังกล่าว เพื่อป้องกันการโจรกรรม และทุบทำลายตามความเชื่อหรือเพื่อสร้างเงื่อนไขทางสังคม
โดยเฉพาะที่ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทระแงง พ.ต.ท.คมสัน สายโคกกลาง สารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้จัดกำลังตำรวจสายตรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าตรวจตราในพื้นที่ ที่ตั้งปราสาทระแงง ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลระแงง อ.ศีขรภูมิ อย่างเข้มงวดมากขึ้น
ทั้งนี้ ปราสาทระแงง เป็นปราสาทโบราณที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของ จ.สุรินทร์ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาเที่ยวชมปราสาทเป็นจำนวนมาก เพราะนับว่าเป็นปราสาทที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ปราสาทระแงง ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.1650 ลักษณะเป็นปรางค์ก่อด้วยอิฐ 5 องค์ ตั้งอยู่บนฐานเดียวกันซึ่งฐานก่อสร้างด้วยศิลาแลง ปรางค์องค์กลางสูงประมาณ 32 เมตร มีลวดลายสลักหินตามเสาทวาราและทับหลังงดงาม มีสระสี่เหลี่ยม ตั้งอยู่ทางทิศใต้ขององค์ปราสาท
นายโอภาส เทียมสุข อายุ 53 ปี พนักงานจำหน่ายบัตรเข้าชมโบราณสถานปราสาทระแงง กล่าวว่า ในแต่ละวันนอกจากจะมีสายตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยมาตรวจตราแล้ว ภายในบริเวณปราสาทระแงง ยังมีเจ้าหน้าที่ของเราที่มีบ้านพักอยู่ใกล้กับบริเวณปราสาทผลัดเปลี่ยนกันเขาเวรยามดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นมาตรการปกติที่ดำเนินการมาอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เมื่อมีเหตุการณ์คนร้ายบุกทำลายปราสาทพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ เกิดขึ้น ก็ได้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นกว่าภาวะปกติที่ผ่านมา
ด้าน กลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งเป็นปราสาทหินโบราณ 3 หลัง ตั้งอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าจุดตรวจชายแดนบริเวณปราสาทตาเมือน ทราบว่า สำนักศิลปากรที่ 12 พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลรับผิดชอบโดยตรงได้ประสานงาน เรื่องการเฝ้าระวังป้องกันการโจรกรรมวัตุโบราณและทำลายโบราณสถานมายังฝ่ายทหาร เพื่อให้ช่วยเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราดูแลปราสาทหินตาเมือน เช่นกัน
สำหรับกลุ่มปราสาทตาเมือน เป็นปราสาทหินโบราณเก่าแก่ ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ประกอบด้วย 3 ปราสาท 1.ปราสาทตาเมือน หรือปราสาทยายกรีม สร้างด้วยศิลาแลง เชื่อว่าเป็นธรรมศาลาหรือที่พักคนเดินทาง สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 2.ปราสาทตาเมือนโต๊จ ตั้งอยู่ห่างปราสาทตาเมือน 200 เมตร สร้างด้วยศิลาแลงและหินทราย เป็นอโรคยาศาลา หรือโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยในสมัยโบราณ สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
และ 3.ปราสาทตาเมือนธม อยู่ห่างจากปราสาทตาเมือน 700 เมตร ตั้งในแนวเทือกเขาพนมดงรัก สร้างด้วยศิลาแลงและหินทราย เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกายสร้างตามแบบศิลปะบาปวน ปลายพุทธศตวรรษที่ 16 ทั้งนี้ปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ถือว่าเป็นปราสาทหินที่เชื่อมโยงเส้นทางอารยธรรมขอมโบราณระหว่าง ปราสาทนครวัด นครธม ประเทศกัมพูชา- ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ และ ปราสาทหินพิมาย จ.นครราชสีมา