ศูนย์ข่าวศรีราชา -ท่าเรือแหลมฉบัง เผยผลการดำเนินงาน ปี 2550 เติบโตจากปีก่อนถึง 10% ขณะที่สินค้าส่งออกอันดับ 1 คือรถปิกอัพ ที่ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการส่งออกมากอันดับ 1 ของโลก ขณะที่ปี 2551 คาดจะมีตู้สินค้าขนถ่ายผ่านท่าเรือไม่น้อยกว่า 5 ล้านทีอียู
ท่าเรือแหลมฉบัง(ทลฉ.)จังหวัดชลบุรี แจ้งสถิติผลการดำเนินงานของท่าเรือฯในปีงบประมาณ 2550 ว่า มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีผลกำไรสูงกว่าค่าใช้จ่ายเป็นเงินกว่า 1.4 พันล้านบาทประมาณ 10% โดยมีจำนวนเรือที่เข้าเทียบมากถึง 7,581 เที่ยว สูงกว่าปี 2549ที่มีจำนวนเรือเทียบท่า 7,085 เที่ยว และสูงกว่าปี 2548 ที่มีจำนวนเรือเทียบท่าเพียง 6.4 พันเที่ยว
ส่วนจำนวนตู้สินค้าทั้งขาเข้าและขาออกที่ขนถ่ายผ่านท่าเรือแหลมฉบังในปี 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น 4.6 ล้านทีอียู สูงกว่าปี 2549 ที่มีจำนวน 4.123 ล้านทีอียู และสูงกว่าปี 2548 ที่มีจำนวนตู้สินค้าขนถ่ายผ่านท่าเรือแหลมฉบัง 3.7 ล้านทีอียู ขณะที่รถยนต์ (ส่งออกและนำเข้า) ผ่านท่ามีจำนวนทั้งสิ้น 6.97 แสนคัน มากกว่าปี 2549 ที่มีจำนวน 5.6 แสนคัน
ขณะที่ผลการดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบัง ในช่วงไตรมาสแรก ของปี 2551 (ตุลาคม 2550 – กุมภาพันธ์ 2551) พบว่ามีจำนวนเรือที่เข้าเทียบท่ามากถึง 3,347 เที่ยว และมีตู้สินค้าขนถ่ายผ่านท่าแล้วถึง 2.14 ล้านทีอียู และมีรถยนต์ขนถ่ายทั้งนำเข้าและส่งออกแล้วถึง 3.48 แสนคัน
แหล่งข่าวจากท่าเรือแหลมฉบัง เผยว่าผลการดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อดูจากจำนวนตู้สินค้าที่เข้าออกผ่านท่าเทียบเรือต่างๆ โดยยังพบว่าขณะนี้สินค้าส่งออกที่สำคัญและมีจำนวนมากเป็นอันดับ 1 ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง ก็คือรถปิกอัพ ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยคือฐานการส่งออกที่มีจำนวนมากเป็นอันดับที่ 1 ของโลก
นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีแนวโน้มว่าค่ายรถยนต์ฟอร์ด ซึ่งมีฐานการผลิตในประเทศไทย จะย้ายฐานการส่งออกมายังท่าเรือแหลมฉบังอีกด้วย โดยคาดว่าในปีนี้ท่าเรือแหลมฉบัง จะมีตู้สินค้าขนถ่ายผ่านท่าไม่น้อยกว่า 5 ล้านทีอียู