ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – ชาวบ้านเผยผลตรวจวัดเสียงขึ้นลงของเครื่องบินสนามบินเชียงใหม่ ดังเกินมาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจ แถมหลายครั้งแรงสั่นสะเทือนยัง ทำให้หลังคาบ้านแตกร้าวและร่วงหล่นลงมาด้วย จี้ ทอท.เร่งมีนโยบายและวางมาตรการที่ชัดเจนในการป้องกันแก้ไขปัญหาโดยด่วน หลังเรียกร้องมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วแต่ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรม
วันนี้ (20 พ.ค.) ที่ห้องประชุมอาคารสำนักงานท่าอากาศยานเชียงใหม่ ผู้บริหารท่าอาการยานเชียงใหม่ ได้จัดการประชุมร่วมกับตัวแทนชาวบ้านหมู่บ้านนิมมานนรดี ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นลงสนามบินเชียงใหม่ และได้รับผลกระทบจากการขึ้นลงของเครื่องบิน โดยเฉพาะด้านเสียงและแรงสั่นสะเทือน รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งท้องถิ่นและด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
นางกุหลาบ วัฒนานิวัต กรรมการหมู่บ้านนิมมานนรดี เปิดเผยว่า ในเดือนมีนาคม 2551 ที่ผ่านมา ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทำการตรวจวัดเสียงขึ้นลงของเครื่องบินภายบริเวณหมู่บ้านจำนวน 3 จุด พบว่า มีค่าเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมง 73.5 เดซิเบลเอ, 77.5 เดซิเบลเอ และ 67.8 เดซิเบลเอ ขณะที่ค่ามาตรฐานระดับเสียงทั่วไปอยู่ที่ 70 เดซิเบล ซึ่งระดับเสียงที่ตรวจวัดได้เกินค่ามาตรฐาน 2 จากทั้งหมด 3 จุด โดยข้อมูลดังกล่าวนี้ไม่ตรงกับการข้อมูลการตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษที่พบว่ามีค่าเฉลี่ยเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ระหว่าง 63.1-64.2 เดซิเบลเอ
ในส่วนของผลกระทบที่ชาวบ้านได้รับจากการขึ้นลงของเครื่องบินนั้น หลักๆ จะเป็นในด้านเสียงดังและแรงสั่นสะเทือน ที่ส่งผลต่อทั้งร่างกาย จิตใจ เช่น หูอื้อ ปวดศีรษะ เกิดความเครียดจากเสียงดัง และส่งผลต่อทรัพย์สิน เช่น กระเบื้องมุงหลังคาแตกร้าว ร่วงหล่นลงมาจากการเกิดลมหมุนขณะเครื่องบินขึ้นลงด้วย
ผลกระทบที่มีต่อสุขภาพนั้น แม้ว่าในเวลานี้จะยังไม่เห็นผลกระทบเป็นที่ชัดเจน แต่เห็นว่าไม่ควรมองข้าม เพราะอาจจะส่งผลในระยะยาว ดังนั้น จึงอยากจะเรียกร้องให้ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่เร่งวางมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหานี้โดยเร็วไม่ให้ทวีความรุนแรงมากไปกว่านี้
ขณะที่นายธนวัฒน์ ยอดใจ นายกเทศมนตรีตำบลแม่เหียะ กล่าวว่า ได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวจากชาวบ้านในพื้นที่มาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว และได้พยายามช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาแต่จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่เป็นผล ทั้งนี้ต้องการเรียกร้องให้ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่มีการวางมาตรการในการแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
พร้อมกันนี้ เสนอแนะว่า หากจะมีการเพิ่มเที่ยวบินอีกในอนาคต จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในวงกว้างเพราะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ไม่อยากให้เหมือนกรณีการขยายทางวิ่งของสนามบิน ที่ชาวบ้านตำบลแม่เหียะ ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก แต่ก็มีการดำเนินการไปจนแล้วเสร็จ
ส่วนนายสนธิ คชวัฒน์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบและติดตามตรวจสอบ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านในหมู่บ้านนิมมานนรดี ที่พบว่าการขึ้นลงของเครื่องบินส่งผลกระทบด้านเสียงและแรงสั่นสะเทือนนั้น ตามเงื่อนไขในรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เห็นว่า ทางบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.จะต้องทำการชดเชยให้หากระดับเสียงจากการขึ้นลงของเครื่องบินมีค่าเกิน ด้วยการติดตั้งวัสดุดูดซับเสียง
นอกจากนี้ พบว่า ปัจจุบันสนามบินเชียงใหม่ยังไม่มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดระดับเสียงแบบถาวรตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในอีไอเอ ซึ่งเห็นว่าล่าช้าเกินไปและจะต้องมีการติดตั้งโดยเร็วเพื่อใช้ในการตรวจวัดระดับเสียงว่าเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ ขณะเดียวกัน เห็นว่า ทางสนามบินเชียงใหม่ควรจะมีนโยบายที่ชัดเจนมากกว่านี้ในการเยียวยาผู้เดือดร้อนที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นลงของเครื่องบิน รวมทั้งควรจะต้องให้สายการบินเข้ามามีส่วนในการรับผิดชอบด้วย
ด้านนายวิชัย ผลมูล รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า จุดยืนของของทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ในเวลานี้พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งจะมีการวางมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย โดยจะรับฟังและรวบรวมข้อเสนอทั้งหมดจากชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนไปพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องดังกล่าวนี้โดยลำพัง แต่จะต้องนำเสนอให้กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) เป็นผู้อนุมัติ
วันนี้ (20 พ.ค.) ที่ห้องประชุมอาคารสำนักงานท่าอากาศยานเชียงใหม่ ผู้บริหารท่าอาการยานเชียงใหม่ ได้จัดการประชุมร่วมกับตัวแทนชาวบ้านหมู่บ้านนิมมานนรดี ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นลงสนามบินเชียงใหม่ และได้รับผลกระทบจากการขึ้นลงของเครื่องบิน โดยเฉพาะด้านเสียงและแรงสั่นสะเทือน รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งท้องถิ่นและด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
นางกุหลาบ วัฒนานิวัต กรรมการหมู่บ้านนิมมานนรดี เปิดเผยว่า ในเดือนมีนาคม 2551 ที่ผ่านมา ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทำการตรวจวัดเสียงขึ้นลงของเครื่องบินภายบริเวณหมู่บ้านจำนวน 3 จุด พบว่า มีค่าเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมง 73.5 เดซิเบลเอ, 77.5 เดซิเบลเอ และ 67.8 เดซิเบลเอ ขณะที่ค่ามาตรฐานระดับเสียงทั่วไปอยู่ที่ 70 เดซิเบล ซึ่งระดับเสียงที่ตรวจวัดได้เกินค่ามาตรฐาน 2 จากทั้งหมด 3 จุด โดยข้อมูลดังกล่าวนี้ไม่ตรงกับการข้อมูลการตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษที่พบว่ามีค่าเฉลี่ยเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ระหว่าง 63.1-64.2 เดซิเบลเอ
ในส่วนของผลกระทบที่ชาวบ้านได้รับจากการขึ้นลงของเครื่องบินนั้น หลักๆ จะเป็นในด้านเสียงดังและแรงสั่นสะเทือน ที่ส่งผลต่อทั้งร่างกาย จิตใจ เช่น หูอื้อ ปวดศีรษะ เกิดความเครียดจากเสียงดัง และส่งผลต่อทรัพย์สิน เช่น กระเบื้องมุงหลังคาแตกร้าว ร่วงหล่นลงมาจากการเกิดลมหมุนขณะเครื่องบินขึ้นลงด้วย
ผลกระทบที่มีต่อสุขภาพนั้น แม้ว่าในเวลานี้จะยังไม่เห็นผลกระทบเป็นที่ชัดเจน แต่เห็นว่าไม่ควรมองข้าม เพราะอาจจะส่งผลในระยะยาว ดังนั้น จึงอยากจะเรียกร้องให้ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่เร่งวางมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหานี้โดยเร็วไม่ให้ทวีความรุนแรงมากไปกว่านี้
ขณะที่นายธนวัฒน์ ยอดใจ นายกเทศมนตรีตำบลแม่เหียะ กล่าวว่า ได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวจากชาวบ้านในพื้นที่มาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว และได้พยายามช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาแต่จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่เป็นผล ทั้งนี้ต้องการเรียกร้องให้ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่มีการวางมาตรการในการแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
พร้อมกันนี้ เสนอแนะว่า หากจะมีการเพิ่มเที่ยวบินอีกในอนาคต จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในวงกว้างเพราะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ไม่อยากให้เหมือนกรณีการขยายทางวิ่งของสนามบิน ที่ชาวบ้านตำบลแม่เหียะ ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก แต่ก็มีการดำเนินการไปจนแล้วเสร็จ
ส่วนนายสนธิ คชวัฒน์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบและติดตามตรวจสอบ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านในหมู่บ้านนิมมานนรดี ที่พบว่าการขึ้นลงของเครื่องบินส่งผลกระทบด้านเสียงและแรงสั่นสะเทือนนั้น ตามเงื่อนไขในรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เห็นว่า ทางบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.จะต้องทำการชดเชยให้หากระดับเสียงจากการขึ้นลงของเครื่องบินมีค่าเกิน ด้วยการติดตั้งวัสดุดูดซับเสียง
นอกจากนี้ พบว่า ปัจจุบันสนามบินเชียงใหม่ยังไม่มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดระดับเสียงแบบถาวรตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในอีไอเอ ซึ่งเห็นว่าล่าช้าเกินไปและจะต้องมีการติดตั้งโดยเร็วเพื่อใช้ในการตรวจวัดระดับเสียงว่าเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ ขณะเดียวกัน เห็นว่า ทางสนามบินเชียงใหม่ควรจะมีนโยบายที่ชัดเจนมากกว่านี้ในการเยียวยาผู้เดือดร้อนที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นลงของเครื่องบิน รวมทั้งควรจะต้องให้สายการบินเข้ามามีส่วนในการรับผิดชอบด้วย
ด้านนายวิชัย ผลมูล รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า จุดยืนของของทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ในเวลานี้พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งจะมีการวางมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย โดยจะรับฟังและรวบรวมข้อเสนอทั้งหมดจากชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนไปพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องดังกล่าวนี้โดยลำพัง แต่จะต้องนำเสนอให้กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) เป็นผู้อนุมัติ
