อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษหนีคดีคลองด่าน ไร้เงาขึ้นศาลสืบพยานนัดสุดท้ายนี้ (27 มี.ค.) ด้าน “อนงค์วรรณ” ตั้งท่าอุ้มเอกชนเตรียมเข้ากู้ซากโครงการ
รายงานข่าวจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า คดีคลองด่านที่กรมควบคุมมลพิษ ฟ้องเอกชนผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการ ฐานฉ้อโกง เรียกค่าเสียหายกว่า 20,000 ล้านบาท จะสืบพยานฝ่ายโจทก์นัดสุดท้ายในวันนี้ (27 มี.ค.) ที่ศาลแขวงดุสิต เวลา 09.00 – 16.30 น. โดยศาลนัดสืบพยานปากสำคัญ คือ นายปกิต กิระวานิช อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ แต่อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นายปกิต ซึ่งถูกศาลออกหมายจับเพื่อนำตัวมาขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี และกรมฯ ไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะนำตัวนายปกิต ขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้มีคำสั่งให้นำตัวนายพรชัย ดิสกุล ช่างรังวัดมาเบิกความเป็นพยานฝ่ายโจทก์ด้วย ทั้งที่นายพรชัย ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลว่ากระทำความผิดร่วมกับนายวัฒนา อัศวเหม เรื่องการนำที่ดินสาธารณะมาหลอกขายให้กับกรมควบคุมมลพิษ และอัยการกำลังจะยื่นฟ้องต่อศาลในเร็วๆ นี้ ซึ่งเห็นได้ว่านายพรชัยกับนายวัฒนา ถือเป็นผู้ร่วมกระทำผิด จึงเกิดข้อกังขาว่าเหตุใด นายสุพัฒน์ จึงต้องการให้นายพรชัย ขึ้นเบิกความ
วานนี้ (26 มี.ค.) นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทส. เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวง ทส.ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษ เตรียมสรุปประเด็นความคืบหน้าโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ ขึ้นมาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง เพราะเห็นว่าโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 2 หมื่นล้านบาทไปแล้ว ควรจะได้ใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียได้ แต่ที่ผ่านมาอาจมีปัญหาติดขัดหลายๆ เรื่องจนทำให้เกิดการชะงัก และไม่สามารถดำเนินการต่ออะไรได้ โดยจะรับฟังข้อมูลจากทางกรมควบคุมมลพิษก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการนำเสนอเชิงนโยบายกับรัฐบาลต่อไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโครง การคลองด่านจะอยู่ในระหว่างดำเนินคดีก็ตาม แต่เชื่อว่าทาง ทส.จะน่าจะทำอะไรควบคู่กันไปได้ โดยตั้งใจว่าจะลงพื้นที่ตรวจสภาพโครงการในสัปดาห์หน้า
ด้านนายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษกำลังเตรียมสรุปข้อมูลโครงการคลองด่าน เพื่อขอรับทราบนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่แล้ว เพราะขณะนี้ได้จัดทำโครงการไปแล้ว 98% แต่อีก 2% ยังติดขัดอยู่ เนื่องจากความกังวลของชาวบ้านเรื่องการปล่อยน้ำทิ้ง ประกอบกับมีคดีต่างๆ ติดค้างในขั้นตอนการพิจารณาของศาล แต่ถ้ารัฐมนตรีมีนโยบายชัดเจนแล้ว กรมควบคุมมลพิษก็จะนำเรื่องนี้เข้าหารืออย่างเร่งด่วน พร้อมกับต้องตรวจสอบสภาพของโครงการก่อนว่าถ้าจะเดินหน้าจำเป็นต้องเตรียมฟื้นฟูอะไรบ้าง
ประเด็นการไปเอาระบบฯ กลับคืนมาของฝ่ายรัฐบาลซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยนายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นรมว.ทส.ต่อจากนายประพัฒน์ กระทั่งมาถึงยุคนางอนงค์วรรณ ต่างมีข้อท้วงติงมาโดยตลอดว่า 1) จะส่งผลกระทบต่อคดีความในชั้นศาลและคดีอนุญาโตตุลาการที่เอกชนเรียกค่าเสียหายจากกรมควบคุมมลพิษ กว่า 6,000 ล้านบาท ถือเป็นการเข้าไปอุ้มเอกชนให้พ้นผิด 2) ฝ่ายรัฐฯ จะต้องลงทุนซ่อมแซมระบบที่ฝ่ายเอกชนก่อสร้างไม่ได้ตามข้อกำหนดอีกหลายพันล้านบาท 3) ประเด็นที่ยังไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องมลพิษต่อเวิ้งอ่าวไทยบริเวณคลองด่าน ซึ่งเป็นจุดทิ้งน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วแต่ยังปนเปื้อนสารพิษ ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่ชาวบ้านคลองด่าน เคลื่อนไหวให้มีการตรวจสอบกระทั่งนำไปสู่การสั่งหยุดโครงการในที่สุด
รายงานข่าวจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า คดีคลองด่านที่กรมควบคุมมลพิษ ฟ้องเอกชนผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการ ฐานฉ้อโกง เรียกค่าเสียหายกว่า 20,000 ล้านบาท จะสืบพยานฝ่ายโจทก์นัดสุดท้ายในวันนี้ (27 มี.ค.) ที่ศาลแขวงดุสิต เวลา 09.00 – 16.30 น. โดยศาลนัดสืบพยานปากสำคัญ คือ นายปกิต กิระวานิช อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ แต่อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นายปกิต ซึ่งถูกศาลออกหมายจับเพื่อนำตัวมาขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี และกรมฯ ไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะนำตัวนายปกิต ขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้มีคำสั่งให้นำตัวนายพรชัย ดิสกุล ช่างรังวัดมาเบิกความเป็นพยานฝ่ายโจทก์ด้วย ทั้งที่นายพรชัย ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลว่ากระทำความผิดร่วมกับนายวัฒนา อัศวเหม เรื่องการนำที่ดินสาธารณะมาหลอกขายให้กับกรมควบคุมมลพิษ และอัยการกำลังจะยื่นฟ้องต่อศาลในเร็วๆ นี้ ซึ่งเห็นได้ว่านายพรชัยกับนายวัฒนา ถือเป็นผู้ร่วมกระทำผิด จึงเกิดข้อกังขาว่าเหตุใด นายสุพัฒน์ จึงต้องการให้นายพรชัย ขึ้นเบิกความ
วานนี้ (26 มี.ค.) นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทส. เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวง ทส.ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษ เตรียมสรุปประเด็นความคืบหน้าโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ ขึ้นมาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง เพราะเห็นว่าโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 2 หมื่นล้านบาทไปแล้ว ควรจะได้ใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียได้ แต่ที่ผ่านมาอาจมีปัญหาติดขัดหลายๆ เรื่องจนทำให้เกิดการชะงัก และไม่สามารถดำเนินการต่ออะไรได้ โดยจะรับฟังข้อมูลจากทางกรมควบคุมมลพิษก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการนำเสนอเชิงนโยบายกับรัฐบาลต่อไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโครง การคลองด่านจะอยู่ในระหว่างดำเนินคดีก็ตาม แต่เชื่อว่าทาง ทส.จะน่าจะทำอะไรควบคู่กันไปได้ โดยตั้งใจว่าจะลงพื้นที่ตรวจสภาพโครงการในสัปดาห์หน้า
ด้านนายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษกำลังเตรียมสรุปข้อมูลโครงการคลองด่าน เพื่อขอรับทราบนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่แล้ว เพราะขณะนี้ได้จัดทำโครงการไปแล้ว 98% แต่อีก 2% ยังติดขัดอยู่ เนื่องจากความกังวลของชาวบ้านเรื่องการปล่อยน้ำทิ้ง ประกอบกับมีคดีต่างๆ ติดค้างในขั้นตอนการพิจารณาของศาล แต่ถ้ารัฐมนตรีมีนโยบายชัดเจนแล้ว กรมควบคุมมลพิษก็จะนำเรื่องนี้เข้าหารืออย่างเร่งด่วน พร้อมกับต้องตรวจสอบสภาพของโครงการก่อนว่าถ้าจะเดินหน้าจำเป็นต้องเตรียมฟื้นฟูอะไรบ้าง
ประเด็นการไปเอาระบบฯ กลับคืนมาของฝ่ายรัฐบาลซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยนายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นรมว.ทส.ต่อจากนายประพัฒน์ กระทั่งมาถึงยุคนางอนงค์วรรณ ต่างมีข้อท้วงติงมาโดยตลอดว่า 1) จะส่งผลกระทบต่อคดีความในชั้นศาลและคดีอนุญาโตตุลาการที่เอกชนเรียกค่าเสียหายจากกรมควบคุมมลพิษ กว่า 6,000 ล้านบาท ถือเป็นการเข้าไปอุ้มเอกชนให้พ้นผิด 2) ฝ่ายรัฐฯ จะต้องลงทุนซ่อมแซมระบบที่ฝ่ายเอกชนก่อสร้างไม่ได้ตามข้อกำหนดอีกหลายพันล้านบาท 3) ประเด็นที่ยังไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องมลพิษต่อเวิ้งอ่าวไทยบริเวณคลองด่าน ซึ่งเป็นจุดทิ้งน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วแต่ยังปนเปื้อนสารพิษ ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่ชาวบ้านคลองด่าน เคลื่อนไหวให้มีการตรวจสอบกระทั่งนำไปสู่การสั่งหยุดโครงการในที่สุด