กาฬสินธุ์ - รองผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ เข้าติดตามการรับซื้อข้าวเปลือกเหนียว ในราคาประกันตันละ 7 พันบาท หลัง ก.พาณิชย์สั่งกรมการค้าภายในเข้าช่วยเหลือในด้านราคา แต่ราคาดังกล่าวก็ยังไม่เป็นที่พอใจ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกจังหวัดเปิดเสรีการค้าข้าว เพราะจะทำให้ปัญหาการปั่นราคาโดยโรงสีใหญ่หมดไป
วันนี้ (14 พ.ค.) เวลา 11.00 น. ที่โรงสีไฟกาฬสินธุ์รุ่งเรือง 3 อำเภอกมลาไสย นายพงษ์ศักดิ์ นาคประดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายพัณณ์เดชน์ ศรีจันทร์ ปลัดจังหวัด นายสำรอง โพธิ์ซก ประธานสามาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน การค้าภายใน และแกนนำชาวนากาฬสินธุ์ ได้เข้าติดตามการรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวในราคาประกันตันละ 7 พันบาท ในค่าความชื้นที่ 30%
หลังจากที่เมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สั่งการให้กรมการค้าภายในดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาด้านราคาให้แก่ชาวนากาฬสินธุ์ เพราะถูกพ่อค้าคนกลางโรงสีกดราคาข้าวเปลือกอย่างไม่เป็นธรรม
ผลจากคำสั่งแก้ปัญหามีผลตั้งแต่ในช่วงบ่ายของวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ยังพบว่า ชาวนาที่ได้นำข้าวเปลือกไปขายกับโรงสีไฟกาฬสินธุ์รุ่งเรือง 3 อำเภอกมลาไสย ซึ่งเป็นโรงสีแห่งเดียวที่เข้าร่วมโครงการฯ กลับไม่ได้ราคา ตามข้อตกลง คณะกรรมการแก้ไขปัญหา จึงได้เข้าไปติดตามจนทราบว่า โครงการรับซื้อข้าวเปลือกเหนียว จะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
โดยการรับซื้อจะอยู่ในราคาตันละ 7 พันบาทในค่าความชื้นที่ 30% โดยปริมาณข้าวเปลือกเหนียวนาปรังที่มีอยู่ในพื้นที่ขณะนี้ ยังคงเหลืออยู่ประมาณ 20% ของปริมาณข้าวเปลือกทั่วจังหวัด
ด้าน นายอรุณ โคสมบูรณ์ แกนนำชาวนาบ้านดงพยอม ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า การให้ราคาประกันแก้ไขปัญหาให้กับชาวนาตันละ 7 พันบาท ในค่าความชื้นที่ 30% ยังถือว่าเป็นราคาที่ชาวนาไม่พอใจแต่ก็ต้องยอมรับเพราะปริมาณข้าวเปลือกในพื้นที่เหลือน้อย ราคาดังกล่าวจึงเป็นราคาที่ต่ำจากต้นทุน อีกทั้งในราคาที่ต่ำกว่าทุนก็ยังถือว่าพ่อค้าข้าวเปลือก โรงสี เอาเปรียบชาวนาเหมือนเดิม เพราะในฤดูนาปี ปัญหาการกดราคาก็จะเกิดขึ้นโดยเฉพาะที่กาฬสินธุ์ มีข้อตกลงไม่อนุญาตให้โรงสีนอกพื้นที่เข้าไปรับซื้อหรือตั้งฉางซื้อข้าวในพื้นที่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาการผูกขาดในเรื่องของราคาข้าวเปลือก การทำลายกำแพงนายทุนด้วยการเปิดให้ทุกพื้นที่เกิดการค้าเสรีจึงเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน กระทรวงพาณิชย์จึงควรเร่งพิจารณาให้มีการเปิดเสรีโดยเร็วเพราะจะทำให้เกิดการแข่งขันที่ยังจะทำให้ชาวนาสามารถเลือกซื้อขายข้าวได้ราคาที่เป็นธรรม
นายสำรอง โพธิ์ซก ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน กล่าวว่า นับจากนี้สมาพันธ์ฯ แกนนำชาวนา จะติดตามให้กระทรวงพาณิชย์เปิดให้พื้นที่กาฬสินธุ์ สามารถซื้อขายข้าวได้อย่างเสรี โดยเฉพาะการเปิดให้โรงสีนอกเขตจังหวัดเข้ามาเปิดฉางรับซื้อข้าวได้กับการสร้างมาตรการคุมครองชาวนา
จึงต้องการให้จังหวัดตั้งคณะกรรมการติดตามการรับซื้อข้าวจากโรงสี ซึ่งจะทำให้หน้านอกเหนือจากคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่เป็นการตั้งองค์กรเอกชน ราชการ และสื่อมวลชนเข้าติดตามบรรยากาศการรับซื้อข้าวรวมไปถึงในโครงการประกันราคาข้าวเปลือกทุกโครงการฯที่จะเป็นการป้องกันปัญหาการเอาเปรียบเกษตรกรที่จะลดปัญหาให้ภาครัฐจะไม่ต้องสูญเสียเงินจำนวนมากจากปัญหาการโกงราคาข้าวชาวนา
ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ นาคประดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในการเปิดเสรีการรับซื้อข้าวเปลือกกับชาวนากาฬสินธุ์ ขณะนี้ได้รับการประสานงานจากโรงสีนอกพื้นที่หลายแห่ง ซึ่งทางจังหวัดก็ได้ดำเนินการเสนอความต้องการไปยังกระทรวงพาณิชย์แล้วที่คาดว่าจะทำให้ปัญหาดังกล่าวในพื้นที่หมดไป เพราะชาวนาถือว่าเป็นกลุ่มอาชีพที่จนที่สุดในประเทศและคนทุกคนก็โตมาด้วยข้าว
“เรื่องสำคัญก็คือการช่วยเหลือเกษตรกรและหากในอนาคตเมื่อมีการตั้งกรรมการขึ้นมาก็จะมีการประชุมเพื่อทำการคาดโทษโรงสีหรือพ่อค้าข้าวที่จะมีการขึ้นทะเบียนเป็นพ่อค้าหากมีการปั่นราคาก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายทันที”
สำหรับการรับซื้อข้าวในขณะนี้นอกจากโรงสีไฟกาฬสินธุ์รุ่งเรือง 3 อ.กมลาไสย ของนางชะม้อย วรามิตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ก็ยังมีโรงสีโชควรารักษ์ จ.ลพบุรี แจ้งความต้องการเข้ามา ซึ่งชาวนาที่ยังมีข้าวอยู่สามารถที่จะนำข้าวไปขายได้ในราคาตันละ 7 พันบาทความชื้นไม่เกิน 30%
