กาฬสินธุ์- ชาวนาเมืองน้ำดำเดือด ปลุกผีดิบโบราณ ทำพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปแช่ง พ่อค้าโรงสีเอาเปรียบชาวนา จี้รัฐถอนใบอนุญาต-เปิดเสรีทางการค้า ก่อนหน้าเจราจาแก้ปัญหาไม่สำเร็จ สุดท้ายผวาหนัก รัฐบาลสั่งอุ้มราคาข้าวเปลือกเหนียวที่ตันละ 7,000 บาท ความชื้น 30% โดยให้ ธ.ก.ส.ปล่อยกู้ให้กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ
วันนี้ (13 พ.ค.) เวลา 10.00 น.ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายสำรอง โพธิ์ซก ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน พร้อมตัวแทนชาวนากาฬสินธุ์ กว่า 100 คน เดินทางมาปักหลักชุมนุมประท้วงให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกนาปรัง โดยเฉพาะข้าวเหนียวที่มีราคาตกต่ำเพียงตันละ 6,000 บาท ที่เกิดจากปัญหาการปั่นราคาของพ่อค้าคนกลางและโรงสีกับตลาดกลางที่ทำให้ราคาข้าวเปลือกในขณะนี้เหลือเพียงตันละ 5,000 บาท
การเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเจราจรที่มีตัวแทน กรมการค้าภายใน แต่กลับไม่ได้รับคำตอบ
ทั้งนี้ แกนนำเกษตรกรได้เปิดเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล โดยได้เปรียบเทียบปัญหาราคาน้ำตาลทราย ราคามันสำปะหลัง และผลไม้ ที่เมื่อมีการเรียกร้องกลับได้รับการแก้ไขในขณะที่ปัญหาราคาข้าวเปลือก ที่เป็นอาชีพของเกษตรกรทั่วประเทศ เมื่อมีปัญหากลับไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและเร่งด่วน แต่กลับปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาดอย่างไม่เป็นธรรมโดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พ่อค้าข้าวยังเป็นกลุ่มนายทุนอิทธิพล และมีนักการเมืองระดับจังหวัดเป็นตัวปั่นราคาจึงต้องการให้ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เข้ามาแก้ไขปัญหาให้ด้วย
ต่อมาเวลา 13.00 น.นายพงษ์ศักดิ์ นาถประดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายพัณณ์เดช ศรีจันทร์ ปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์ พล.ต.ต.พิสัณห์ อาวีกร วรเทพนิตินันท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ได้เข้าพบกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อดำเนินการเจราจรรอบสอง กับกลุ่มชาวนาที่ยังคงต้องการให้รัฐบาลเข้ามารับซื้อข้าวเปลือกเหนียวในราคาตันละ 7,000 บาท โดยไม่จำกัดความชื้นพร้อมทั้งให้เอาผิดกับโรงสีที่เอาเปรียบชาวนา และเปิดให้การรับซื้อข้าวเป็นไปอย่างเสรี โดยใช้ห้องประชุมชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดเป็นสถานที่ประชุม
ในระหว่างการประชุม ทางจังหวัดได้แจ้งปัญหาไปยังกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งทางกระทรวงได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร ด้วยการเปิดให้ทาง ธ.ก.ส.ปล่อยเงินกู้ให้กับโรงสีที่ต้องการเข้าร่วมแก้ไขปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำ ที่จะทำการรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวชาวนาในราคาตันละ 7,000 บาท ที่ความชื้น 30%
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า การรับซื้อครั้งนี้ มีโรงสีไฟกาฬสินธุ์รุ่งเรือง 3 ที่อำเภอกมลาไสย ของนางชะม้อย วรามิตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าร่วมโครงการเพียงแห่งเดียวโดยให้เปิดดำเนินการรับซื้อในทันที
ขณะที่ทางจังหวัดรับเรื่องความต้องการของเกษตรกร ที่ต้องการเปิดการค้าเสรีให้โรงสีนอกเขตจังหวัดสามารถเข้ามารับซื้อได้ ทั้งนี้เกษตรกรเชื่อว่าจะทำให้ปัญหาการกดราคาข้าวชาวนาหมดไป
ด้าน นายสำรอง โพธิ์ซก ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน กล่าวว่า ถึงแม้การเจรจาจะได้ข้อยุติด้วยการรับซื้อข้าว แต่สิ่งที่ชาวนากาฬสินธุ์ต้องการ คือ การเปิดให้โรงสีนอกพื้นที่สามารถเข้าไปรับซื้อหรือตั้งจุดรับซื้อย่างเสรี โดยเฉพาะในหน้าโครงการประกันราคาข้าวเปลือก เพราะหากมีเพียงโรงสี 3 แห่ง ก็จะเกิดปัญหาการฮั้วราคาขึ้นมาอีก ซึ่งในขณะนี้ทราบว่าทางจังหวัดได้ทำหนังสือสรุปรายงานการประชุมเพื่อดำเนินการเปิดเสรีไปแล้ว
จึงต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ ได้เห็นใจชาวนา เพราะตามข้อมูลทราบว่า ผลจากการปิดพื้นที่ได้ทำการ นายทุนควบคุมราคา และปั่นราคาข้าวจนเกินจริง ซึ่งผู้ที่เสียประโยชน์ ก็คือ ชาวนาแต่คนที่ได้รับประโยชน์กลับเป็นนายทุน อีกทั้งก็ต้องการให้สร้างบรรทัดฐาน ในการเอาผิดกับโรงสีที่มีพฤติกรรมคดโกง ให้คาดโทษและให้ยึดใบอนุญาตประกอบกิจการเพื่อเป็นตัวอย่างในการแก้ไขปัญหาให้กับชาวนาทั่วประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากการประชุม แกนนำชาวนายังได้ทำการเผาพริกเผาเกลือ และเผาหุ่นด้วยพิธีโบราณสาปแช่ง พ่อค้าโรงสีที่มีพฤติกรรมสูบเลือดสูบเนื้อชาวนา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่แก้ไขปัญหาล่าช้าอีกด้วย