สกลนคร - ชาวนาเมืองสกลนคร สุดช้ำถูกกดราคารับซื้อข้าวเปลือก แค่กิโลกรัมละ 6 บาทเศษ ทั้งที่ก่อนหน้าราคาพุ่งไปถึงตันละเกือบ 2 หมื่นบาท ร้อง ส.ส.ช่วย เชื่อเป็นกลยุทธ์พ่อค้าข้าว หวังซื้อในราคาต่ำจนหมดตลาด
นายประพาส บาลลา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลช้างมิ่ง อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนครพร้อมตัวแทนชาวบ้านในตำบลช้างมิ่งกว่า 20 คน เดินทางไปที่สำนักงานกลุ่มพลังประชาชน เพื่อยื่นหนังสือต่อนายสมยศ ศรีสะอาด อดีตประธานสภา อบจ.สกลนคร ประธานกลุ่มพลังประชาชน เพื่อขอให้ช่วยเหลือ เนื่องจากชาวบ้านกำลังประสบกับความเดือดร้อนจากการทำนาปรัง
โดยชาวบ้านทำการปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่กว่า 3 หมื่นไร่ อาศัยน้ำจากโครงการชลประทานเขื่อนน้ำอูน อ.พังโคน ซึ่งข้าวกำลังอยู่ระหว่างเก็บเกี่ยวขายผลผลิตสู่ตลาด แต่ปรากฏว่า ชาวนากลับถูกผู้รับซื้อข้าวบอกว่างดรับซื้อข้าว โดยแต่ละวันจะรับซื้อตามโควตาที่สามารถซื้อได้เท่านั้น หากจะขายจริงๆจะรับซื้อข้าวเปลือกในราคาเพียงกิโลกรัมละ 6.33 บาทเท่านั้น หรือประมาณตันละ 6,300 บาท
นายประพาสกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 เมษายน ราคาข้าวเปลือกนาปรังเปียกที่เกี่ยวใหม่ๆ จะมีราคาสูงถึงตันละ 8,750 บาท แต่ผ่านไปไม่กี่วัน ราคาข้าวกลับลดลงอย่างน่าตกใจ และลดลงอย่างต่อเนื่องทุกวัน และไม่แน่ใจว่าต่อไปจะลดลงเหลือกี่บาท
หากราคายังทรุดตัวในลักษณะนี้ ชาวนามีแต่ขาดทุนเท่านั้น เนื่องจากลงทุนสูง โดยเฉพาะราคาปุ๋ยที่พุ่งไปถึงกระสอบละ 1,000 บาท ที่สำคัญตอนนี้ในระยะไม่เกิน 10 วัน ชาวนาทุกคนต้องเก็บเกี่ยว ไม่เช่นนั้นจะได้รับความเสียหายจากฝน จึงฝากให้ทางราชการเข้ามาดูแลพยุงราคาข้าวด้วย
จากการติดตามสถานการณ์ข้าวที่ผ่านมา หลังจากปรากฏข่าวข้าวแพงนั้น ทางรัฐบาลกำหนดให้ข้าวนาปรังราคาตันละ 13,000 บาท ซึ่งตกกิโลกรัมละ 9 บาท ซึ่งชาวนาก็พออยู่ได้ แต่ตอนนี้ถูกบีบให้ขายข้าวในราคากิโลกรัม 6.33 บาท ชาวนาหลายพันครอบครัว ในพื้นที่อำเภอพรรณานิคม อำเภอพังโคน และอำเภอเมืองบางส่วน จึงได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
ด้านนายสมยศ ศรีสะอาด ประธานกลุ่มพลังประชาชน ได้ประสานงานไปยัง นายเฉลิมชาติ การุญ ส.ส.สกลนคร เขต 1 พรรคไทยรักไทย พร้อมด้วย ส.อบจ.ในกลุ่ม เดินทางมารับเรื่อง โดยหลังจากรับเรื่องแล้ว นายเฉลิมชาติกล่าวว่า จะนำเรื่องไปแจ้งต่อที่ประชุมสภา เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะมีหลายฝ่ายรับทราบพร้อมกัน
ที่ผ่านมามีการพูดคุยในเรื่องนี้ โดยจะมีการดำเนินการอย่างช้าไม่เกินวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 ซึ่งเป็นการหารือปัญหาในภาพรวมทั่วประเทศ แต่ที่สกลนครนั้นชาวบ้านจะมีการเก็บเกี่ยวภายในระยะใกล้ ดังนั้นจึงต้องมีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยตนจะแจ้งประสานไปที่กระทรวงพาณิชย์ ให้ทางจังหวัดแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบ พร้อมกับจะส่งตัวแทนลงไปตรวจสอบดูปัญหาในพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไปและจะต้องดูเหตุผลทั้งสองฝ่ายด้วย
ทั้งนี้จากการสอบถามชาวบ้านถึงสาเหตุที่ข้าวราคาต่ำ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นกลยุทธ์การซื้อขายของพ่อค้า โดยในช่วงนี้ราคาจะต่ำกว่า 6.66 บาท/กิโลกรัม แต่เชื่อว่าอีกไม่เกินเดือนหน้า เมื่อชาวนาขายข้าวไปหมดและไปอยู่ในมือของพ่อค้า ราคาข้าวจะขยับสูงขึ้นไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 16 บาท