ศูนย์ข่าวขอนแก่น- รมว.ท่องเที่ยวฯลั่นภายใน 3 ปี นักท่องเที่ยวทั้งไทย-ตปท.ต้องเข้าพื้นที่ภาคอีสานมากขึ้น หลังประกาศปี 51-53 เป็นปีท่องเที่ยวอีสาน ตัดพ้อกว่า 40 ปี ก่อตั้ง ททท.ภาคอีสาน ถูกมองข้ามความสำคัญ แนะชูความเก่าแก่แหล่งอารยธรรม เป็นจุดขายหลักดึงความสนใจทัวร์ แต่ต้องเพิ่มเรื่องเล่าให้น่าติดตามภายใต้คอนเซ็ปต์ Slow traveling
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ โรงแรมโซฟิเทล ราชา ออคิด จ.ขอนแก่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ได้จัดให้มีการประชุมเพื่อจัดทำแผนการตลาดการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค ปี 2552(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) โดยมีตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว, ผู้ประกอบการโรงแรม และบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ภาคอีสาน เข้าร่วมประชุมร่วม 300 คน โดยมีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางมามอบนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยว
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงการประชุมครั้งนี้ ว่า ต้องการระดมความเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเพื่อนำไปสู่การยกร่างจัดทำกลยุทธ์การตลาดรายภูมิภาค ขณะเดียวกัน ต้องการให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้เสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมตลาด ที่จะช่วยกระตุ้นตัวเลข นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ที่จะอยู่พักในพื้นที่มากขึ้น และส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน
รัฐบาลเองมีนโยบายที่จะให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยมีนโยบายเร่งด่วน ให้ปี 2551-2552 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทยและการลงทุนด้านการท่องเที่ยว เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนที่ชะลอตัวจากสถานการณ์ความไม่ชัดเจนทางการเมืองและสภาวะเศรษฐกิจของไทยในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับการกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวภาคอีสาน นายวีระศักดิ์กล่าวว่า ททท.ได้ประกาศให้ระหว่างปี 2551-2553 เป็น “ปีแห่งการท่องเที่ยวอีสาน” เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภาคอีสานให้มากขึ้น ที่ต้องกำหนดปีท่องเที่ยวภาคอีสาน 3 ปี เพราะต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐและบริษัทนำเที่ยวเอกชนสามารถวางแผนการทำตลาดได้ต่อเนื่องชัดเจน สามารถเห็นผลได้
“นับแต่ก่อตั้ง ททท.มากว่า 40 ปี ไม่เคยมีการวางแผนส่งเสริมการขายหรือมีนโยบายที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาคอีสานที่ชัดเจน จับต้องได้มาก่อนเลย ครั้งนี้ตนมีโอกาสมาดูแลงานด้านการท่องเที่ยวก็ต้องการให้มีการโปรโมตอย่างจริงจัง ส่วนผลจะออกมาอย่างไรค่อยประเมินกันอีกที”นายวีระศักดิ์ กล่าวและว่า
ภาคอีสานเป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ และมีความสำคัญทางโบราณคดีและประวัตศาสตร์แห่งหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และของโลก ไม่ว่าจะเป็นแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และยังเป็นแหล่งธรณีวิทยาในยุคโบราณที่ไม่มีที่ไหนในประเทศไทย คือซากกระดูกไดโนเสาร์ และซากฟอสซิลในยุคดึกดำบรรพ์ แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้สามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่สนใจ หากมีการส่งเสริมอย่างถูกต้อง ก็สามารถสร้างแรงจูงใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้ไม่แพ้ภูมิภาคอื่น
นับจากนี้ไป ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชนต้องมองเห็นภาพรวมจุดขายการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้เพื่อที่จะขายได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ที่สำคัญภาพลักษณ์ของอีสานต้องเปลี่ยน ไม่ได้แห้งแล้ง ยากจนอย่างที่เข้าใจกันมาแต่อดีต มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ 3 ปี นับจากนี้ไปผู้คนจะต้องรู้จักภาคอีสานมากขึ้น
การขายการท่องเที่ยวภาคอีสานต้องเป็นไปอย่างมีคุณค่า มาอีสานไม่จำเป็นต้องตระเวนไปหลายจุดภายในวันเดียว ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้อะไร แต่ละแหล่งไกลกันมาก เมื่อไกลกันมาก ก็ต้องกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้การเยี่ยมชมแต่ละจุดคุ้มค่าและประทับใจ โดยเฉพาะแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง แหล่งพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว กาฬสินธุ์และภูเวียง ขอนแก่น จะให้น่าสนใจก็ต้องมีการเล่าเรื่อง ย้อนประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวได้ติดตาม คอนเซ็ปต์ Slow traveling ควรนำมาใช้กับการขายท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้
อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมการท่องเที่ยว นายวีระศักดิ์ ระบุว่า จะต้องดำเนินการควบคู่กันทั้งในด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว บริการ และการดำเนินงานด้านการตลาด โดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจะต้องทำในลักษณะกลุ่มพื้นที่ทางการท่องเที่ยว(Cluster) โดยภาคอีสาน ได้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มจังหวัด ประกอบด้วย เส้นทางเลียบฝั่งแม่น้ำโขง เส้นทางไดโนเสาร์ มหัศจรรย์เส้นทางบุญ และเส้นทางเปิดโลกสุรินทร์สู่อารยธรรมขอม
ทั้งนี้ มีแผนที่จะพัฒนาไปเป็นแบรนด์ของกลุ่มจังหวัด ซึ่ง ททท.จะส่งเสริมแบรนด์เหล่านี้ภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand การดำเนินงานลักษณะนี้จะส่งผลให้เกิดการเพิ่มศักยภาพทางการท่องเที่ยวในทุกจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดที่เป็นจังหวัดหลักการท่องเที่ยวเท่านั้น
ด้านนางจุรีรัตน์ คงตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผน ททท.ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าในปี 2550 จำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยต่างภูมิภาค เดินทางเข้าสู่พื้นที่ภาคอีสานสูงมีอัตราการขยายตัวสูงถึงร้อยละ 31 เป็นสัญญาณที่ดีบ่งชี้ถึงแนวโน้มการปรับตัวของโครงสร้างตลาดของพื้นที่ ที่มีการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างภูมิภาคเพิ่มขึ้นทุกจังหวัด ยกเว้นอุดรธานีที่มีตัวเลขลดลง
“อำเภอปากช่อง นครราชสีมาและจังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นดาวเด่นของพื้นที่ มีการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มนักทัศนาจรในอัตราที่สูงมาก อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมทั้งภาคอีสานแล้วแม้จะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว แต่มูลค่ายอดรวมรายได้จากการท่องเที่ยวภาคอีสานอยู่ในระดับที่ต่ำสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น”
