วีระศักดิ์ ฟุ้งสศช.และสำนักงบประมาณ เห็นความสำคัญอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ไฟเขียวงบประมาณเร่งด่วน ปี 2551 วงเงินเฉียด 3,500 ล้านบาท เดินหน้าใช้ให้หมดภายใน 6-7 เดือนของปีงบประมาณนี้ ประกาศเดินหน้าเมกกะโปรเจก 14 เส้นทางท่องเที่ยวตามกลุ่มจังหวัด ยั่วน้ำลายเอกชนแห่ลงทุน
วานนี้(14 มี.ค.51) ในการประชุมรับมอบนโยบายและแนวทางการปฎิบัติงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ล่าสุดทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) และสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ได้เห็นชอบอนุมัติงบประมาณเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประจำปีงบประมาณ 2551 ให้แก่กระทรวงการท่องเที่ยวฯในวงเงิน 3,492 ล้านบาท จากที่ยื่นเสนอขอไปทั้งสิ้นรวม 9,660 ล้านบาท โดยมุ่งหวังให้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ นำงบไปกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้เศรษฐกิจไทยถูกขับเคลื่อน ซึ่งเร็วๆนี้วงเงินงบประมาณดังกล่าว จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบเป็นลำดับต่อไป
งบประมาณเร่งด่วนที่ได้รับจัดสรรมาครั้งนี้ แบ่งเป็น เงินที่จะจ่ายให้แก่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เพื่อไปดำเนินกิจกรรมด้านการตลาดในเชิงรุกและลึก กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ รวมวงเงิน 1,636 ล้านบาท , สำนักปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว เพื่อดูเรื่องการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว วงเงิน 1,070 ล้านบาท ,สำนักพัฒนาการท่องเที่ยว(สพท.) วงเงิน 4 ล้านบาท เพื่อใช้เรื่องการจัดทำมาตรฐาน ,สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. วงเงิน 390 ล้านบาท และ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. วงเงิน 392 ล้านบาท
"ปัจจุบัน เงินงบประมาณประจำปี 2551ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่ได้รับจัดสรรมาทั้งสิ้นราว 4,900 ล้านบาท ได้ถูกเบิกจ่ายไปแล้วประมาณ 40% คงเหลืออยู่ประมาณ 2,200 ล้านบาท เมื่อรวมกับงบเร่งด่วนที่ได้มาใหม่อีก 3,492 ล้านบาท ก็จะทำให้กระทรวงฯมีงบประมาณที่จะดำเนินงานภายใน 6-7 เดือนของปีงบประมาณ 2551 นี้รวมเป็นวงเงิน 5,692 ล้านบาท ก็จะเร่งให้ทุกหน่วยงานรีบดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยรัฐบาลเชื่อว่า งบเร่งด่วนนี้จะเข้ามาช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ให้ฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว"
***ฟุ้ง14เมกกะโปรเจคขับเคลื่อนเศรษฐกิจ***
สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ที่กระทรวงฯ โดยสำนักงานปลัด จะนำงบประมาณที่ได้นี้ไปใช้ได้แก่ การพัฒนาเมกกะโปรเจก ในแต่ละคลัสเตอร์ หรือกลุ่มจังหวัด รวม 14 แห่ง ให้เกิดเป็นรูปธรรม พร้อมกับการเขียนแผนการพัฒนาต่อไปอีกในระยะ 3 ปีซึ่งจะบรรจุไว้ในแผนบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ 1.โครงการเส้นทางอารยธรรมล้านนา สำหรับภาคเหนือตอนบน ใช้งบพัฒนาปี 2551วงเงิน 40 ล้านบาท และอีก 3 ปีจะใช้งบอีก 255 ล้านบาท 2.เส้นทางมรดกโลกเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ สำหรับภาคเหนือตอนล่าง ใช้งบปี 2551 วงเงิน 100 ล้านบาท และอีก 3 ปีข้างหน้าจะใช้งบอีกราว 800 ล้านบาท 3.โครงการ Royal Coast หรือ ไทยแลนด์ริเวียร่า สำหรับภาคใต้ตอนบน เจากลุ่มนักท่องเที่ยวระดับไฮเอน ใช้งบปีนี้ 260 ล้านบาท และใน 3 ปีจะใช้เพิ่มอีก 490 ล้านบาท
4.เส้นทางเลียบฝั่งแม่น้ำโขง ปีนี้ใช้งบ 130 ล้านบาท และอีก 3 ปี ต่อไปใช้งบ 240 ล้านบาท และ 5.เส้นทางเปิดโลกสุรินทร์สู่อารยธรรมขอม;นครวัด วงเงิน 160 ล้านบาท และอีก 3 ปีจะใช้งบอีก 340 ล้านบาท ทั้งนี้ในอีก 9 โครงการที่เหลือ ก็จะทยอยดำเนินการโดยจัดสรรงบประมาณให้ในปีต่อๆไป โดยได้บรรจุไว้ในโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในระยะปีงบประมาณ 2551-2553 แล้ว ได้แก่ โครงการเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศและผจญภัย ,เส้นทางนิเวศป่าร้อนชื้น ,วิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำภาคกลาง ,โครงการมหัศจรรย์สองสมุทร ,เส้นทางไดโนเสาร์ ,มหัศจรรย์เส้นทางบุญ ,เส้นทางอัญมณีและการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ,โครงการ Active Beachบริเวณชายหาดพัทยา และ เส้นทางน้ำพุร้อน
ทั้งนี้หลายโครงการ เช่น เส้นทางน้ำพุร้อน เส้นทางอัญมณี เป็นต้น อาจร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อใช้งบประมาณในการดำเนินการ รวมถึงการประสานงานให้เอกชนได้ขอรับวงเงินกู้จากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) อย่างไรก็ตามขณะนี้กระทรวงฯอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดแผนปฎิบัติราชการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 เมษายนศกนี้ ซึ่งจะทำให้มองเห็นการทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น ซึ่งตรงนี้ จะทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ และเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงมั่นใจว่า ในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ไปการลงทุนด้านการท่องเที่ยวจะไหลเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดการเติบโตอย่างแน่นอน
วานนี้(14 มี.ค.51) ในการประชุมรับมอบนโยบายและแนวทางการปฎิบัติงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ล่าสุดทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) และสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ได้เห็นชอบอนุมัติงบประมาณเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประจำปีงบประมาณ 2551 ให้แก่กระทรวงการท่องเที่ยวฯในวงเงิน 3,492 ล้านบาท จากที่ยื่นเสนอขอไปทั้งสิ้นรวม 9,660 ล้านบาท โดยมุ่งหวังให้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ นำงบไปกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้เศรษฐกิจไทยถูกขับเคลื่อน ซึ่งเร็วๆนี้วงเงินงบประมาณดังกล่าว จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบเป็นลำดับต่อไป
งบประมาณเร่งด่วนที่ได้รับจัดสรรมาครั้งนี้ แบ่งเป็น เงินที่จะจ่ายให้แก่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เพื่อไปดำเนินกิจกรรมด้านการตลาดในเชิงรุกและลึก กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ รวมวงเงิน 1,636 ล้านบาท , สำนักปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว เพื่อดูเรื่องการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว วงเงิน 1,070 ล้านบาท ,สำนักพัฒนาการท่องเที่ยว(สพท.) วงเงิน 4 ล้านบาท เพื่อใช้เรื่องการจัดทำมาตรฐาน ,สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. วงเงิน 390 ล้านบาท และ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. วงเงิน 392 ล้านบาท
"ปัจจุบัน เงินงบประมาณประจำปี 2551ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่ได้รับจัดสรรมาทั้งสิ้นราว 4,900 ล้านบาท ได้ถูกเบิกจ่ายไปแล้วประมาณ 40% คงเหลืออยู่ประมาณ 2,200 ล้านบาท เมื่อรวมกับงบเร่งด่วนที่ได้มาใหม่อีก 3,492 ล้านบาท ก็จะทำให้กระทรวงฯมีงบประมาณที่จะดำเนินงานภายใน 6-7 เดือนของปีงบประมาณ 2551 นี้รวมเป็นวงเงิน 5,692 ล้านบาท ก็จะเร่งให้ทุกหน่วยงานรีบดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยรัฐบาลเชื่อว่า งบเร่งด่วนนี้จะเข้ามาช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ให้ฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว"
***ฟุ้ง14เมกกะโปรเจคขับเคลื่อนเศรษฐกิจ***
สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ที่กระทรวงฯ โดยสำนักงานปลัด จะนำงบประมาณที่ได้นี้ไปใช้ได้แก่ การพัฒนาเมกกะโปรเจก ในแต่ละคลัสเตอร์ หรือกลุ่มจังหวัด รวม 14 แห่ง ให้เกิดเป็นรูปธรรม พร้อมกับการเขียนแผนการพัฒนาต่อไปอีกในระยะ 3 ปีซึ่งจะบรรจุไว้ในแผนบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ 1.โครงการเส้นทางอารยธรรมล้านนา สำหรับภาคเหนือตอนบน ใช้งบพัฒนาปี 2551วงเงิน 40 ล้านบาท และอีก 3 ปีจะใช้งบอีก 255 ล้านบาท 2.เส้นทางมรดกโลกเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ สำหรับภาคเหนือตอนล่าง ใช้งบปี 2551 วงเงิน 100 ล้านบาท และอีก 3 ปีข้างหน้าจะใช้งบอีกราว 800 ล้านบาท 3.โครงการ Royal Coast หรือ ไทยแลนด์ริเวียร่า สำหรับภาคใต้ตอนบน เจากลุ่มนักท่องเที่ยวระดับไฮเอน ใช้งบปีนี้ 260 ล้านบาท และใน 3 ปีจะใช้เพิ่มอีก 490 ล้านบาท
4.เส้นทางเลียบฝั่งแม่น้ำโขง ปีนี้ใช้งบ 130 ล้านบาท และอีก 3 ปี ต่อไปใช้งบ 240 ล้านบาท และ 5.เส้นทางเปิดโลกสุรินทร์สู่อารยธรรมขอม;นครวัด วงเงิน 160 ล้านบาท และอีก 3 ปีจะใช้งบอีก 340 ล้านบาท ทั้งนี้ในอีก 9 โครงการที่เหลือ ก็จะทยอยดำเนินการโดยจัดสรรงบประมาณให้ในปีต่อๆไป โดยได้บรรจุไว้ในโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในระยะปีงบประมาณ 2551-2553 แล้ว ได้แก่ โครงการเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศและผจญภัย ,เส้นทางนิเวศป่าร้อนชื้น ,วิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำภาคกลาง ,โครงการมหัศจรรย์สองสมุทร ,เส้นทางไดโนเสาร์ ,มหัศจรรย์เส้นทางบุญ ,เส้นทางอัญมณีและการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ,โครงการ Active Beachบริเวณชายหาดพัทยา และ เส้นทางน้ำพุร้อน
ทั้งนี้หลายโครงการ เช่น เส้นทางน้ำพุร้อน เส้นทางอัญมณี เป็นต้น อาจร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อใช้งบประมาณในการดำเนินการ รวมถึงการประสานงานให้เอกชนได้ขอรับวงเงินกู้จากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) อย่างไรก็ตามขณะนี้กระทรวงฯอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดแผนปฎิบัติราชการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 เมษายนศกนี้ ซึ่งจะทำให้มองเห็นการทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น ซึ่งตรงนี้ จะทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ และเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงมั่นใจว่า ในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ไปการลงทุนด้านการท่องเที่ยวจะไหลเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดการเติบโตอย่างแน่นอน