“วีระศักดิ์” เครื่องร้อน จับมือ สสว. จัดสัมมนา หวังพัฒนาแหล่งน้ำพุร้อน กว่า 112 แห่งทั่วประเทศ สู่ระดับสากล ระบุขอเวลา 6 เดือน ด้าน สสว.ไฟเขียวเงินกู้ 1,000 ล้านบาท ให้เอกชนร่วมลงทุน
วานนี้ (5มี.ค.51) ในการประชุมสัมมนาโฟกัสกรุ๊ป เรื่องการพัฒนาและบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อน ซึ่งจัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จุดประสงค์การจัดสัมมนาในครั้งนี้เพื่อให้ท้องถิ่นที่มีแหล่งน้ำพุร้อน ได้เห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ตามศักยภาพ
“รวมทั้งต้องการให้เจ้าของพื้นที่ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นตื่นตัวที่จะพัฒนา อาจเป็นเรื่องของการร่วมทุนกับนักลงทุนก็ได้ แต่ต้องไม่ขายสัมปทานให้นักลงทุนไปทั้งหมด โดยจะขอใช้เวลา 6 เดือน นับจากนี้ เดินสายเจรจาชี้แจงกับภาครัฐและเอกชน ตลอดจนองค์กรส่วนท้องถิ่นและชุมชน ให้เห็นความสำคัญของหารพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นที่ตัวเองมีอยู่ รวมถึงเข้าใจเรื่องการลงทุนด้านการท่องเที่ยว แต่ต้องเป็นการลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติ”
ปัจจุบัน กรมทรัพยากรธรณี ได้สำรวจแหล่งน้ำพุร้อนในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งมีประมาณ 112 แห่ง แต่ยังมีรูปแบบการจัดการและการพัฒนาได้ไม่เต็มศักยภาพ ภาครัฐจะประสานงานกับภาคเอกชนนักลงทุนในการเข้าไปสำรวจแหล่งน้ำพุร้อน จะมีศักยภาพพัฒนาไปในทิศทางใดได้บ้าง
“เราอาจศึกษาแหล่งน้ำพุร้อนในต่างประเทศมาปรับใช้ให้เหมาะกับประเทศไทย เพราะที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวเข้าไปแหล่งน้ำพุร้อน บางทีก็แค่ไปอาบน้ำ หรือนำไข่ไปต้ม เท่านั้น แต่ในต่างประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ ที่เมืองโรโตรัว มีแหล่งโคลนเดือด ท้องถิ่นใช้ประโยชน์ได้มาก ที่ญี่ปุ่นมีแหล่งน้ำพุร้อนหลายพันแห่ง ถูกพัฒนาขึ้นเป็นประโยชน์การท่องเที่ยว เข้าถึงชุมชนทั้งบริการสาธารณะและเชิงธุรกิจ เป็นต้น” นายวีระศักดิ์กล่าว
นางจิตราภรณ์ เตชาชาญ ผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า สสว.ได้จัดสรรงบลงทุนในธุรกิจนี้ไว้ 1,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนผันระยะเวลาการชำระหนี้ได้ หากเอกชนรายใดก็มายื่นเรื่องกู้ยืมได้ โดย สสว. จะขอเป็นเพียงพี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษาเท่านั้น
นอกจากนั้นยังได้เชิญ นายเซจิ โยเนอิดะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและบริหารจัดการ การให้บริการน้ำพุร้อนจากประเทศญี่ปุ่น มาถ่ายทอดความรู้และข้อเสนอแนะให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ประเภทน้ำพุร้อน หรือน้ำแร่
วานนี้ (5มี.ค.51) ในการประชุมสัมมนาโฟกัสกรุ๊ป เรื่องการพัฒนาและบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อน ซึ่งจัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จุดประสงค์การจัดสัมมนาในครั้งนี้เพื่อให้ท้องถิ่นที่มีแหล่งน้ำพุร้อน ได้เห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ตามศักยภาพ
“รวมทั้งต้องการให้เจ้าของพื้นที่ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นตื่นตัวที่จะพัฒนา อาจเป็นเรื่องของการร่วมทุนกับนักลงทุนก็ได้ แต่ต้องไม่ขายสัมปทานให้นักลงทุนไปทั้งหมด โดยจะขอใช้เวลา 6 เดือน นับจากนี้ เดินสายเจรจาชี้แจงกับภาครัฐและเอกชน ตลอดจนองค์กรส่วนท้องถิ่นและชุมชน ให้เห็นความสำคัญของหารพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นที่ตัวเองมีอยู่ รวมถึงเข้าใจเรื่องการลงทุนด้านการท่องเที่ยว แต่ต้องเป็นการลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติ”
ปัจจุบัน กรมทรัพยากรธรณี ได้สำรวจแหล่งน้ำพุร้อนในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งมีประมาณ 112 แห่ง แต่ยังมีรูปแบบการจัดการและการพัฒนาได้ไม่เต็มศักยภาพ ภาครัฐจะประสานงานกับภาคเอกชนนักลงทุนในการเข้าไปสำรวจแหล่งน้ำพุร้อน จะมีศักยภาพพัฒนาไปในทิศทางใดได้บ้าง
“เราอาจศึกษาแหล่งน้ำพุร้อนในต่างประเทศมาปรับใช้ให้เหมาะกับประเทศไทย เพราะที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวเข้าไปแหล่งน้ำพุร้อน บางทีก็แค่ไปอาบน้ำ หรือนำไข่ไปต้ม เท่านั้น แต่ในต่างประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ ที่เมืองโรโตรัว มีแหล่งโคลนเดือด ท้องถิ่นใช้ประโยชน์ได้มาก ที่ญี่ปุ่นมีแหล่งน้ำพุร้อนหลายพันแห่ง ถูกพัฒนาขึ้นเป็นประโยชน์การท่องเที่ยว เข้าถึงชุมชนทั้งบริการสาธารณะและเชิงธุรกิจ เป็นต้น” นายวีระศักดิ์กล่าว
นางจิตราภรณ์ เตชาชาญ ผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า สสว.ได้จัดสรรงบลงทุนในธุรกิจนี้ไว้ 1,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนผันระยะเวลาการชำระหนี้ได้ หากเอกชนรายใดก็มายื่นเรื่องกู้ยืมได้ โดย สสว. จะขอเป็นเพียงพี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษาเท่านั้น
นอกจากนั้นยังได้เชิญ นายเซจิ โยเนอิดะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและบริหารจัดการ การให้บริการน้ำพุร้อนจากประเทศญี่ปุ่น มาถ่ายทอดความรู้และข้อเสนอแนะให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ประเภทน้ำพุร้อน หรือน้ำแร่