ศูนย์ข่าวศรีราชา - สรรพากรแปดริ้วแจง จำเป็นต้องรีดเลือดจากปู เหตุไม่มีกฎหมายรองรับ หรือข้อยกเว้นภาษีต่อกลุ่มวิสาหกิจชุมชน พร้อมเตรียมเข้าชี้แจงทำความเข้าใจต่อเกษตรกรชาวสวนมะม่วง ถึงหน้าที่ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เผยปัญหาดังกล่าวมีเรื้อรั้งถกกันไม่จบมานานแล้ว ขณะปีภาษีหน้า ได้รับอานิสงการยกเว้นภาษี ตามนโยบายกระตุ้นการรวมกลุ่มของเกษตรกรจากรัฐบาล “สมัคร”
วันนี้ (27 มี.ค.) เวลา 12.00 น.นายสุทธิชัย สังขมณี หัวหน้าสำนักงานสรรพากรพื้นที่ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงกรณีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออก จ.ฉะเชิงเทรา เข้าร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสรรพากรท้องที่ อ.บางคล้า จะเข้าเรียกเก็บภาษีจากกลุ่มผู้ผลิตมะม่วงส่งออก ว่า ปัญหาดังกล่าวได้เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว
ที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร ที่สนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเพื่อเกิดความเข้มแข็ง จัดการสัมมนาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ในหลายจังหวัด เพื่อหาข้อยุติในการเรียกเก็บภาษี ของวิสาหกิจชุมชน ซึ่งมีสถานะเป็นคณะบุคคล หากมีรายรับถึงเกณฑ์ก็จะต้องเสียภาษีในแบบเดียวกับบุคคลธรรมดา โดยไม่มีข้อยกเว้นตามหน้าที่ในกฎหมายรัฐธรรมกำหนดไว้
ผิดไปจากประมวลรัชฎากรของชาวนา ที่มีการเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ชาวนาไม่ต้องเสียภาษี และการรวมกลุ่มกันเป็นในรูปแบบของสหกรณ์การเกษตร ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีอีกเช่นเดียวกัน
ส่วนชาวสวนมะม่วงที่รวมกลุ่มกันเป็นแบบวิสาหกิจชุมชน ไม่ได้มีข้อกำหนดไว้เป็นกฎหมาย ให้มีการยกเว้นภาษี เกษตรกร หรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จึงมีหน้าที่ ที่จะต้องเสียภาษีตามกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด ภายในวันที่ 31 มี.ค.2551 นี้ แต่ในปีต่อไปหากเกษตรกรชาวสวนมีรายได้ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเช่นเดียวกัน เป็นระยะเวลา 3 ปี ตามมาตรการกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มของรัฐบาลใหม่ ที่เพิ่งมีการประกาศใช้
หลังจากนี้ ในวันจันทร์ ที่ 31 มี.ค.นี้ ทางสรรพากรจังหวัดจะได้นัดให้ประธานกลุ่ม รวมถึงเกษตรกรชาวสวนมะม่วง มาชี้แจ้งทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกันขึ้น
วันนี้ (27 มี.ค.) เวลา 12.00 น.นายสุทธิชัย สังขมณี หัวหน้าสำนักงานสรรพากรพื้นที่ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงกรณีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออก จ.ฉะเชิงเทรา เข้าร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสรรพากรท้องที่ อ.บางคล้า จะเข้าเรียกเก็บภาษีจากกลุ่มผู้ผลิตมะม่วงส่งออก ว่า ปัญหาดังกล่าวได้เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว
ที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร ที่สนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเพื่อเกิดความเข้มแข็ง จัดการสัมมนาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ในหลายจังหวัด เพื่อหาข้อยุติในการเรียกเก็บภาษี ของวิสาหกิจชุมชน ซึ่งมีสถานะเป็นคณะบุคคล หากมีรายรับถึงเกณฑ์ก็จะต้องเสียภาษีในแบบเดียวกับบุคคลธรรมดา โดยไม่มีข้อยกเว้นตามหน้าที่ในกฎหมายรัฐธรรมกำหนดไว้
ผิดไปจากประมวลรัชฎากรของชาวนา ที่มีการเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ชาวนาไม่ต้องเสียภาษี และการรวมกลุ่มกันเป็นในรูปแบบของสหกรณ์การเกษตร ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีอีกเช่นเดียวกัน
ส่วนชาวสวนมะม่วงที่รวมกลุ่มกันเป็นแบบวิสาหกิจชุมชน ไม่ได้มีข้อกำหนดไว้เป็นกฎหมาย ให้มีการยกเว้นภาษี เกษตรกร หรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จึงมีหน้าที่ ที่จะต้องเสียภาษีตามกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด ภายในวันที่ 31 มี.ค.2551 นี้ แต่ในปีต่อไปหากเกษตรกรชาวสวนมีรายได้ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเช่นเดียวกัน เป็นระยะเวลา 3 ปี ตามมาตรการกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มของรัฐบาลใหม่ ที่เพิ่งมีการประกาศใช้
หลังจากนี้ ในวันจันทร์ ที่ 31 มี.ค.นี้ ทางสรรพากรจังหวัดจะได้นัดให้ประธานกลุ่ม รวมถึงเกษตรกรชาวสวนมะม่วง มาชี้แจ้งทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกันขึ้น