ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เผย 41 โรงสีเมืองช้างรับซื้อกก.ละ 15 บาท หรือ 15,000 หมื่นบาท/ตัน ชี้แนวโน้มปรับตัวขึ้นอีก ประธานชมรมโรงสีฯ สุรินทร์ร้องรัฐบาลปล่อยให้ราคาข้าวเป็นไปตามกลไกตลาดไม่ควรแทรกแซงบีบราคาต่ำสนองนโยบายท่าเดียว ชี้เป็นโอกาสทองของชาวนาไทยควรส่งเสริมช่วยลดต้นทุนการผลิต แก้ปัญหาปุ๋ยแพงเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร
นายอนันต์ วงศ์อมรมิตร ประธานชมรมโรงสีข้าวจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์เป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดีของโลก มีพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิมากกว่า 3 แสนไร่ และขณะนี้ข้าวเปลือกหอมมะลิมีราคาสูงเป็นประวัติการณ์ โดยราคารับซื้อหน้าโรงสีข้าวทั้ง 44 โรงของ จ.สุรินทร์ อยู่ที่กิโลกรัมละ 15 บาท หรือ ตันละ 15,000 บาท ไม่มีผู้ประกอบการโรงสีรายใดในพื้นที่สามารถรับซื้อในราคาที่ต่ำกว่านี้ได้ หลังจากข้าวเปลือกหอมมะลิปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากเดือนมกราคม กิโลกรัม(กก.)ละ 10 บาท เดือนกุมภาพันธ์ ปรับขึ้นเป็น กก.ละ 12 บาท และ กก.ละ 15 บาทในเดือนมีนาคม
“ข้าวเปลือกหอมมะลิ จะยังคงมีราคาสูงขึ้นไปอีก ยังไม่มีแนวโน้มที่ราคาจะลดลงแต่อย่างใด ซึ่งในส่วนของ จ.สุรินทร์ตามโรงสีข้าวต่างๆ ขณะนี้มีข้าวเปลือกหอมมะลิ ที่พร้อมจะสีเป็นข้าวสารป้อนตลาดประมาณ 150,000 ตัน และ เกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกไว้รอขายในช่วงที่มีราคาดี ขณะนี้ได้ทยอยนำข้าวเปลือกหอมมะลิออกมาขายกันแล้ว” นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับรัฐบาลที่กำลังจะมีนโยบายช่วยเหลือผู้บริโภค ด้วยการนำข้าวสารในสต๊อกขององค์การคลังสินค้า (อคส.) กระทรวงพาณิชย์ กว่า 2.1 ล้านตัน ออกมาจำหน่ายในราคาถูก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคนั้นก็น่าจะทำได้ แต่เกษตรกรและผู้ประกอบโรงสีข้าวเห็นว่า ไม่ควรเข้าแทรกแซงกลไกของตลาด หรือกดดันขอให้โรงสีข้าวขายข้าวในราคา เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลอย่างเดียว
ทั้งนี้ เนื่องจากโรงสีข้าวเองก็รับซื้อข้าวมาตามกลไกของตลาด และ เกษตรกรกำลังดีใจที่ข้าวมีราคาสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งถือเป็นโอกาสทองของชาวนาไทย ดังนั้น รัฐบาลควรหาแนวทางลดต้นทุนการปลูกข้าวและการขนส่ง โดยเฉพาะราคาปุ๋ยที่พุ่งสูงขึ้นกว่าเท่าตัว รวมทั้งราคาน้ำมันดีเซล เพราะขณะนี้ราคาสูงมากทำให้ค่าใช้จ่ายการทำนาของเกษตรกรสูง หากรัฐบาลสามารถลดต้นทุนเหล่านี้ได้เกษตรกรก็จะมีรายได้มากขึ้น
