ภูหลวงเปิดเวทีประชาคมปลูกสำนึกรักษ์ป่า

เลย - อำเภอภูหลวงจัดเวทีประชาคม หมู่บ้านปลอดการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าแห่งแรก จ.เลย เผยเขตป่าสงวนถูกนายทุน-ชาวบ้านบุกรุกตัดไม้อย่างหนักและต่อเนื่องยาวนาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อำเภอภูหลวง เป็นอำเภอที่มีพื้นที่ป่าเกือบทั้งหมดอำเภอ ซึ่งประกอบด้วย 5 ตำบล 46 หมู่บ้าน ราษฎร 23,271 คน 5,862 ครอบครัว โดยในพื้นที่มีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง และเขตป่าสงวนแห่งชาติภูหลวง ภูหอ ภูค้อ และภูกระแต อันเป็นพื้นที่ป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้มีราษฎรและกลุ่มนายทุน ในพื้นที่ข้างเคียงทำการบุกรุกและลักลอบตัดไม้ ทำลายป่าอย่างต่อเนื่อง

สร้างผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมแหล่งต้นน้ำลำธาร และชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร โดยส่วนรวมในพื้นที่ รวมทั้งฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไป และเริ่มต้นการทำประชาคม แห่งแรกที่ บ้านสวนปอ หมู่ที่ 7 ต.แก่งศรีภูมิ ซึ่งมีราษฎร 87 หลังคน 397 คน และจะทำให้ครบภายใน 3 เดือน ทั้งอำเภอภูหลวง

นายโสภณ สุวรรณรัตน์ นายอำเภอภูหลวง กล่าวว่า อำเภอภูหลวงได้ตระหนักในนโยบายของรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ในการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า โดยเล็งเห็นว่ามาตรการด้านการปราบปรามแต่เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จำเป็นต้องกำหนดให้ หมู่บ้าน ชุมชน และราษฎร ในหมู่บ้านชุมชนนั้นๆ เข้ามามีส่วนในการแก้ไขปัญหาร่วมกันจึงได้กำหนด โครงการ “หมู่บ้านปลอดการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า” อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย โดยมีกระบวนการดำเนินการตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้

1.กำหนดหมู่บ้านเป้าหมาย โดยเฉพาะหมู่บ้านที่มีพื้นที่ติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง และเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่ด้วยการนำราษฎรที่มีพฤติกรรมลักลอบตัดไม้ทำลายป่าของหมู่บ้านเป้าหมาย เข้ารับการอบรมและชี้แจงทำความเข้าใจถึงสภาพข้อเท็จจริง และผลของการตัดไม้ทำลายป่า ในพื้นที่รวมทั้งปรับเปลี่ยนความคิด ทัศนคติของราษฎรกลุ่มดังกล่าว ให้เล็งเห็นความสำคัญ และความจำเป็นในการรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ หลังจากการ อบรมแล้ว ได้มอบหมายและกำหนดรูปแบบให้ผู้ที่ผ่านรับการอบรมได้มีบทบาท
และหน้าที่ ในรูปของอาสาสมัครพิทักษ์อนุรักษ์ป่าในพื้นที่ ตำบล หมู่บ้าน ของตน

2.นายอำเภอภูหลวง ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ท้องถิ่น หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ได้เข้าไปจัดทำประชาคมและประชามติราษฎรในหมู่บ้านเป้าหมาย โดยเริ่มจากหมู่บ้านที่มีการลักลอบ ตัดไม้ทำลายป่าอยู่เป็นประจำ ด้วยการประชุมชี้แจงให้ราษฎรที่เป็นเจ้าบ้านหรือผู้แทนของบ้าน ทุกหลังคาเรือน ในหมู่บ้านได้รับทราบและเข้าใจแนวทางการดำเนินงาน โดยการให้ผู้เข้าร่วมประชาคม ลงประชามติว่าเจ้าบ้าน หรือผู้อาศัยของบ้านแต่ละหลังในหมู่บ้านมีพฤติกรรม ในการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าหรือไม่

3.หลังจากลงประชามติแล้ว บ้านหลังใดที่ผ่านการลงประชามติไม่มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า นายอำเภอภูหลวง ก็จะมอบป้ายข้อความ “บ้านหลังนี้ไม่ตัดไม้ทำลายป่า” เพื่อให้ราษฎรนำไปติดไว้ยังหน้าบ้านของตนเพื่อแสดงว่าตนและผู้อาศัยในบ้านไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว สำหรับบ้านหลังใดที่ไม่ผ่านการประชามติก็จะไม่ได้รับมอบป้ายแต่อย่างใด

การลงประชามติจะมีการดำเนินการ 2-3 ครั้งในแต่ละหมู่บ้าน เพื่อเปิดโอกาสให้บ้านหลังคาเรือนที่ไม่ผ่านการลงประชามติได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และผ่านการลงประชามติจากเพื่อนบ้านว่าเลิกยุ่งเกี่ยวกับการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และสำหรับผู้อยู่อาศัยหลังคาเรือนใดที่ได้รับป้ายข้อความแล้ว หากภายหลังถูกจับกุมหรือมีพยานหลักฐานว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการลักลอบตัดไม้ นายอำเภอภูหลวงก็จะนำราษฎรทั้งหมู่บ้านไปขอปลดป้ายข้อความจากบ้านหลังนั้น และใช้มาตรการทางกฎหมาย ในการดำเนินการต่อผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาดต่อไป

4.นายอำเภอภูหลวงได้ให้ราษฎรที่เคยมีพฤติกรรมในการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งผ่านการอบรมแล้วและได้รับมติจากประชาคมให้เป็นบ้านที่ไม่ตัดไม้ทำลายป่า ได้รวมกลุ่มกันและพิจารณาเลือกอาชีพที่ตนถนัด โดยนายอำเภอภูหลวงจะให้การส่งเสริมและสนับสนุน ด้านการจัดหาวิทยากร เพื่อฝึกอาชีพ และพิจารณาจัดหางบประมาณทั้งที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ราษฎรกลุ่มนี้สามารถประกอบอาชีพและมีรายได้ประจำ โดยไม่หวนกลับไปกระทำ ผิดด้วยการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอีก ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งกลุ่มขึ้นแล้วหนึ่งกลุ่มคือ กลุ่มผลิตลวดหนามบ้านนาดินดำ

5. หลังจากที่ราษฎรทุกหลังคาเรือนในแต่ละหมู่บ้านที่อำเภอภูหลวงได้เข้าไปดำเนิน โครงการ “หมู่บ้านปลอดการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า” หยุดพฤติกรรมโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ครบถ้วนแล้ว อำเภอภูหลวงได้มอบนโยบายให้ทุกส่วนราชการ หน่วยงานในพื้นที่นำโครงการต่างๆ ของทางราชการเข้าไปดำเนินการ เพื่อสร้างความใกล้ชิดและตรวจติดตามประเมินผลการดำเนินการตามโครงการให้บังเกิดความต่อเนื่อง รวมทั้งได้จัดตั้งอาสาสมัครพิทักษ์อนุรักษ์ป่าในแต่ละหมู่บ้าน เพื่อเฝ้าระวังและอนุรักษ์ป่าในพื้นที่ให้อุดมสมบูรณ์คงสภาพพื้นที่สีเขียวให้ยั่งยืนตลอดไปในอนาคต