ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - พาณิชย์เชียงใหม่สรุปการจัดงานแสดงสินค้ากลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง “ราชพฤกษ์-GMS Expo 2008” ยอมรับได้ผลต่ำกว่าเป้าหมาย ทั้งด้านยอดจำหน่ายสินค้าและผู้เข้าชมงาน ชี้ สาเหตุมาจากการที่จังหวัดเชียงใหม่มีการจัดกิจกรรมต่อเนื่องหลายงาน ส่งผลให้กำลังซื้อหดหาย ส่วนพ่อค้าในประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่มาร่วมงาน เพราะอยู่ในช่วงตรุษจีน
นายวัยรักษ์ วลัยรัตน์ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงผลสรุปการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า “ราชพฤกษ์-GMS Expo 2008” ซึ่งจัดขึ้นบริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติราชพฤกษ์ 2549 (พืชสวนโลก) ระหว่างวันที่ 9-17 ก.พ.2551 ว่า การจัดงานดังกล่าวมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้าทั้งสิ้น 551 ราย จากจำนวนบูทที่มีการจัดไว้ทั้งหมด 600 บูท โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ 292 ราย และเป็นผู้ประกอบการจากกลุ่มประเทศ GMS หรือประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 8 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบการลาวและจีนประเทศละ 4 ราย ส่วนที่เหลือเป็นผู้ประกอบการไทยจากภาคต่างๆ
สำหรับยอดจำหน่ายสินค้าตลอดช่วงการจัดงานนั้น มีรวมทั้งสิ้น 25,236,920 บาท แบ่งเป็นยอดจำหน่ายภายในงาน 24,305,270 บาท และยอดสั่งซื้อ 931,650 บาท ขณะที่จำนวนผู้เข้าชมงานมีจำนวนทั้งสิ้น 201,942 คน ทั้งนี้ ยอมรับว่า ทั้งจำนวนผู้เข้าชมงานและยอดจำหน่ายสินค้าในการจัดงานครั้งนี้ ต่ำกว่าเป้าหมายที่มีการกำหนดไว้ก่อนการจัดงาน ซึ่งตั้งเป้าหมายมีผู้เข้าเที่ยวชมงานอย่างน้อย 300,000 คน และมียอดจำหน่ายสินค้าอย่างต่ำ 50 ล้านบาท
ส่วนสาเหตุที่ทำให้การจัดงานในครั้งนี้ไม่ได้ผลตามเป้าหมายนั้น นายวัยรักษ์ กล่าวว่า เนื่องมาจากในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่จังหวัดเชียงใหม่ มีการจัดงานและกิจกรรมต่างๆ เป็นจำนวนมาก ประกอบกับไม่ได้เป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว รวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์น้อย จึงส่งผลทำให้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเที่ยวชมงานไม่มากอย่างมีการคาดไว้ ขณะเดียวกันสถานที่จัดงานยังมีปัญหาอุปสรรคในหลายด้านด้วย เช่น อยู่ห่างไกลและระบบการคมนาคมขนส่งไม่สะดวก สถานที่จอดรถอยู่ไกล และการจัดพื้นที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น
นอกจากนี้ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลทำให้การจัดงานในครั้งนี้ไม่ได้ผลตามเป้าหมาย เนื่องจากเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างการถวายอาลัยการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทำให้ต้องมีการยกเลิกกิจกรรมบางอย่างไป โดยเฉพาะการจัดการแต่งงานบนบอลลูน ที่เดิมมีการกำหนดจะจัดขึ้นภายในงานในช่วงของวันวาเลนไทน์ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวนั้น น่าจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจและช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าเที่ยวชมงานได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ดังนั้น เมื่อมีการยกเลิกกิจกรรมดังกล่าวไปจึงผลกระทบบ้างที่ทำให้การจัดงานไม่ได้ผลตาเป้าหมาย
ในส่วนของการที่มีกลุ่มผู้ประกอบการจากกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเข้าร่วมการจัดงานในครั้งนี้น้อยมากนั้น นายวัยรักษ์ ชี้แจงว่า ก่อนหน้าการจัดงานทางผู้ประกอบการจากประเทศต่างๆ ได้ติดต่อจองบูท เพื่อที่จะนำสินค้ามาจัดแสดงและจำหน่ายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการจากประเทศจีน ทั้งเฉินตู และคุนหมิง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการจัดงานมีขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ผู้ประกอบการเหล่านั้น ต้องยกเลิกการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เพราะไม่มีเที่ยวบินที่จะเดินทางมาเชียงใหม่ เนื่องจากเที่ยวบินเต็ม ซึ่งการจัดงานในครั้งต่อไปจะมีการกำหนดช่วงการจัดงานใหม่ให้มีความเหมาะสม โดยเบื้องต้นเห็นว่าช่วงต้นเดือนธันวาคมน่าจะมีความเหมาะสมที่สุด
จากการสอบถามประชาชนทั่วไปที่ได้เข้าไปในงานดังกล่าว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่น่าจะเป็นงานเกี่ยวกับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงแต่น่าจะเป็นงานขายสินค้าโอทอปทั่วๆ ไปมากกว่า เพราะไม่เห็นมีสินค้าจาก 4 ประเทศ ที่เคยมีการจัดเมื่อปีก่อนๆ ที่ผ่านมา ทั้งๆ โดยสภาพพื้นที่การจัดงานที่ใช้สถานที่ของพืชสวนโลกมาจัดก็น่าจะออกมาดูดีกว่าในอดีตที่ไปใช้สนามกีฬา 700 ปีจัด “เป็นงานที่น่าเสียดายอย่างยิ่งควรจะจัดให้สมกับชื่อ GMS Expo2008 เพราะแม้แต่พิธีกรบนเวทียังประกาศเป็นงานจีเอสเอ็มด้วยซ้ำไปแล้ว ครั้งน่าจะมีใครเชื่อถือที่จะเดินทางชมงานอีก”
นายวัยรักษ์ วลัยรัตน์ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงผลสรุปการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า “ราชพฤกษ์-GMS Expo 2008” ซึ่งจัดขึ้นบริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติราชพฤกษ์ 2549 (พืชสวนโลก) ระหว่างวันที่ 9-17 ก.พ.2551 ว่า การจัดงานดังกล่าวมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้าทั้งสิ้น 551 ราย จากจำนวนบูทที่มีการจัดไว้ทั้งหมด 600 บูท โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ 292 ราย และเป็นผู้ประกอบการจากกลุ่มประเทศ GMS หรือประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 8 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบการลาวและจีนประเทศละ 4 ราย ส่วนที่เหลือเป็นผู้ประกอบการไทยจากภาคต่างๆ
สำหรับยอดจำหน่ายสินค้าตลอดช่วงการจัดงานนั้น มีรวมทั้งสิ้น 25,236,920 บาท แบ่งเป็นยอดจำหน่ายภายในงาน 24,305,270 บาท และยอดสั่งซื้อ 931,650 บาท ขณะที่จำนวนผู้เข้าชมงานมีจำนวนทั้งสิ้น 201,942 คน ทั้งนี้ ยอมรับว่า ทั้งจำนวนผู้เข้าชมงานและยอดจำหน่ายสินค้าในการจัดงานครั้งนี้ ต่ำกว่าเป้าหมายที่มีการกำหนดไว้ก่อนการจัดงาน ซึ่งตั้งเป้าหมายมีผู้เข้าเที่ยวชมงานอย่างน้อย 300,000 คน และมียอดจำหน่ายสินค้าอย่างต่ำ 50 ล้านบาท
ส่วนสาเหตุที่ทำให้การจัดงานในครั้งนี้ไม่ได้ผลตามเป้าหมายนั้น นายวัยรักษ์ กล่าวว่า เนื่องมาจากในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่จังหวัดเชียงใหม่ มีการจัดงานและกิจกรรมต่างๆ เป็นจำนวนมาก ประกอบกับไม่ได้เป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว รวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์น้อย จึงส่งผลทำให้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเที่ยวชมงานไม่มากอย่างมีการคาดไว้ ขณะเดียวกันสถานที่จัดงานยังมีปัญหาอุปสรรคในหลายด้านด้วย เช่น อยู่ห่างไกลและระบบการคมนาคมขนส่งไม่สะดวก สถานที่จอดรถอยู่ไกล และการจัดพื้นที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น
นอกจากนี้ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลทำให้การจัดงานในครั้งนี้ไม่ได้ผลตามเป้าหมาย เนื่องจากเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างการถวายอาลัยการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทำให้ต้องมีการยกเลิกกิจกรรมบางอย่างไป โดยเฉพาะการจัดการแต่งงานบนบอลลูน ที่เดิมมีการกำหนดจะจัดขึ้นภายในงานในช่วงของวันวาเลนไทน์ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวนั้น น่าจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจและช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าเที่ยวชมงานได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ดังนั้น เมื่อมีการยกเลิกกิจกรรมดังกล่าวไปจึงผลกระทบบ้างที่ทำให้การจัดงานไม่ได้ผลตาเป้าหมาย
ในส่วนของการที่มีกลุ่มผู้ประกอบการจากกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเข้าร่วมการจัดงานในครั้งนี้น้อยมากนั้น นายวัยรักษ์ ชี้แจงว่า ก่อนหน้าการจัดงานทางผู้ประกอบการจากประเทศต่างๆ ได้ติดต่อจองบูท เพื่อที่จะนำสินค้ามาจัดแสดงและจำหน่ายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการจากประเทศจีน ทั้งเฉินตู และคุนหมิง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการจัดงานมีขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ผู้ประกอบการเหล่านั้น ต้องยกเลิกการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เพราะไม่มีเที่ยวบินที่จะเดินทางมาเชียงใหม่ เนื่องจากเที่ยวบินเต็ม ซึ่งการจัดงานในครั้งต่อไปจะมีการกำหนดช่วงการจัดงานใหม่ให้มีความเหมาะสม โดยเบื้องต้นเห็นว่าช่วงต้นเดือนธันวาคมน่าจะมีความเหมาะสมที่สุด
จากการสอบถามประชาชนทั่วไปที่ได้เข้าไปในงานดังกล่าว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่น่าจะเป็นงานเกี่ยวกับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงแต่น่าจะเป็นงานขายสินค้าโอทอปทั่วๆ ไปมากกว่า เพราะไม่เห็นมีสินค้าจาก 4 ประเทศ ที่เคยมีการจัดเมื่อปีก่อนๆ ที่ผ่านมา ทั้งๆ โดยสภาพพื้นที่การจัดงานที่ใช้สถานที่ของพืชสวนโลกมาจัดก็น่าจะออกมาดูดีกว่าในอดีตที่ไปใช้สนามกีฬา 700 ปีจัด “เป็นงานที่น่าเสียดายอย่างยิ่งควรจะจัดให้สมกับชื่อ GMS Expo2008 เพราะแม้แต่พิธีกรบนเวทียังประกาศเป็นงานจีเอสเอ็มด้วยซ้ำไปแล้ว ครั้งน่าจะมีใครเชื่อถือที่จะเดินทางชมงานอีก”