xs
xsm
sm
md
lg

มท.3 ฟิตดันโครงข่ายคมนาคม 4 ประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อุบลราชธานี- “สิทธิชัย โควสุรัตน์” ฟิตจัดประกาศจับมือ 3 รมต.สายเลือดเมืองดอกบัว ผลักดัน โครงการเชื่อมเส้นทางคมนาคมขนส่งสินค้า 4 ประเทศ ไทย ลาว เวียดนาม จีน หวังร่นระยะทาง เวลา และค่าใช้จ่าย พร้อมประสานผู้ว่าราชการจังหวัด-ตำรวจอีสานใต้ เข้มงวดจับกุมขบวนการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ส่วนชาวบ้านขอรัฐบาลใหม่หาตลาดสินค้าโอทอป และอนุรักษ์ศิลปะการแสดงหมอลำกลอนให้ยั่งยืนกับสังคมอีสาน

วันนี้ (12 ก.พ.) นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการสนับสนุนพัฒนาการค้าเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านด้านจังหวัดอุบลราชธานี ว่า จังหวัดอุบลราชธานีมีรัฐมนตรีถึง 3 คน คือ ตน นายสุพล ฟองงาม และ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ถือเป็นนิมิตหมายดีที่จะร่วมกันพัฒนาบ้านเกิด อาทิ โครงการเชื่อมต่อเส้นทางการคมนาคมขนส่งสินค้าระหว่างไทย ลาว เวียดนาม และ จีน

การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่จังหวัดอุบลราชธานี เข้าสู่ประเทศลาวผ่านไปประเทศเวียดนามเข้าสู่ประเทศจีน โดยเส้นทางดังกล่าว สามารถร่นระยะทางและเวลาขนส่งสินค้าให้กับกลุ่มประเทศในโซนนี้ได้เป็นอย่างดี ตนจะนำเรื่องนี้หารือกับรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้การเชื่อมโยงเส้นทางระหว่าง 4 ประเทศให้เป็นจริงได้

นายสิทธิชัย กล่าวยอมรับว่า ปัจจุบันยังพบการลักลอบตัดไม้พยุงตามแนวชายแดนไทย-ลาว-กัมพูชา เมื่อตนดูแลกระทรวงมหาดไทย จะประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจจังหวัดในพื้นที่อีสานตอนล่าง ที่พบการลักลอบตัดไม้ดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ให้เข้ามาร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกันรักษาป่า และเข้มงวดจับกุมกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้

ทั้งนี้ ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ทำให้พื้นที่ภาคอีสานแห้งแล้งยิ่งขึ้น หากทุกฝ่ายร่วมมือกันลดปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า จะทำให้พื้นที่ภาคอีสานมีพื้นที่ชุ่มน้ำเพิ่มขึ้น ไม่ต้องเสียเวลามาแก้ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นทุกปี

ด้าน นางวันทอง นารักษ์ อายุ 57 ปี กลุ่มแม่บ้านหนองดูณ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ต้องการให้รัฐมนตรีของจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมผลักดันให้เศรษฐกิจของจังหวัดดีกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการส่งเสริมอาชีพในท้องถิ่น เพื่อลดปัญหาการอพยพของแรงงานในหน้าแล้ง และขอฝากให้รัฐบาลจัดหาตลาดรองรับสินค้าโอทอปให้มากขึ้น

ปัจจุบันสินค้าที่ผลิตจากกลุ่มแม่บ้านออกมาจำหน่าย เริ่มได้รับผลกระทบ เนื่องจากตลาดรองรับไม่เพียงพอ อย่ามุ่งเพียงการส่งเสริมแต่ไม่เตรียมการด้านตลาดรองรับไว้ให้ ทำให้วงจรความยากจนของประชาชนยังคงอยู่ต่อไป รวมทั้งขอให้รัฐบาลควบคุมราคาสินค้าจากโรงงาน ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคและปุ๋ยเคมี เพราะมีการปรับราคาสวนทางกับราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำลงด้วย

ส่วน นายทองใส บัวโรย หรือ “สมชาย บัวโรย” รองประธานชมรมอีสานพัฒนาลำกลอน จ.อุบลราชธานี กล่าวถึงการประกอบอาชีพหมอลำกลอน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาคนท้องถิ่นและได้รับผลกระทบจากหมอลำซิ่ง โดยแต่ละปีคณะหมอลำกลอนได้รับการว่าจ้างไม่ถึง 10 ครั้ง และมีราคาค่าจ้างแสดงถูกมากประมาณครั้งละ 5,000-6,000 บาท

ทำให้ผู้ประกอบอาชีพหมอลำกลอน ต้องเลิกไป เพราะมีรายได้ไม่พอจุนเจือครอบครัว เกรงว่าหมอลำกลอน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของชาวอีสานจะเสื่อมหายไปจากสังคม อยากให้รัฐบาลใหม่ส่งเสริมอนุรักษ์หมอลำกลอนให้กลับมาแพร่หลายเหมือนเดิม เพื่อให้การแสดงชนิดนี้อยู่คู่กับสังคมอีสานและสังคมไทยตลอดไป
กำลังโหลดความคิดเห็น