xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านรอยต่อแพร่-อุตรดิตถ์ร้องถูกอุทยานฯ ไล่พ้นป่าเตรียมงาบเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แพร่ – ชาวบ้านรอยต่อจังหวัดแพร่-อุตรดิตถ์ ร้องสื่อถูกอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่านกดดัน-จับกุม ห้ามเข้าป่าของกิน-ซ่อมเส้นทางคมนาคม พร้อมให้ไล่ออกจากพื้นที่ป่าทั้งที่อยู่กันมาหลายชั่วคน

วันนี้ (14 ก.พ.) ชาวบ้านจำนวน 63 ครอบครัวที่ทำมาหากิน บริเวณป่าในหมู่ที่ 9 ต.ช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ และชาวบ้านที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวอีก 12 ครอบครัว นำโดยนางมยุรี แสงสุมน อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 2 ต.ช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ รวมตัวกันร้องต่อสื่อมวลชนขอความเป็นธรรม หลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่านนำกำลังเข้าจับกุมชาวบ้านที่ทำมาหากินในพื้นที่ป่าโดยการเก็บเหง้าข่า และหาของป่า รวมทั้งห้ามไม่ให้ชาวบ้านซ่อมเส้นทางที่สัญจรที่ชำรุด ซึ่งเส้นทางดังกล่าวมีการสัญจรอย่างต่อเนื่องมากว่า 2 ชั่วอายุคน

นอกจากนั้นยังพยายามผลักดันให้ชาวบ้านที่อยู่อาศัยประจำจำนวน 12 ครอบครัวออกจากพื้นที่ของตนเอง โดยอ้างพื้นที่ที่ชาวบ้านอาศัยอยู่เป็นเขตอุทยานแห่งชาติไปแล้ว ซึ่งทำให้ชาวบ้านดังกล่าวประสบความเดือดร้อนอย่างหนัก มีหลายรายถูกจับดำเนินคดี

นายสุข อิสระ อายุ 51 ปีอยู่บ้านเลขที่ 181/1 หมู่ 12 ต.จริม อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ตนกับชาวบ้านหลายคนมีฐานะยากจน เข้ามาทำมาหากินในพื้นที่ป่าแถบนี้มานานตั้งแต่สมัยที่อายุยัง 20 ปีเท่านั้น ซึ่งชาวบ้านที่เข้ามาทำมาหากินแบบตน มีทั้งชาวบ้านใน จ.แพร่ และ จ.อุตรดิตถ์ นอกจากการหาขอป่าแล้วเรายังร่วมกันรักษาป่าไว้ไม่ให้นายทุนเข้ามาบุกรุกอีกด้วยมีการร่วมกันปลูกป่าเสริม เพราะเชื่อว่าป่าเป็นแหล่งหากินจึงช่วยกันทำให้สภาพป่าสมบูรณ์ดีตลอดไป

ชาวบ้านจะมีรายได้กับการเก็บแง่งข่าป่าไปจำหน่าย โดยสามารถเก็บได้เพียงเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงเดือนเมษายนเท่านั้น ซึ่งมีวิธีการเก็บชาวบ้านต้องรักษาไม่ให้สูญพันธุ์มีวิธีทำให้ปีต่อไปมีข่ารุ่นใหม่สามารถเข้ามาเก็บได้อีก เป็นเช่นนี้มา 20-30 ผีแล้ว ต้นข่าไม่สูญพันธุ์ แต่เมื่อทางการประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่านเมื่อปี 2541 ที่ผ่านมา

การประกาศเป็นพื้นที่อุทยาน ที่ผ่านมารับทราบการอยู่อาศัยทำกินของชาวบ้านไม่ไม่เข้ามารบกวนชาวบ้านแต่อย่างใด ระยะหลังตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีการกวาดล้างชาวบ้านให้ออกจากพื้นที่ป่า ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดจากสาเหตุใด มาตรการของป่าไม้เป็นการทำไม่ถูก นอกจากนั้นยังส่งผลร้ายแรงถ้าชาวบ้านออกไปจริงๆ พื้นที่แถบนี้จะเป็นโอกาสของนายทุนกว้านซื้อตั้งรีสอร์ทและสนามกอล์ฟอย่างแน่นอน

เขาย้ำว่า อุทยานฯ ประกาศมาเมื่อปี 2541 มีโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติตามโครงการราชพฤกษ์ เข้ามาชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่ออกมากวาดล้างชาวบ้าน

นางมยุรี แสงสุมน แกนนำชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านต้องการทำมาหากินกับป่าต่อไป โดยไม่คิดทำลายป่าเพราะแบ่งเขตทำกินกับเขตป่าแน่นอนแล้ว ส่วนชาวบ้านที่หาของป่าต่างพากันช่วยดูแลป่าไม้ ไม่ตัดทำลาย ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์มาจนปัจจุบัน ถ้าทางการร่วมมือกับชาวบ้านก็จะสามารถทำให้ป่าไม้ดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ถ้าไล่ชาวบ้านออกสภาพป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ถูกทำลายจากฝีมือนายทุนอย่างแน่นอน

พื้นที่ทำกินของชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวเป็นที่ทำกินมาหลายชั่วอายุคน เป็นที่นาในหุบเขาและการหาของป่า แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่บนภูเขาสูง มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี มีทัศนียภาพที่สวยงาม ติดกับเขื่อนสิริกิตติ์ และยังมีโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำบริเวณน้ำลี อ.ท่าปลา ทำให้บริเวณดังกล่าวจะเป็นทำเลธรรมชาติที่สวยงาม

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีนักการเมืองใหญ่ในรัฐบาลปัจจุบันต้องการซื้อที่ดินดังกล่าวเพื่อทำรีสอร์ต แต่ติดที่ชาวบ้านกลุ่มนี้ไม่ยอมขายให้ ซึ่งการติดต่อซื้อขายและไม่ประสบความสำเร็จดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุสำคัญ ให้มีการใช้กฎหมายอุทยานแห่งชาติขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ก็เป็นได้




กำลังโหลดความคิดเห็น