แพร่ – 5 องค์กรเอกชนเมืองแพร่เกาะติดศึกเลือกตั้ง ส.ว.จ้องหาหลักฐานมัดพรรคการเมืองช่วยคนในเครือข่ายหาเสียง หลัง 2 ผู้สมัครตัวหลักล้วนเกี่ยวโยงพรรคใหญ่-ส.ส.-นักการเมืองท้องถิ่น
รายงานข่าวจากจังหวัดแพร่ แจ้งว่า จนถึงขณะนี้บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ว.ในจังหวัดแพร่ ยังไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากผู้สมัครทั้ง3 คน ได้แก่ หมายเลข 1 นายองอาจ เอื้ออภิญญกุล, หมายเลข 2 นายขวัญชัย พนมขวัญ และหมายเลข 3 นายไพบูลย์ สุกใส ต่างก็ไม่ทุ่มหาเสียงเท่าใดนัก ต่างจากสนามเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา
โดยหลังวันรับสมัครมีเพียง นายขวัญชัย พนมขวัญ ผู้สมัครหมายเลข 2 เท่านั้นที่ออกมาติดป้ายโปสเตอร์หาเสียงแต่เพียงผู้เดียว โดยระดมติดป้ายพร้อมกันทุกหมู่บ้านในจังหวัดแพร่ ขณะที่ นายไพบูลย์ สุกใส ออกเดินสายหาเสียงไปตามอำเภอรอบนอก ใช้ป้ายหาเสียงไม่มากนัก ส่วนนายองอาจ เอื้ออภิญญกุล พี่ชายของ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคพลังประชาชน, อดีตกรรมการบริหารบริษัท เหมืองบ้านปู จำกัด (มหาชน) พึ่งจะติดป้ายหาเสียงเมื่อวันที่ 8-9 ก.พ.2551 ที่ผ่านมานี้เอง
ขณะที่คอการเมือง มองว่า นายองอาจ น่าจะเป็นผู้คว้าชัยชนะ เนื่องจากใช้ฐานคะแนนของน้องชาย และกลุ่มพรรคพลังประชาชน ซึ่งทำให้การแนะนำตัวและการประชาสัมพันธ์ไม่มีความจำเป็น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่อาจมองข้าม นายขวัญชัย พนมขวัญ ที่มีแกนนำในการหาเสียงของพรรคพลังประชาชนเข้าช่วยเหมือนกัน ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงช่วงที่มีการเลือกตั้ง นายก อบจ.แพร่ ซึ่ง นายขวัญชัย หลีกทางให้ นายอนุวัธ วงศ์วรรณ จากพรรคพลังประชาชนขึ้นสู่ตำแหน่งไปแล้ว ซึ่งทำให้ นายขวัญชัย มีภาษีขึ้นมานอกเหนือจากการประกาศหาเสียงต่อเนื่องว่า ตนเองเป็น “บ่ะหินเกิดกับท่า” หมายความว่า เป็นคนแพร่เกิดที่แพร่และทำงานอยู่ที่แพร่ เหมือนก้อนหินที่อยู่ในน้ำ
ส่วน นายไพบูลย์ สุกใส ทนายความ ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักในสังคมมากนัก พยายามรณรงค์ประกาศทางเลือกใหม่ให้ประชาชน เลือกคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองเพื่อเข้าสภาไปช่วยกลั่นกรองกฎหมาย ซึ่งไม่ควรเป็นคนกลุ่มเดียวกับ ส.ส.แต่มาถึงวันนี้นายไพบูลย์ อาจจะทำได้แค่เป็นตัวเลือกเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การต่อเชื่อมพรรคการเมืองและการใช้กลไกของพรรคการเมืองช่วยในการหาเสียงของผู้สมัคร ส.ว.แพร่ อยู่ในการจับตาขององค์กรพัฒนาเอกชนตรวจสอบเลือกตั้งที่มีเครือข่ายเลือกตั้งภาคพลเมือง เป็นองค์กรที่เสนอโครงการตรวจสอบกับ กกต.มีนายสมพล หริกูล เป็นแกนนำ
แล้วยังประกอบด้วย 1.สภาทนายความ 2.กลุ่มวีอา หรือวิทยุสมัครเล่น จ.แพร่ 3.กลุ่มผู้นำอาสาสมัครพัฒนาชุมชน 4.กลุ่มวิทยุชุมชน จ.แพร่ และ 5.กลุ่มปฏิรูปการเมืองและบริการสาธารณะ จังหวัดแพร่ เข้าร่วมเป็นภาคีในการตรวจสอบในครั้งนี้ ต่างทำงานหาข้อมูลในการทำให้ระเบียบในการเลือกตั้ง ส.ว.และหัวใจสำคัญในการเป็น ส.ว.เป็นจริงขึ้นมา ซึ่งขณะนี้มีการตรวจสอบการหาเสียงและการยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองของ ผู้สมัคร ส.ว.ในจังหวัดแพร่แล้ว
รายงานข่าวจากจังหวัดแพร่ แจ้งว่า จนถึงขณะนี้บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ว.ในจังหวัดแพร่ ยังไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากผู้สมัครทั้ง3 คน ได้แก่ หมายเลข 1 นายองอาจ เอื้ออภิญญกุล, หมายเลข 2 นายขวัญชัย พนมขวัญ และหมายเลข 3 นายไพบูลย์ สุกใส ต่างก็ไม่ทุ่มหาเสียงเท่าใดนัก ต่างจากสนามเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา
โดยหลังวันรับสมัครมีเพียง นายขวัญชัย พนมขวัญ ผู้สมัครหมายเลข 2 เท่านั้นที่ออกมาติดป้ายโปสเตอร์หาเสียงแต่เพียงผู้เดียว โดยระดมติดป้ายพร้อมกันทุกหมู่บ้านในจังหวัดแพร่ ขณะที่ นายไพบูลย์ สุกใส ออกเดินสายหาเสียงไปตามอำเภอรอบนอก ใช้ป้ายหาเสียงไม่มากนัก ส่วนนายองอาจ เอื้ออภิญญกุล พี่ชายของ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคพลังประชาชน, อดีตกรรมการบริหารบริษัท เหมืองบ้านปู จำกัด (มหาชน) พึ่งจะติดป้ายหาเสียงเมื่อวันที่ 8-9 ก.พ.2551 ที่ผ่านมานี้เอง
ขณะที่คอการเมือง มองว่า นายองอาจ น่าจะเป็นผู้คว้าชัยชนะ เนื่องจากใช้ฐานคะแนนของน้องชาย และกลุ่มพรรคพลังประชาชน ซึ่งทำให้การแนะนำตัวและการประชาสัมพันธ์ไม่มีความจำเป็น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่อาจมองข้าม นายขวัญชัย พนมขวัญ ที่มีแกนนำในการหาเสียงของพรรคพลังประชาชนเข้าช่วยเหมือนกัน ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงช่วงที่มีการเลือกตั้ง นายก อบจ.แพร่ ซึ่ง นายขวัญชัย หลีกทางให้ นายอนุวัธ วงศ์วรรณ จากพรรคพลังประชาชนขึ้นสู่ตำแหน่งไปแล้ว ซึ่งทำให้ นายขวัญชัย มีภาษีขึ้นมานอกเหนือจากการประกาศหาเสียงต่อเนื่องว่า ตนเองเป็น “บ่ะหินเกิดกับท่า” หมายความว่า เป็นคนแพร่เกิดที่แพร่และทำงานอยู่ที่แพร่ เหมือนก้อนหินที่อยู่ในน้ำ
ส่วน นายไพบูลย์ สุกใส ทนายความ ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักในสังคมมากนัก พยายามรณรงค์ประกาศทางเลือกใหม่ให้ประชาชน เลือกคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองเพื่อเข้าสภาไปช่วยกลั่นกรองกฎหมาย ซึ่งไม่ควรเป็นคนกลุ่มเดียวกับ ส.ส.แต่มาถึงวันนี้นายไพบูลย์ อาจจะทำได้แค่เป็นตัวเลือกเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การต่อเชื่อมพรรคการเมืองและการใช้กลไกของพรรคการเมืองช่วยในการหาเสียงของผู้สมัคร ส.ว.แพร่ อยู่ในการจับตาขององค์กรพัฒนาเอกชนตรวจสอบเลือกตั้งที่มีเครือข่ายเลือกตั้งภาคพลเมือง เป็นองค์กรที่เสนอโครงการตรวจสอบกับ กกต.มีนายสมพล หริกูล เป็นแกนนำ
แล้วยังประกอบด้วย 1.สภาทนายความ 2.กลุ่มวีอา หรือวิทยุสมัครเล่น จ.แพร่ 3.กลุ่มผู้นำอาสาสมัครพัฒนาชุมชน 4.กลุ่มวิทยุชุมชน จ.แพร่ และ 5.กลุ่มปฏิรูปการเมืองและบริการสาธารณะ จังหวัดแพร่ เข้าร่วมเป็นภาคีในการตรวจสอบในครั้งนี้ ต่างทำงานหาข้อมูลในการทำให้ระเบียบในการเลือกตั้ง ส.ว.และหัวใจสำคัญในการเป็น ส.ว.เป็นจริงขึ้นมา ซึ่งขณะนี้มีการตรวจสอบการหาเสียงและการยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองของ ผู้สมัคร ส.ว.ในจังหวัดแพร่แล้ว
