แพร่ – ตัวแทน 2 กลุ่มการเมืองใหญ่เมืองแพร่ส่งคนลงชิงเก้าอี้นายกเล็กเมืองแพร่พร้อมหน้า ทั้ง “โชคชัย พนมขวัญ” ที่เพิ่งหมดวาระเมื่อสิ้นเดือน ม.ค.51 เดินหน้าหาเสียงทันทีหลังจับฉลากได้หมายเลข 2 หวังผลงาน 3 ปีเศษช่วยสู้กระแสพลังประชาชนที่มีตัวแทนจากตระกูล “เอื้ออภิญญกุล” รวมทีมอดีตผู้บริหารเก่า 3 ชุดเข้าท้าชิง
การรับสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแพร่ และสมาชิกสภาเทศบาลเมือง (ส.ท.) แพร่ ที่เริ่มขึ้นวันนี้ (4 ก.พ.) เป็นวันแรก ปรากฏว่าในช่วงเช้ามีนักการเมืองท้องถิ่นมาสมัครกันพร้อมหน้าทั้งนายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ ที่เพิ่งหมดสมัยลงเมื่อมกราคม 2551 ที่ผ่านมา นำมีงานบริหารชุดเก่าคือนายชัยยานนท์ มนกลม และนายพัฒนพงศ์ พงศ์นวล รองนายกชุดเก่าและเสริม ส.ท.ในบ้างพื้นที่เข้าสมัครรับเลือกตั้งที่อาคารดับเพลิงภายในเทศบาลเมืองแพร่
ส่วนคู่แข่งคนสำคัญที่มีการรวมทีมมานานกว่า 3 เดือน เพื่อเข้าสู่การแข่งขันในครั้งนี้ ภายใต้แรงสนับสนุนจากพรรคพลังประชาชนโดยมีนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ เป็นผู้เดินงานหลัก เป็นการรวมทีมอดีตผู้บริหารเก่าๆ ถึง 3 ชุด ที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของนายวรวัจน์ เข้าด้วยกัน มีนายกิตฏิพันธ์ เอื้ออภิญญกุล เป็นผู้สมัครในตำแหน่งนายกเทศมตรี และนำเอาอดีตนายกเทศมนตรีอีก 2 คน คือ นายบุญจวน ไชยมงคล-นายประวีน จีระพงศ์สุวรรณ มาเป็นรองนายก เสริมทีมบริหารให้กับกลุ่มเครือข่ายของพรรคพลังประชาชน
รายงานข่าวแจ้งว่า การรับสมัครดำเนินไปด้วยดีซึ่งนายกิตฐิพันธ์ เอื้ออภิญญกุล จากกลุ่มเมืองแพร่ ได้หมายเลข 1 ส่วนนายโชคชัย พนมขวัญ กลุ่มแพร่ก้าวหน้า ได้หมายเลข 2 จากการจับฉลาก
ส่วนสมาชิก ส.ท.เมืองแพร่ แบ่งออกเป็น 3 เขตเลือกตั้ง กลุ่มนายกิตฐิพันธ์ ได้หมายเลข 1-6 และนายโชคชัย ได้หมายเลข 7-12 รวมผู้สมัคร สท.ทั้งสองกลุ่มมีทั้งสิ้น 36 คน แต่จะได้รับเลือกเข้าไปนั่งในสภาเทศบาลเมืองแพร่รวม 18 ที่นั่งเท่านั้น
หลังการสมัครเป็นที่เรียบร้อยกลุ่มของนายกิตฐิพันธ์ยังไม่ออกหาเสียง โดยมั่นใจว่าจะได้รับเลือกตั้งอย่างท่วมท้นด้วยสาเหตุ 2 ประการ คือ 1.การรวมเอากลุ่มบริหารเก่า 3 ทีมเข้าด้วยกัน 2.การได้รับแรงสนับสนุนจากนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่พรรคพลังประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาชนะการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างขาดลอยมาแล้ว
ในขณะที่นายโชคชัย พนมขวัญ กลุ่มแพร่ก้าวหน้า นำผู้สมัครทุกคนออกเดินหาเสียงไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองแพร่ เพื่อขอคะแนนเสียงทันที ซึ่งเชื่อมั่นในผลงานที่ทำมานานถึง 3 ปีเศษว่าจะทำให้สามารถเอาชนะเครือข่ายพรรคพลังประชาชน กลับเข้าสู่เก้าอี้ผู้บริหารเทศบาลเมืองแพร่ได้อีกครั้งหนึ่ง
แหล่งข่าวในองค์กรเอกชนตรวจสอบเลือกตั้งจังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า กระแสการซื้อเสียงของกลุ่มการเมืองเหล่านี้ยังคงมีอยู่ และดูเหมือนว่าจะเป็นการซื้อเสียงที่แยบยล และทำงานมาอย่างต่อเนื่องไม่ต้องออกมาเดินแจกเหมือนในอดีต ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กกต.จังหวัดแพร่ ที่ต้องหามาตรการในการจัดการกับนักการเมืองซื้อเสียงต่อไป