ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – จังหวัดเชียงใหม่บูรณาการภาครัฐ เอกชน และประชาชนเดินหน้าโครงการ “ดอยสุเทพปลอดไฟ ทุกคนร่วมใจรักษาป่า” ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สกัดไฟป่าและลดการเผาทุกชนิด ป้องกันปัญหาหมอกควัน ขณะเดียวกัน ประกาศมาตรการเข้มห้ามเผาทุกพื้นที่ หากฝ่าฝืนจะมีการลงโทษขั้นเด็ดขาด
วันนี้ (3 ม.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมโครงการ “ดอยสุเทพปลอดไฟ ทุกคนร่วมใจรักษาป่า” ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ประจำปี 2551 โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา
ทั้งนี้ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสนองแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในการรักษาป่าไม้และต้นน้ำลำธาร พร้อมทั้งเพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากไฟไหม้ป่า การเผาในพื้นที่เกษตรกรรม การเผาขยะในชุมชนขององค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน รวมทั้งในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะทำให้พื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ปลอดจากไฟและปลอดควันพิษจากการเกิดไฟไหม้ป่า การเผาในพื้นที่เกษตรกรรมและการเผาขยะ
สำหรับพื้นที่ดำเนินการจะครอบคลุมพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 163,162 ไร่ หรือประมาณ 261 ตารางกิโลเมตร ในเขตตำบลสุเทพ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง ตำบลแม่ริม ตำบลดอนแก้ว ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม และตำบลบ้านปง ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง ช่วงดำเนินการระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2551
ขณะที่ นายภุชงค์ อินสมพันธ์ หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในขณะนี้นอกจากการประกาศเขตควบคุมไฟป่าห้ามการเผาในหมู่บ้านที่มีพื้นที่ติดเขตป่าของจังหวัดเชียงใหม่แล้ว
ล่าสุด ทางจังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ยังได้มีลงนามในประกาศห้ามการเผาในที่โล่งทุกชนิด ที่จะขอความร่วมมือไปยังทุกหมู่บ้าน ทุกตำบลและทุกอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ โดยหากจะมีการเผาในพื้นที่จะต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน และให้เลือกใช้วิธีการกำจัดขยะด้วยการนำไปทำปุ๋ยหมัก ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าและปัญหาหมอกควัน ซึ่งหากพบว่ามีการฝ่าฝืนจะมีการดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด โดยมีโทษทั้งจำและปรับ
โดยนอกจากการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดแล้ว หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า ในขณะเดียวกันก็จะมีการดำเนินการโดยการรณรงค์ให้ความรู้ ทำความเข้าใจและขอความร่วมมือควบคู่กันไปด้วย ขณะเดียวกันเปิดเผยว่าจากการที่จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการประกาศให้การป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าเป็นวาระเร่งด่วนของจังหวัดเชียงใหม่ไปแล้วนั้น ที่ผ่านมา ถือว่า ได้ผลเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง เนื่องจากได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้ปริมาณการเผาในปีนี้ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา
วันนี้ (3 ม.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมโครงการ “ดอยสุเทพปลอดไฟ ทุกคนร่วมใจรักษาป่า” ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ประจำปี 2551 โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา
ทั้งนี้ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสนองแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในการรักษาป่าไม้และต้นน้ำลำธาร พร้อมทั้งเพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากไฟไหม้ป่า การเผาในพื้นที่เกษตรกรรม การเผาขยะในชุมชนขององค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน รวมทั้งในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะทำให้พื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ปลอดจากไฟและปลอดควันพิษจากการเกิดไฟไหม้ป่า การเผาในพื้นที่เกษตรกรรมและการเผาขยะ
สำหรับพื้นที่ดำเนินการจะครอบคลุมพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 163,162 ไร่ หรือประมาณ 261 ตารางกิโลเมตร ในเขตตำบลสุเทพ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง ตำบลแม่ริม ตำบลดอนแก้ว ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม และตำบลบ้านปง ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง ช่วงดำเนินการระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2551
ขณะที่ นายภุชงค์ อินสมพันธ์ หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในขณะนี้นอกจากการประกาศเขตควบคุมไฟป่าห้ามการเผาในหมู่บ้านที่มีพื้นที่ติดเขตป่าของจังหวัดเชียงใหม่แล้ว
ล่าสุด ทางจังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ยังได้มีลงนามในประกาศห้ามการเผาในที่โล่งทุกชนิด ที่จะขอความร่วมมือไปยังทุกหมู่บ้าน ทุกตำบลและทุกอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ โดยหากจะมีการเผาในพื้นที่จะต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน และให้เลือกใช้วิธีการกำจัดขยะด้วยการนำไปทำปุ๋ยหมัก ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าและปัญหาหมอกควัน ซึ่งหากพบว่ามีการฝ่าฝืนจะมีการดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด โดยมีโทษทั้งจำและปรับ
โดยนอกจากการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดแล้ว หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า ในขณะเดียวกันก็จะมีการดำเนินการโดยการรณรงค์ให้ความรู้ ทำความเข้าใจและขอความร่วมมือควบคู่กันไปด้วย ขณะเดียวกันเปิดเผยว่าจากการที่จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการประกาศให้การป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าเป็นวาระเร่งด่วนของจังหวัดเชียงใหม่ไปแล้วนั้น ที่ผ่านมา ถือว่า ได้ผลเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง เนื่องจากได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้ปริมาณการเผาในปีนี้ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา