ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ –4 เดือนที่ผ่านมา เกิดไฟป่าแล้วเกือบ 200 ครั้ง มีพื้นที่ป่าได้รับความเสียหายกว่า 1,000 ไร่ แต่ถือว่าสถานการณ์ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันย้ำมาตรการเข้มงวดลดการเผาทุกชนิด เพื่อป้องกันปัญหาหมอกควันและมลพิษอากาศ พร้อมเตรียมตั้งด่านทั่วเมืองตรวจจับรถยนต์ปล่อยไอเสียเกินมาตรฐานทำลายคุณภาพอากาศ
นายภุชงค์ อินสมพันธ์ หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์การเกิดไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่ว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 ที่ผ่านมาจนถึงช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีไฟป่าเกิดขึ้นทั้งสิ้นประมาณ 190 ครั้ง มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายประมาณ 1,050 ไร่ โดยพื้นที่ที่มีการเกิดไฟป่ามากที่สุดได้แก่ อำเภอฮอด รองลงมาเป็นอำเภอแม่ออน
ขณะที่ในส่วนของดอยสุเทพ มีไฟป่าเกิดขึ้นประมาณ 10 ครั้ง มีพื้นที่ได้รับความเสียหายเล็กน้อย โดยไฟป่าที่เกิดขึ้นดังกล่าวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถือว่าลดจำนวนครั้งและความเสียหายลง
สำหรับมาตรการการป้องกันการเกิดไฟป่า จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการวางมาตรการดำเนินการอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง โดยนอกจากการจัดเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าเตรียมพร้อมในพื้นที่ต่างๆ แล้ว ขณะเดียวกันยังได้มีการขอความร่วมมือไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ที่มีพื้นที่ติดเขตป่า ให้จัดทำแนวกันไฟ และมีการตั้งอาสาสมัครป้องกันไฟป่าขึ้น เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังการเกิดไฟป่าในพื้นที่ ซึ่งน่าจะเป็นมาตรการที่ป้องกันและช่วยลดการเกิดไฟป่าได้ระดับหนึ่ง
นายภุชงค์ กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาหมอกควันของจังหวัดเชียงใหม่อีกว่า ที่ผ่านมาได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยจากข้อมูลคุณภาพอากาศที่ตรวจวัดโดยกรมควบคุมมลพิษตั้งแต่ต้นปี 2551 จนถึงเวลานี้ คุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตามยอมรับว่า อาจจะมีปัญหาหมอกควันเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งก็เป็นไปตามสภาพภูมิประเทศและสภาพอากาศ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะพยายามป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหรือเกิดปัญหาขึ้นน้อยที่สุด
ในส่วนของมาตรการป้องกันปัญหาหมอกควัน นายภุชงค์ กล่าวว่า มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากการป้องกันการเกิดไฟป่าแล้ว ยังได้มีการดำเนินการมาตรการเข้มงวดในการลดการเผาในที่โล่งทุกชนิด โดยการขอความร่วมมือประชาชนและท้องถิ่นต่างๆ ให้งดการเผาทุกชนิด ทั้งนี้หากบ้านเรือนประชาชนมีขยะที่เป็นเศษกิ่งไม้ใบไม้ก็ให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในพื้นที่รับผิดชอบ ในการจัดเก็บแล้วนำไปผลิตปุ๋ยอินทรีย์ แทนที่จะปล่อยให้มีการเผา โดยหากพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ให้ความร่วมมือก็จะมีการบังคับใช้กฎหมายในการลงโทษ
นอกจากนี้ นายภุชงค์ ระบุว่า ไอเสียและควันที่เกิดจากการเผาไหม้ของรถยนต์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น ยังเป็นอีกสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งนอกเหนือไปจากการเผาในที่โล่ง และไฟป่าที่ก่อให้เกิดปัญหาคุณภาพอากาศเมืองเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้กำลังจะมีการดำเนินมาตรการอย่างจริงจังเพื่อลดปัญหาในส่วนนี้ โดยตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไปจะมีการตั้งด่านตรวจวัดระดับไอเสียของรถยนต์ที่สัญจรในตัวเมืองเชียงใหม่อย่างเข้มงวด หากพบว่ามีระดับไอเสียเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ ก็จะลงโทษตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ดังนั้น จึงอยากจะขอความร่วมมือ ให้มีการนำรถยนต์ไปตรวจสภาพและปรับแต่งให้ใช้งานได้ดีโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหา
“ไอเสีย ควันพิษ จากรถยนต์และการจราจรที่แออัดในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดปัญหาคุณภาพอากาศอย่างแน่นอน สังเกตได้จากการที่ในช่วงวันหยุดที่มีการใช้รถยนต์กันมาก การตรวจวัดคุณภาพอากาศก็จะพบว่ามีความปนเปื้อนสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งๆ ที่ไม่มีการเกิดไฟป่า ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดการปัญหาในส่วนนี้ควบคู่ไปด้วยกับมาตรการป้องกันไฟป่าและงดการเผาในที่โล่งทุกชนิด เพื่อป้องกันปัญหาหมอกควันและมลพิษอากาศของเมืองเชียงใหม่”หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าว
