“ซีรีส์แนวตั้ง” กำลังเตรียมตัวบูมในตลาด “บันเทิงไทย” นายทุนเริ่มตบเท้าเข้ามาหนุน หลังเห็นเม็ดเงินมหาศาล ขายได้ในตลาดจีน ล่าสุด ผุดโปรเจกต์ร่วมทุน “ไทย-จีน” กับซีรีส์แนวตั้งสะเทือนยุทธภพ ตลาดซีรีส์บนจอมือถือที่เคยถูกเมิน กำลังเนื้อหอมอย่างน่าจับตา!!
** กลยุทธ์ติดตลาด “สั้นกระชับ-เข้าถึงง่าย” **
คอหนัง-คอซีรีส์ จับตามองกันหนักมาก หลังเปิดภาพโปรเจกต์ “ซีรีส์แนวตั้ง” เรื่อง “สาวไทยข้ามภพ ป่วนใจแม่ทัพ”ซีรีส์ร่วมทุน 2 ประเทศ ระหว่าง “บริษัท เซี่ยงไฮ้จูจีวัฒนธรรมและบันเทิง จำกัด”จากประเทศจีน และ “บริษัทเลิฟดราม่า จำกัด”จากประเทศไทยเราเอง
โดยมีนางเอกสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน อย่าง “ลิซ่า-อลิซา แอนไฮน์ส”สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง Blyss จากค่าย BEC Music (ช่อง 3) จับคู่กับพระเอกหนุ่มแดนมังกร ที่กำลังมาแรงในวงการ “มินิซีรีส์แนวตั้ง” อย่าง “จินเสวียนอวี่ (Jin Xuanyu)”
{“ลิซ่า” นางเอกไทย feat. “จินเสวียนอวี่” พระเอกจีน}
วิเคราะห์กันว่า การร่วมทุนครั้งนี้ อาจคือแรงผลักสำคัญที่จะทำให้ “ซีรีส์แนวตั้ง” บูมในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากกระแสนี้นิยมอย่างสูงในจีนมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว
อย่างที่ “อี๊ด-ณัฎฐนันท์ มหาคามินทร์” กรรมการผู้จัดการ บริษัทเลิฟดราม่า จำกัด ผู้ดูแลโปรเจกต์ซีรีส์แนวตั้งครั้งพิเศษครั้งนี้ ช่วยคอนเฟิร์มกับเราไว้ว่า ชาวจีนนิยมดูซีรีส์แนวนี้มากจริงๆ
มากถึงขนาดที่ว่า ถ้าเรื่องไหนออนแอร์แล้ว “กระแสดี”คนดูเสพติดหนักมาก ต่อให้ฉายมาได้แค่ไม่กี่เดือน เขาก็จะ “รีเมค” หรือสร้างซีรีส์เรื่องนั้นใหม่ในทันที ด้วยการเปลี่ยนนักแสดงยกชุด หรือไม่ก็เปลี่ยนแค่ตัวพระเอก-นางเอกก็ได้
“พี่เคยดูแล้วก็งง อ้าวอยู่ดีๆ ทำไมทำใหม่ แล้วตัวแสดงคนเดิมหมดเลย แต่เปลี่ยนพระเอก พี่ก็ถามว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ เขาบอกว่า ก็ไปขายอีกมณฑลนึง มันมีคนของเขาเยอะ เขาสามารถทำอย่างนี้ได้อีก”
พอผลที่ออกมาก็ตอกย้ำให้เห็นว่า “ขายได้” ทุกครั้ง เพราะ “จีน”มีตลาดที่ใหญ่มากๆ ที่จะเสพผลผลิตจากอุตสาหกรรมบันเทิงได้เรื่อยๆ
{ซีรีส์แนวตั้งร่วมทุน “สาวไทยข้ามภพ ป่วนใจแม่ทัพ”}
ส่วนเหตุผลที่ชาวจีนติด “ซีรีส์แนวตั้ง” มาก ขนาดเนื้อเรื่องเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนแค่นักแสดง ก็ยังสามารถขายได้และขายดีนั้น หลักๆ เป็นเพราะ “รูปแบบการเล่าเรื่อง” ที่ “กระชับ”ดำเนินเรื่องเร็ว ทุกตอนมี “จุดพีค”แถม “ตัดจบในตอน”ไม่ต้องคอยติดตามให้ยืดเยื้อ ค้างคาใจ
บวกกับผู้ชมสามารถรับชมได้สะดวกบน “มือถือ”ซึ่งถือว่าตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ชมรุ่นใหม่ ที่ต้องการคอนเทนต์ที่ “ดูง่าย-เข้าถึงเร็ว” จนทำให้กลายเป็นกระแสนิยมในที่สุด
“กดเข้าไปดูในนั้นแล้ว มันมีความรู้สึกว่า เออ..มันสั้นๆ ดีเนอะ แล้วมันก็จบภายในตอน เราไม่ต้องดูยาวต่อเนื่อง แล้วมันก็สนุกในความเป็นดรามา ดูแบบไม่ต้องคิดอะไร”
ที่น่าสนใจคือ ทุนที่ใช้ในการถ่ายทำ “ซีรีส์แนวตั้ง”ในจีน ก็ไม่ใช่แบบง่ายๆ ประหยัดงบ แต่ทุ่มทุนกันอย่างจริงจังมาก ไม่ต่างอะไรกับกองถ่ายหนังเตรียมเข้าฉายในโรง หรือกองถ่ายละครทุนยักษ์ตามช่องทีวีเลยทีเดียว
และการที่นายทุนยอมทุ่มเม็ดเงินหนักขนาดนี้ ก็เพราะมั่นใจว่า ซีรีส์แนวนี้มันขายได้จริงๆ แถมยังไม่ใช่แค่ “ขายได้ในประเทศ” เท่านั้น แต่ยังกลายเป็น “สินค้าส่งออก” ขายไปทั่วโลกด้วย ซึ่ง 1 ในประเทศนำเข้า “ผลิตภัณฑ์บันเทิง” ชนิดนี้ ก็คือ “ประเทศไทย” นั่นเอง
{“อี๊ด-ณัฎฐนันท์” (คนกลาง) บริษัทเลิฟดราม่า จำกัด}
**ลุ้น!! เตรียมบูมใน “บันเทิงไทย”**
ถ้าพูดถึงคำว่า “ซีรีส์แนวตั้ง” ชาวโซเชียลฯ เลือดไทยส่วนใหญ่ น่าจะนึกถึงผลงานแนว “ละครคุณธรรม” ที่ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะถ่ายทำด้วยโปรดักชั่นง่ายๆ แล้วตัดต่อมาฉายผ่านมือถือ เป็นแบบ “แนวตั้ง” (สัดส่วนภาพ 9:16)
แต่สำหรับในประเทศจีนแล้ว เขาเรียกซีรีส์ประเภทนี้ว่า “Micro Drama” ซึ่งหมายถึงซีรีส์สั้นรูปแบบใหม่ ที่ถ่ายทำในอีกลักษณะ เพื่อเน้นนำเสนอผ่านภาพแนวตั้งให้ผู้เสพโดยเฉพาะ
จากการคอยสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคในไทยมาสักระยะ พบว่าช่วงหลังๆ “ซีรีส์แนวตั้งจากจีน” ก็เริ่มเป็นที่สนใจในหมู่คอหนัง-คอซีรีส์บ้างแล้วเหมือนกัน
เพราะฐานชาวไทยนิยมเสพสื่อบันเทิงบนจอทีวีใหญ่ๆ ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ ซึ่งหลายๆ หลายๆ แพลตฟอร์มก็ซื้อ “ซีรีส์แนวตั้ง” มาฉายด้วยเหมือนกัน ทำให้ฐานแฟนซีรีส์ประเภทนี้ เข้าถึงคนได้มากขึ้นอีก
แต่จะให้ฟันธงว่า ซีรีส์แนวนี้จะ “บูม” ในไทย เหมือนกับที่ประสบความสำเร็จในจีนได้แค่ไหนนั้น ผู้ดูแลโปรเจกต์ซีรีส์แนวตั้งร่วมทุนรายนี้มองว่า ยังถือเป็นเรื่องยากอยู่ ที่จะเจาะตลาดซีรีส์ในไทย เพราะ “ซีรีส์ฟรี” ทุกวันนี้มีให้เสพเต็มไปหมด
“เราสู้ตลาดดูฟรีไม่ได้ คือบ้านเราตอนนี้ ดูฟรีเยอะมากทาง YouTube หรือแม้กระทั่งบางช่อง ที่เปิดให้ดูฟรี ซึ่งเป็นฝั่งจีนที่มาตีตลาดตรงนี้ด้วย”
จะมีแค่บางเรื่องเท่านั้น ที่ผู้ชมจะยอมควักกระเป๋า เสียเงินสมัครแพลตฟอร์ม เพื่อเข้าไปเสพซีรีส์เรื่องนั้นๆ ทำให้การสร้าง “ซีรีส์แนวตั้ง” ในไทย ไม่ค่อยมีคนกล้าลงทุน หรือซื้อไปฉายกันเท่าไหร่
สุดท้าย ถึงแม้ทีมผลิตซีรีส์แนวตั้งของไทยจะพร้อม หรืออาจมีหลายกลุ่มขนาดไหน แต่พวกเขาก็เลือกหันไปผลิตซีรีส์ส่งออก ขายตลาดต่างประเทศมากกว่า
อีกประเด็นคือเรื่อง “ความจัดจ้านของเนื้อหา” ถ้าวัดจากประสบการณ์ตรง หลังร่วมงาน ร่วมทุนสร้างโปรเจกต์ซีรีส์แนวตั้งครั้งนี้แล้ว คนเบื้องหลังรายนี้ยืนยันว่า ฝั่งจีนจะเน้น “ความเร่าร้อน” มากกว่าฝั่งไทย
ด้วยความที่เป็นละครสั้น บทเลยต้องถึงพริกถึงขิง ยืดเยื้อไม่ได้ จุดนี้จึงยังถือเป็นอุปสรรคของทีมผู้ผลิตไทย ที่ยังต้องคำนึงถึงประเด็นเรื่องขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามอยู่
“เพราะเขารับได้ แต่บ้านเรามันรับไม่ได้ หลายๆ เรื่องนะที่พอคนจีนทำแล้ว เนื้อเรื่องมันเลยเหมือนคอนเทนต์ มันมีความแปลกใหม่ แต่บ้านเรา มันยังมีความเป็นขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของคนไทยอยู่”
ทั้งนี้ทั้งนั้น ในฐานะคนวงใน ยังพอรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป คือตอนนี้เหล่านายทุนเริ่มจับตา “ซีรีส์แนวตั้ง” มากขึ้น จากเดิมกลุ่มผู้ผลิตแนวนี้ จะเป็นทีมเล็กๆ เท่านั้น
แต่ตอนนี้กลับเริ่มเห็นช่องทีวี หรือทีมโปรดักชั่นใหญ่ๆ หันมาวางแผนผลิตซีรีส์แนวนี้กันมากขึ้นแล้ว แถมยังมีเหล่าบริษัทผลิตซีรีส์จากจีนอีกหลายเจ้า บินมาขอร่วมทุนกับไทย ในการผลิตซีรีส์แนวนี้
ดังนั้น ถ้าให้สรุปภาพรวมแบบเข้าใจง่ายว่า ตอนนี้ “ตลาดซีรีส์แนวตั้งของไทย” กำลังเนื้อหอมมากๆ ก็คงจะไม่ผิดแปลกอะไรนัก
“บริษัทใหญ่ๆ ตอนนี้เริ่มมาลงทุนทำกัน ซึ่งมันดีนะคะ ถ้าทุกคนมาทำ แล้วก็หาตลาดขายได้ มันจะทำให้ทีมงานโปรดักชั่นมีงานทำกันมากขึ้นด้วย”
สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : Facebook “เก้ากระบี่เดียวดาย”, “KhunNing Sar”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **


