xs
xsm
sm
md
lg

“ปลดให้ไว-จ่ายเยียวยา” เรียกความเชื่อมั่น “อายัดบัญชี(ม้า)มั่ว” ก่อนแห่ถอนหมดธนาคาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เดือดร้อนถ้วนหน้า ตั้งแต่แม่ค้ายันไรเดอร์ ถูกอายัดบัญชี เพราะระบบเหมารวมว่าคือ “บัญชีม้า” ทำธุรกรรมทางการเงินไม่ได้ ทำหลายคนชีวิตรวน บางเคสถึงขั้นคิดสั้น!! ผู้เชี่ยวชาญการเงินและไซเบอร์ชี้ แค่ “เร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์” อาจไม่พอ ต้อง “เยียวยา” พี่น้องที่เดือดร้อน รีบเกาให้ถูกที่คันก่อนเรื้อรังระยะยาว




“อายัดมั่ว” เดือดร้อนถ้วนหน้า


กลายเป็นเรื่องวุ่นวาย เมื่อ “มาตรการปราบบัญชีม้า” ที่กะปราบแค่มิจฉาชีพ แต่คนธรรมดาดันติดร่างแห โดน “อายัดบัญชี” จนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า

ยกตัวอย่างกรณี “แม่ค้าทุเรียน” ที่มีลูกค้าจากประเทศลาว “โอนเงินมาซื้อทุเรียน” กับเธอ เป็นจำนวนเงิน “16,000 บาท” แต่ผ่านไปไม่นานกลับพบว่า เงินในบัญชี “160,000 บาท” ของเธอโดน “อายัด” ไว้

เหตุผลเพราะธนาคารตรวจพบ “เส้นเงินจากบัญชีม้า” โอนมายังบัญชีเธอเป็นจำนวนเงิน 16,000 บาท ธนาคารจึงขอตรวจสอบภายใน 72 ชั่วโมง โดยถ้าไม่เกี่ยวข้องก็จะปลดล็อกบัญชีให้

แต่สุดท้าย เวลากลับล่วงเลยไปถึง 7 วัน จนแม่ค้ารายนี้ต้องตัดสินใจโพสต์ลงโซเชียลฯ ทันใดนั้นธนาคารก็ติดต่อกลับมาทันทีว่า บัญชีได้รับการ “ปลดอายัดแล้ว” พร้อมกับขอโทษที่อายัดโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

สิ่งที่แม่ค้าทุเรียนรายนี้สงสัยคือ ทำไมอายัดเงินถึง 160,000 บาท ทั้งที่ทางระบบรู้แล้วว่า เงินที่บัญชีม้าโอนมามีแค่ 16,000 บาท ทำไมไม่ล็อกเงินแค่จำนวนนั้นไว้? แต่กลับเลือกวิธีที่ “ทำให้ธุรกิจของผู้บริสุทธิ์เสียหาย”

ส่งผลให้แม่ค้ารายนี้ ไม่สามารถเอาเงินไปซื้อทุเรียนมาขายในร้านได้ สุดท้าย “รายได้ก็ลดลง” จนไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ทั้งค่าจ้างพนักงาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ


อีกเคสที่ส่งผลกระทบต่ออาชีพคือ กรณีของ “ไรเดอร์” ที่ผู้โดยสารโอนเงินให้ 780 บาท เป็นเหตุให้ “ถูกอายัดบัญชี” เพราะมีคนแจ้งตำรวจว่า โดนหลอกให้โอน 780 บาท ซึ่งบัญชีปลายทางคือ บัญชีของไรเดอร์รายนี้

เขาเลยยอมโอนเงินคืนตามที่ตำรวจแนะนำ แต่กลายเป็นว่าผ่านไป 1 เดือน บัญชีของเขากลับถูกอายัด อีกครั้ง และรอบนี้ไม่ใช่แค่บัญชีเดียว แต่คือทุกบัญชีที่มี

ต้องใช้เวลากว่า “4 เดือน” กว่าจะพิสูจน์กับธนาคารได้ว่า เขาไม่ได้ทำบัญชีม้า เวลาที่เสียไปจึงทำให้ไรเดอร์ไม่สามารถทำงานได้ สมัครงานอื่นก็ไม่ได้ เพราะทำธุรกรรมทางการเงินไม่ได้ ส่งผลให้เกิดอาการเครียด จนเกือบ “คิดสั้น”


อีกเคสที่กลายเป็นเหยื่อ ต้องตามแก้ปัญหาถูกอายัดบัญชี คือเคสของ “เจ้าของร้านอาหาร” รายนึง ที่ต้องหอบ “เอกสารหนัก 20 กก.” ไปเป็นหลักฐาน ขอให้ธนาคาร “ยกเลิกการอายัดบัญชี”

รายนี้ เจ้าของร้านเองก็งงเหมือนกันว่า โดนได้ยังไง ทั้งๆ ที่ “ไม่มีการแจ้ง” ว่า บัญชีของร้านพัวพัน “บัญชีม้า” แต่ธนาคารกลับอายัดเองดื้อๆ เธอต้องเข้าไปยื่นเอกสารถึง 2 รอบ ใช้เวลาถึง “2 เดือน” ในการแก้ปัญหา

ไปๆ มาๆ ธนาคารให้คำตอบว่า เป็นเพราะทางร้าน “มีเงินเข้า-ออก ตลอดเวลา” ทำเอาเจ้าตัวงงหนักมาก เพราะเธอเปิดร้านอาหาร 24 ชั่วโมง แถมมีร้านทำเล็บด้วย จึงไม่แปลกที่จะมีเงินวิ่งอยู่ตลอด

[กองเอกสารกว่า 20 กก.ที่ใช้เพื่อปลดอายัดบัญชี]
ก่อเป็นคำถามที่ว่า เงินในบัญชีต้องเข้า-ออกได้แค่ไหน ถึงจะไม่กลายเป็นเหยื่อ ถูกอายัดอีก อย่างที่เธอโพสต์ระบายเอาไว้ว่า เข็ดแล้วจริงๆ

“ประสบการณ์ที่จะไม่ลืมเลย เคยรับแต่เงินสดอยู่ 2 อาทิตย์ ยอดตกฮวบ เพราะลูกค้าไม่สะดวก เลยไปเปิดใช้อีกธนาคาร แต่จะเคลียร์เงินออกทุก 5 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแบบเดิมอีก กลัวมาก ไม่กล้าไว้ใจธนาคารอีกแล้วค่ะ

หลายเคสหลากผู้บริสุทธิ์ที่ต้องซวยไปด้วย ผลักให้ตอนนี้ ร้านค้าหลายแห่งถึงขั้นขึ้นป้ายไว้เลยว่า “ไม่รับเงินโอน” คือเลือกรับเฉพาะเงินสดเท่านั้น เพื่อป้องกันเงินจากลูกค้า ที่อาจมาจาก “บัญชีม้า” แล้วถูกอายัดเพราะติดร่างแหไปด้วย




ต้อง “เยียวยา” เรียกความเชื่อมั่น

[คนแห่ถอนเงิน จากเคสธนาคารอายัดบัญชีมั่ว]
อย่างที่เห็น บทจะ “อายัด” ก็รวดเร็วเสียเหลือเกิน แต่บทจะให้ “ถอนอายัด” กลับชักช้า ต้องดำเนินการยุ่งยากมากๆ ซึ่งอาจถือเป็นเรื่องดี ถ้าบัญชีที่โดนเป็นบัญชีม้าจริงๆ

แต่ปัญหาคือส่วนใหญ่กลับกลายเป็นทำให้พี่น้องประชาชน เสียเวลาและเสียโอกาสในชีวิตมากกว่า จากการอายัดบัญชีมั่วซั่ว จนกลายเป็นคำถามว่า หรือจริงๆ แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมี “มาตรการเยียวยา” รับผิดชอบวิธีจัดการที่ผิดพลาดของตัวเอง?

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเงิน อย่าง “รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ” ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชี้ให้เราเห็นว่า “รัฐต้องเร่งแก้ปัญหานี้”

[“รศ.ดร.อนุสรณ์” ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์และการเงิน]
“มันควรจะเริ่มต้นด้วย การพยายามทำให้กระบวนการในการยกเลิกอายัดเนี่ย มันรวดเร็ว ถ้ามันเป็นการอายัดที่ผิดพลาดอะนะ”

จากที่ตอนนี้ มีหลายคนที่โดน “อายัดเป็นเดือน” บางคน “โดนทุกบัญชี” ตรงนี้ต้องเข้าไปดูด้วยว่า พวกเขาเสียหายยังไงบ้าง เพราะการแก้ปัญหาด้วยการ “เร่งปลดอายัด” อย่างเดียว ไม่เพียงพออีกแล้ว

 อย่างเคส “ร้านเสริมสวย” ที่ลูกค้า “โอนเงินผิดแค่หลักพัน” แต่เจ้าของร้านโดนอายัดทั้งบัญชี เพราะโดนฟ้องว่าเป็น “บัญชีม้า” กระทั่งส่งผลกระทบหนัก จนไม่สามารถนำเงินในบัญชีไปจ่ายค่าเทอมลูกได้ ต้องขายทองที่มีเพื่อแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

“เขาเสียหายอะไรมากไหม ถ้าเขาเสียหายมากเนี่ย ทางการ รวมทั้งทางธนาคารที่เกี่ยวข้อง แล้วก็รับผิดชอบเนี่ย เขาก็ควรจะต้องเยียวยาให้กับผู้เสียหายนะ”

ถามว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ กระทบหนักถึงขั้นสั่นสะเทือน “การเงินของประเทศ” เลยไหม? เพราะตอนนี้ดูผู้คนเริ่มแห่กันไปถอนเงินกันแล้ว กูรูรายเดิมมองว่า ถ้ามองในภาพใหญ่อาจยังไม่กระทบขนาดนั้น เพราะเหยื่อส่วนใหญ่คือ พ่อค้า-แม่ค้ารายย่อย

แต่ถ้าภาครัฐ หรือแม้แต่ทางธนาคาร อยากเรียกความเชื่อมั่นกลับมา อาจต้องไปดูว่า ช่องโหว่การประสานงานกันระหว่าง “ตำรวจที่ทำคดีบัญชีม้า” กับ “ระบบตรวจสอบของธนาคาร” อยู่ตรงไหนบ้าง

“ต้องมีการสอบสวน ต้องดำเนินการที่จะลงโทษ ถ้าสมมติเป็นการดำเนินการที่ประมาทเลินเล่อ ทำงานไม่ระมัดระวัง ว่ากันไปตามเนื้อผ้า”


อีกมุมจากกูรูด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ อย่าง “ดร.ปริญญา หอมเอนก” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอซิส โปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด และ บริษัท ไซเบอร์ตรอน จำกัด ช่วยวิเคราะห์ให้ทีมข่าวเอาไว้ว่า ถ้าอยาก “เรียกความเชื่อมั่น” กลับมา ต้อง “เกาให้ถูกที่คัน”

“ช่วงนี้ยอมรับว่า ยังไม่ค่อยมั่นใจ แต่ว่าพอสัก 2-3 วัน พอมันซาๆ แล้ว ผมว่าความมั่นใจก็จะกลับคืนมา แต่ถ้าเกาไม่ถูกจุดนะ มันก็จะลุกลาม”

ถ้าให้วิเคราะห์ บัญชีที่ชัดเจนว่าเป็น “บัญชีม้าตัวจริง” จะอยู่ใน “บัญชีม้าสีดำ” และ “บัญชีม้าสีเทา” ที่มีอยู่ใน “แบล็กลิสต์” ของธนาคาร กับ “สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)” ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับบัญชีบุคคลทั่วไป

แต่ปัญหามันอยู่ที่ “บัญชีม้าสีน้ำตาล” ซึ่งคือเหล่าบัญชีในลิสต์ของทางการ ที่ยังไม่แน่ชัดว่า เป็นบัญชีม้าตัวจริงหรือเปล่า? พอมีการตามเส้นเงิน เพื่ออายัดบัญชีประเภทนี้ ก็มีโอกาสที่บัญชีคนปกติจะถูกร่างแหไปด้วย

“ม้าน้ำตาล ที่มันยังไม่ชัวร์เนี่ย คุณควรจะมีกระบวนการที่แน่ใจได้แล้วว่า เกินกี่เปอร์เซ็นต์ว่ามันเป็นม้า แต่ถ้าล็อกผิดไป I’m sorry นะ แจ้งเข้ามามีเบอร์สายด่วน 1441 กด 2 โทรหาไซเบอร์ ปลดล็อกด้วยกระบวนการ 1-2-3-4”

[“ดร.ปริญญา” กูรูด้านความปลอดภัยไซเบอร์]
กูรูไซเบอร์รายนี้ชี้ว่า ธนาคารและรัฐต้องรีบขยับหาวิธีการ “พิสูจน์” บัญชีม้าน้ำตาลให้ดีกว่านี้ เพื่อไม่ให้กระทบความเชื่อมั่นมากไปกว่านี้

ต่อมาคือขั้นตอน “การถอนอายัด” ย้ำว่าการเร่งปลดล็อกบัญชีที่บริสุทธิ์ เป็นทางออกที่ดี แต่ยังไงก็ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนว่า คนที่มาถอนอายัด ไม่ใช่บัญชีม้า ไม่อย่างนั้นมิจฉาชีพจะมาแจ้งถอนอายัดได้ง่ายๆ เหมือนกัน

“มันจะมาโกลาหลกันอยู่พักนึง แล้วในที่สุด มันก็จะลงตัวของมันเอง ผมคิดว่าอย่างนั้น ตอนนี้ยังไม่ลงตัวหรอก”




แถลงแก้ต่าง แต่ปฏิบัติยังขัดแย้ง


หลังกลายเป็นประเด็นร้อน “วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ” ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ได้ออกมาชี้แจงกระบวนการว่า จริงๆ แล้วระบบ “ไม่ได้อายัดทั้งบัญชี” เพียงแค่ล็อกจำนวนเงินที่บัญชีม้าโอนมา เพื่อดำเนินการตรวจสอบ แต่ที่หลายคนทำธุรกรรมไม่ได้ เป็นเพราะยอดเงินที่ถูกล็อก มันมากกว่าจำนวนเงินในบัญชี

แต่ข้อมูลที่ชี้แจงตรงนี้ กลับทำให้พี่น้องชาวไทยสงสัยหนักกว่าเดิม เพราะดูเหมือนจะไม่ตรงกับความเป็นจริง จากหลายเคสที่เหยื่อถูกล็อกบัญชีเอาไว้ ล้วนแล้วแต่มีเงินจากบัญชีม้า “หลักร้อย-หลักพัน” เท่านั้นเอง แต่เงินในบัญชีมีมากกว่านั้นอีกหลายเท่า ก็ยังถูกอายัดบัญชีเอาไว้

ส่วนเรื่องสายด่วน AOC “1441” ที่โปรโมตไว้ว่า มีไว้ส่งข้อมูลหลักฐาน พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเหยื่อได้ ซึ่งบอกเอาไว้ว่ามีทั้งหมด 100 คู่สาย พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง

แต่พอ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” นักเล่าข่าวชื่อดัง ลองโทรสายด่วนกลางรายการ “กรรมกรข่าวคุยนอกจอ” กลับพบว่าผ่านไปถึง 10 นาที ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่มารับสาย


ล่าสุด “ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)” ได้ออกมาแถลงข่าวถึงนโยบาย “ปราบบัญชีม้า” เรียบร้อยแล้ว โดยชี้แจงว่า ตอนนี้ทั้ง ธปท.และกระทรวงดิจิทัลฯ กำลังเร่ง “ตรวจสอบและปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์” อยู่ และจะปลดล็อกบัญชี “ภายใน 4 ชั่วโมง” ถ้าเป็น “ผู้บริสุทธิ์”

โดย “อรมนต์ จันทพันธ์” ผู้อำนวยการ ธปท.ได้ชี้แจงผ่านรายการ “กรรมกรข่าวคุยนอกจอ” เอาไว้ว่า ปัญหาที่เกิดมาจาก “การตามเส้นเงินของบัญชี” ที่ “กว้างเกินไป”

หมายความว่า เงินจากบัญชีม้าเหล่านั้น ไม่ว่าจะกระทบบัญชีไหน จำนวนเงินก็ต้องถูกล็อกไว้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เงินไหลออกไปที่ต่างๆ


“เราต่อเส้นเงินได้ยาวขึ้น ซึ่งดีสำหรับการดูแลเหยื่อ แต่อาจจะไปกระทบ คนบริสุทธิ์ในเส้นเงินได้มากขึ้น เราก็เลยจะรีบแก้ปัญหาให้เร็ว”

โดยมาตรการที่กำลังปรับใช้ใหม่คือ ถ้าเงินที่โอนจากบัญชีม้า เป็น “เงินจำนวนเล็กน้อย” ที่ดูแล้วว่าเป็นการซื้อข้าว ซื้อของใช้ บัญชีปลายทางจะไม่โดนหางเลขไปด้วย

หรือถ้าเป็น “เงินก้อนใหญ่” แต่ตรวจแล้วพบว่า ธุรกรรมของบัญชีปลายทาง คือ “บัญชีปกติ” เป็นของร้านค้าที่มีเงินเข้า-ออกจากลูกค้าหลายคน ก็จะไม่โดนอายัดบัญชี เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า

“เราอยากจะจัดการมิจฉาชีพให้เร็ว แต่แน่นอน ในกระบวนการอาจจะมีผู้บริสุทธิ์ปนมาบ้าง สิ่งสำคัญก็คือ ถ้าเกิดผู้บริสุทธิ์ปนมา ต้องปลดให้เร็ว”


สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : Facebook “Pithugan KT”, “โค๊ช ก๊อตจิ”, “Sweetz Saiz”, “CM Hexa - ComMu Token” และ X @Mr_Whathapened



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น