แซวกันทังโซเชียลฯ ทับศัพท์ใหม่ “มัตจะลัตเต” ที่ยึดตามหลักภาษาราชบัณฑิตฯ วิจารณ์หนักฟังแล้วประหลาด จนไม่กล้าจะออกเสียงสั่งเมนู พอๆ กับมหากาพย์คำศัพท์ที่บัญญัติให้ใช้อีกเป็นกะตั้ก แต่แปลกแปร่งจนคนส่วนใหญ่เลือกเมิน กูรูวิเคราะห์ถ้าคำไม่ฮิต ไม่ติดหู ไม่มีคนใช้ เดี๋ยวก็หายไปจากระบบภาษาเอง
** หัวจะปวด “มัตจะ” ไม่ใช่ “มัทฉะ” **
“มัทฉะ (Matcha)” คำเรียก “ชาเขียวบดละเอียด” แบบญี่ปุ่น ที่เราพูดจนติดปากกันมาหลายปี แต่จริงๆ แล้ว คำที่ถูกต้องตาม “ราชบัณฑิตยสภา” คือ “มัตจะ”
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงกัน เมื่อเพจ “คำไทย”ได้ออกมาแชร์ “คำทับศัพท์”ที่ถูกต้องของ “Matcha” และยิ่งกลายเป็นไวรัล เมื่อมีคนแชร์ภาพบิลออเดอร์เดลิเวอรี่กาแฟแห่งนึง ที่ลูกค้าสั่งเครื่องดื่ม แต่เมนูในร้าน ดันเขียนไม่ถูกต้องตามที่ราชบัณฑิตยสภาบัญญัติ ลูกค้ารายนี้เลยทนไม่ได้ จึงใส่หมายเหตุบอกกับทางร้านว่า
“ขอความกรุณาแก้คำด้วยค่ะ ที่ถูกต้องคือ‘มัตจะ’ (ไม่ใช่ มัทฉะ) และ‘ลัตเต’(ไม่ใช่ ลาเต้) อ้างอิงตามราชบัณฑิตฯ ล่าสุดค่ะ”
หลายคนแซวว่า “ครูภาษาไทยมาเอง”บ้างก็บอกว่า “สะกดแบบเดิมก็เข้าใจ” เข้มงวดไปไหมครู หรือบางคนพอเห็นคำว่า “มัตจะลัตเต” ก็วิจารณ์กันว่า อ่านแล้วไม่นึกชาเขียวเลย ออกแนวไปทางอาหารอินเดียเสียมากกว่า
{ลูกค้าหมายเหตุ เขียนให้ถูก “มัตจะ” ไม่ใช่ “มัทฉะ”}
และไม่ได้มีแค่คำว่า “มัตจะ” แต่มีอีกหลายคำที่คนเห็นแล้วปวดหัวอย่าง “คาเฟ่ (CAFE)” ที่ถูกบัญญัติให้เขียนเป็น “แคเฟ” , “ลาเต้ (latte)” เป็น “ลัตเต” ,“คาปูชิโน่ (Cappuccino)” เป็น “คัปปุชชีโน” ,”สมูทตี้ (Smoothie)” เป็น “สมูทที”
เอาจริงๆ คำทับศัพท์เหล่านี้ ราชบัณฑิตยสภาบัญญัติมาสักพักใหญ่ น่าจะตั้งแต่ปี “2565” แต่เพิ่งกลับมาเป็นประเด็นให้คนสนใจอีกครั้ง หลังมีไวรัล
ทำให้หลายฟังแล้วก็รู้สึกจั๊กจี้หู พร้อมถามว่าทำไมต้องบัญญัติคำทับศัพท์ประหลาดๆ ทั้งที่ก็มีคำที่คนไทยก็ใช้กันเป็นประจำ และเข้าใจตรงกันว่า มันคือชาเขียวอยู่แล้ว
อีกด้านก็มีคนออกมาแก้ต่างว่า การบัญญัติคำทับศัพท์ใหม่นี้ ทางราชบัณฑิตยสภา “ทำถูกแล้ว” เพราะถือว่าตรงตามต้นฉบับการออกเสียงแบบญี่ปุ่น ที่ออกเสียงว่า “มัตจะ” ส่วน “มัทฉะ(matcha)” คือการออกเสียงแบบฝรั่ง
ประเด็นคือ “คำทับศัพท์”ประหลาดๆ พวกนี้ เขาใช้เกณฑ์อะไรในการบัญญัติ แล้วทำไมคำที่ผู้คนใช้กันจนชินปากชินหู ถึงไม่ถูกเอามาบัญญัติ?
เพื่อตอบคำถามนี้ ทีมข่าวจึงติดต่อไปหา 2 นักวิชาการด้านภาษา อย่าง “หมี” ผศ.ดร.อำนาจ ปักษาสุขและ “แจ็ค” ผศ.ดร.อนุชิต ตู้มณีจินดาคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สำหรับกูรูรายแรกอย่าง “ดร.หมี”อธิบายหลักเกณฑ์ของการเขียนทับศัพท์ไว้ว่า...
“โดยปกติแล้ว เขาก็จะเทียบกับการออกเสียงของภาษาต้นทาง คือเราพยายามจะถอดคำ ที่สะกดด้วยอักขรวิธีแบบไทย ให้มีเสียงใกล้เคียงกับภาษาต้นทาง”
แต่ปัญหาก็คือ แม้จะพยายามถอดเสียงให้ตรงต้นฉบับ แต่สุดท้ายการออกเสียงทั้งสระ พยัญชนะ แต่ละภาษาก็แตกต่างกัน ไม่มีทางที่จะเหมือนต้นฉบับ ทำให้ได้คำทับศัพท์ที่ออกเสียงประหลาดๆ แบบนี้
{“หมี” (ผศ.ดร.อำนาจ) คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์}
** “ชิน” ไปแล้ว เขียนแบบเดิมไม่เสียหาย **
ส่วนที่ว่า ทำไมเราไม่บัญญัติคำที่คนใช้กันจนชินไปเลยละ? “ดร.แจ็ค” ตอบประเด็นนี้ว่า สิ่งที่เราใช้เป็น “ภาษาพูด” ซึ่งมันไม่มีหลักการสะกดที่แน่นอน หรือเป็นมาตรฐาน ยกตัวอย่างเสียง “มัด” ใน “มัทฉะ” อาจสะกดด้วย “ด” “จ” หรือ “ท” ก็ได้
แต่สิ่งที่ราชบัณฑิตยสภา ออกมากำหนดคือ หลักการสะกดใน “ภาษาเขียน” ซึ่งจำเป็นต้องมี “มาตรฐาน” โดยเฉพาะในเอกสารที่เป็นทางการ หรือเอกสารราชการ
“สิ่งที่เราบอกทำมาจนชิน มันคือภาษาพูดถูกไหมครับ แต่ว่าปัญหาคือในภาษาเขียน เรายังไม่ได้สร้างมาตรฐานอะไรขึ้นมาเลย และนี่จึงเป็นเหตุที่ราชบัณฑิตยสภา จำเป็นต้องสร้างมาตรฐานในการเขียน”
ประเด็นที่เกิดการถกเถียงนี้ “ดร.แจ็ค” มองว่าปัญหาคือ บัญญัติ “ช้าเกินไป” แม้จะเข้าใจอยู่ว่า หน้าที่ของราชบัณฑิตยสภา คือสร้างมาตรฐาน และรักษาหลักเกณฑ์ในการเขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง
แต่หลายคำที่ออกมาบัญญัติใหม่ ไม่ว่าจะเป็น คาเฟ่, มัทฉะ, ลาเต้ ฯลฯ คนไทยใช้คำเหล่านี้มานานจน “ชิน” กันหมดแล้ว การให้คนยอมรับรูปแบบการสะกดใหม่ จึงกลายเป็นเรื่องยาก
“ผมก็ไม่ได้โทษราชบัณฑิตฯ นะครับ เขาก็ทำหน้าที่ของเขา และก็ไม่โทษคนใช้ด้วย เพราะคนใช้ เขาใช้จนเคยชินแล้ว แล้วอยู่ดีๆ จะมาให้เขาเปลี่ยนแบบนี้เนี่ยครับ”
ซึ่ง “คำทับศัพท์”จริงๆ มันก็อะลุ้มอล่วยกันได้ อย่างร้านกาแฟ-ร้านอาหาร การใช้คำทับศัพท์เดิม ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะคำเหล่าก็เป็นที่แพร่หลาย และคนก็เข้าใจตรงกันว่ามันหมายถึงอะไร
แต่เราอาจต้องสอนในห้องเรียน ในระบบการศึกษาเพิ่มว่า “การสะกดที่ถูกต้อง” ตามหลักเกณฑ์ ที่ราชบัณฑิตยสภา กับภาษาที่ถูกใช้จริงๆ ในสังคม มันมีความต่างกันยังไง
{“แจ็ค” (ผศ.ดร.อนุชิต) คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์}
** เขียนแบบไหนขึ้นอยู่กับ “ความนิยม” **
ถ้าเรามาดู จริงๆ มันก็มี “คำทับศัพท์”ของราชบัณฑิตยสภา ที่คนไม่นิยมใช้ เพราะมันไม่ตรงกับความเคยชิน เช่น “footpath” ทับศัพท์ที่ถูกต้องคือ “ฟุตพาท”
แต่คนบางส่วนก็นิยมเขียนหรือเรียกว่า “ฟุตบาท” มากกว่า ส่วนคำแปลของมันอย่าง “บาทวิถี” คนก็ไม่ใช้ จนลืมไปแล้วว่ามีคำนี้อยู่ เพราะคนนิยมใช้คำว่า “ทางเท้า” มากกว่า
แม้กระทั่งการสร้างคำศัพท์อย่าง “คณิตกรณ์”ที่บัญญัติมาให้ใช้แทนคำว่า “คอมพิวเตอร์”แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครใช้ แล้วคำนี้ก็ค่อยๆ หายไป
หรือคำอย่าง“ละมุนภัณฑ์” ที่คนเข้าใจผิดว่าถูกบัญญัติโดยราชบัณฑิตยสภา ให้มาใช้แทนคำว่า “ซอฟต์แวร์” แต่จริงๆ มันถูกเอ่ยถึงครั้งแรกใน “สภาผู้แทนราษฎร” ในยุคคอมพิวเตอร์เข้ามาเมืองไทยใหม่ๆ
โดยมี สส. คนนึงที่ไม่นิยมใช้คำฝรั่งในการอภิปราย เมื่อมีเอ่ยถึง“ซอฟต์แวร์” เขาขอให้ที่ประชุมใช้ว่า "ละมุนภัณฑ์" แทน ซึ่งคนไม่ซื้อ และขอกลับไปใช้คำว่า “ซอฟต์แวร์” เหมือนก่อนดีกว่า
{“คณิตกรณ์” คำศัพท์ที่คนไม่ใช้ สุดท้ายถูกลืม}
จะเห็นว่า “คำทับศัพท์” หรือ “คำศัพท์” ที่ถูกบัญญัติใหม่ สุดท้ายถ้าคนใช้ไม่นิยม คำเหล่านั้นมันก็จะ“หายไป”ดร.แจ็ค บอกว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเสมอ
“เชื่อไหมครับว่า ถ้ามันไม่ติดตลาด มันไม่ติดหู มันไม่ป๊อปพอ ท้ายที่สุดคำที่ราชบัณฑิตฯ พยายามบอกให้เราใช้ มันอาจจะไม่ถูกใช้ แล้วถูกเปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ชอบใช้ก็ได้ครับ ลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว”
ซึ่งหลักมาตรฐานการใช้ภาษาที่ถูกต้อง มี 2 แบบคือ “1.แบบที่ถูกกำหนดโดยราชบัณฑิตยสภา” กับ “2.แบบที่ถูกกำหนดโดยคนในสังคม”
“นั่นเป็นเหตุผลว่า ต่อให้ท้ายที่สุดแล้ว ราชบัณฑิตฯ จะบัญญัติยังไง ถ้าผู้ใช้ภาษาไม่เล่นด้วย หรือไม่ชอบสุดท้ายมาตรฐานที่เป็นของผู้ใช้ภาษา ก็จะกลายไปเป็นมาตรฐานหลักแทนครับ”
“ดร.หมี” ขยายความต่อว่า ในหลักข้อหนึ่งของราชบัณฑิตยสภา บอกว่า ถ้าคำไหน “ถูกใช้จนเคยชิน” หรือเคยปรากฏบนพจนานุกรมแล้ว ให้อนุโลม ให้ใช้รูปสะกดเดิม โดยไม่ต้องเปลี่ยนให้ตรงกับหลักเกณฑ์ภาษานั้นๆ
เคสที่ชัดเจนคือ “gas” ที่กำหนดให้ใช้คำว่า “ก๊าซ” แต่สื่อและวงการวิทยาศาสตร์ นิยมใช้คำว่า “แก๊ส” มากกว่า สุดท้ายราชบัณฑิตยสภา ได้ยอมรับและบรรจุคำว่า "แก๊ส" ไว้ในพจนานุกรม คู่กับก๊าซในที่สุด
“สุดท้าย ผู้ที่ใช้ภาษาจะเป็นผู้ตัดสินครับ ว่าจะให้คำพวกนี้เปลี่ยนไป ตามหลักเกณฑ์ของราชบัณฑิตฯ หรือจะยังคงใช้ตามรูปที่ตัวเองเคยชิน ก็ใช้อยู่ต่อไปอะไรอย่างนี้ครับ”
สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : X @Thaireactionvid
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **