งามหน้า!! “ตำรวจในคราบโจร” อุ้มรีดเงิน 2 ล้าน วิกฤตศรัทธาองค์กรตำรวจไทย? โซเซียลฯ แซะ แทนที่จะไล่จับโจร แต่เป็นโจรซะเอง
เป็นประเด็นร้อนฉาววงการสีกากีอีกแล้ว เมื่อหญิงไทยวัย 38 ปี ล่ามแปลภาษาจีน เข้าแจ้งความกับตำรวจ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็นตำรวจ 5-6 คน อุ้มพร้อมกับนายจ้างชาวจีนวัย 62 ปี ขึ้นรถเก๋งไปรีดเงิน เป็นเงินสกุลดิจิทัล มูลค่าตีเป็นเงินไทยกว่า 2 ล้านบาท
ล่ามจีน เธอเล่าว่า วันเกิดเหตุได้เรียกให้เธอไปเจอที่บ้านในซอยประชาสงเคราะห์ 2 เพื่อจะให้ไปเป็นเพื่อนทำธุรกรรมต่ออายุหนังสือเดินทางและวีซ่า ที่ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ
พอเธอไปถึง ก็มีเพื่อนชาวจีนของนายจ้างขับรถยนต์พาไปที่ศูนย์ราชการฯ แต่นายจ้างไม่ได้ไปด้วย พอไปถึงก็พบว่า เอกสารที่เตรียมไปทำธุรกรรมไม่ครบถ้วน จึงต้องกลับไปที่บ้านนายจ้างอีกครั้ง
แต่ที่ทำให้เธอต้องตกใจคือ เธอเจอกับแก๊งชายแปลกหน้า แต่งตัวคล้ายตำรวจ 5 คน พร้อมรถยนต์ 3 คัน แล้วกลุ่มชายแปลกหน้ากลุ่มนั้น ก็ได้อุ้มเธอและนายจ้างขึ้นรถไปคนละคัน โดยเพื่อนของชาวจีนของนายจ้างได้ขับรถตามประกบเป็นขบวนก่อนออกจากซอย รวมทั้งหมด 4 คัน
ระหว่างที่อยู่บนรถ กลุ่มชายแปลกหน้าที่อ้างตัวเป็นตำรวจ ได้ถามเธอว่ารู้จักนายจ้างชาวจีนได้ยังไง เธอก็บอกว่ารู้จักมา 1 ปี ในฐานะล่ามแปลภาษา
และกลุ่มชายแปลกหน้าที่อ้างตัวเป็นตำรวจ ก็อ้างว่านายจ้างของเธอ มีความผิดฐานปลอมแปลงบัตรประชาชน จึงเรียกรับเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัลจำนวน 60,000 USDT หรือประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวนายจ้าง
จากนั้น นายจ้างของเธอบอกว่า ก็ได้ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุพูดคุยกับลูกชายที่อยู่จีน จนสุดท้ายลูกชายยอมโอนเงินสกุลดิจิทัลให้กลุ่มผู้ก่อเหตุ 30,000 USDT หรือประมาณ 1 ล้านบาท หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุจึงยอมปล่อยตัวทั้งคู่ด้วยการขับรถมาส่งที่บ้านพักที่เดิม
หลังจากนั้น เธอก็ไม่สามารถติดต่อนายจ้าชาวจีนได้อีก มารู้อีกทีคือ นายจ้างของเธอได้เดินทางกลับไประเทศจีนแล้ว ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว เพราะเชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการ และก็ไม่แน่ใจว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นด้วยหรือเปล่า เธอจึงรวบรวมสติ และปรึกษากับคนใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจเข้าแจ้งความกับทางตำรวจ
หลังรับแจ้งความทางตำรวจ ได้ทำการเช็กประวัตินายจ้างชาวจีน ก็พบว่า เจ้าตัวมีใช้ชื่อคนไทยมาสวมรอยบัตรประชาชน เอาไว้ในความครอบครอง และเคยใช้บัตรประชาชนสวมรอย ทำธุรกรรมในประเทศไทย ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบว่า เจ้าของบัตรยังมีชีวิตหรือไม่ และบัตรประชาชนมาอยู่ในมือบุคคลต่างด้าวได้ยังไง
จากการสืบสวนของตำรวจ บวกกับข้อมูลกล้องวงจรปิดในละแวกจุดเกิดเหตุ พบภาพรถต้องสงสัย 4 คัน และ ชายฉกรรจ์คนร้าย รวม 6 คน ก่อเหตุอุ้ม ล่าวจีนและนายจ้างชาวจีนขึ้นรถไปจริงตามคำให้การจริง
และยังพบอีกว่า แก๊งรีดเงินกลุ่มนี้ มีตำรวจรวม 4 คน สังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมก่อเหตุด้วย ล่าสุดได้ออกหมายจับไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นตำรวจไปแล้ว 4 คน ส่วนที่เหลือกำลังรวบรวมพยานหลักฐานตามจับ
บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ได้มีการดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดกับตำรวจ 4 คน โดยให้ออกจากราชการไว้แล้ว
"ในส่วนการดำเนินการทางวินัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีคำสั่งไล่ออกเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้กระทำความผิดทั้งหมด ส่วนความผิดทางอาญาให้ดำเนินคดีตามขั้นตอน"
เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่เคสนี้เป็นเคสแรก ที่ตำรวจออกรีดไถเงินจากประชาชน แต่เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว และทางตำรวจก็ถูกดำเนินคดีไปกว่า 100 นายแล้ว
เรียกได้ว่า ไม่มีแผ่วจริงๆ สำหรับองค์กรตำรวจ นับตั้งแต่ทุนจีนสีเทาคดีผับจินหลิงของ ตู้ห่าว หรือจะเป็นรีดทรัพย์ดาราสาวไต้หวัน จนมาถึงเคสนี้อุ้มชาวจีนเรียกค่าไถ่
ทำให้ตอนนี้ ไม่ว่าองค์ตำรวจจะออกมาทำอะไร หรือมีข่าวอะไร มักจะถูกสังคมจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะหลายคนมองว่า แทนที่ตำรวจจะไปไล่จับผู้ร้าย กลับต้องมาจับตำรวจด้วยกันเอง
นอกจากภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจ ที่เหมือนกับว่า กำลังทำลายความปลอดภัยในประเทศให้ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ตอนนี้ยังมีกระแส “เที่ยวไทยอันตราย” ว่อนทั่วสื่อโซเซียลฯ จีนอีกด้วย
เมื่อเพจ “อ้ายจง” เพจชื่อดังที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับเมืองจีนทุกแง่มุม ที่มีคนติดตามเกือบ 3 แสน ออกมาโพสต์บอกเล่า เรื่องที่กำลังเป็นกระแสในตอนนี้ คือมีคนจีนคนหนึ่งโพสต์คลิปใน TikTok จีน
บอกถึงความอันตรายในประเทศไทย ที่มีแต่ความหลอกลวง จนหลายคนเข้าไปแสดงความคิดเห็น และสะท้อนมุมลบของประเทศไทย โดยมีการส่งต่อข้อมูลกันไปเป็นจำนวนมาก ในสื่อสังคมออนไลน์ของจีน
เพจดังเพจเดิม ก็บอกอีกว่า ข้อมูลหลายอย่างเป็นความเข้าใจผิดที่มีมานานแล้ว อย่างเช่น ประเด็นสาวประเภทสองที่คนจีนบางส่วนเข้าใจว่า เป็นเพราะความยากจน เป็นเรื่องที่ผิด และก็มองบ้านเราในมุมไม่ดี มีความล้าหลัง ถึงมีเรื่องเหล่านี้ และโยงไปถึงความอันตรายที่มาไทยอาจจะเจอลักพาตัว เจอหลอกลวงมากมาย
โดยเฉพาะผู้หญิง ถ้าไปคนเดียวหรือทั้งกลุ่มที่ไปมีแต่ผู้หญิง ก็ต้องระวังเป็นพิเศษ ส่วนประเด็นการขนส่ง และของกินของใช้ก็ยังแพงมากอีกด้วย และยังมีคนออกมาแฉอีกว่า มักจะเจอรถแท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์
“ทำให้คำค้นหา ระมัดระวังเมื่อไปเที่ยวไทย กลายเป็นประเด็นฮอต โดยเมื่อพิมพ์คำว่า ประเทศไทย ก็จะมีการแนะนำคำว่า เที่ยวไทยปลอดภัยหรือไม่? ขึ้นมาทันที ก็เป็นอีกหนึ่งข้อบ่งชี้ว่า มีประเด็นความกังวลตรงนี้ของคนจีนที่จะมาเที่ยวไทย”
แต่ก็ยังพอมีคนจีนไม่น้อย ที่เคยมาเที่ยวไทยจริงๆ แชร์ประสบการณ์ว่า ไทยไม่ได้อันตรายขนาดที่มีการบอกเล่าข้อมูลผิดๆ รวมทั้งข้อมูลหลายอย่างก็มาจากความเข้าใจผิด
ส่วนความเห็นของโซเชียลฯ ก็สะท้อนถึงวงการตำรวจว่า ผู้ถือกฎหมายกระทำความผิดซะเอง และหลายคนยังแซะอีกว่า อาชีพหลัก เป็นตำรวจ อาชีพเสริมโจรเรียกค่าไถ่
“ทำกันจนเคยตัว กลายเป็นอาชีพเสริม ทำรายใด้เป็นกอบเป็นกำ”
“โจรในเครื่องแบบอีกแล้ว เสื่อมไม่แผ่วเลยองค์กรนี้ สร้างแต่ความเสียหายให้กับประเทศชาติ เอาติดคุกให้หนัก”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **