ท่าขี้เหล็ก – คหบดีท่าขี้เหล็ก ผวากันทั่ว..แก๊งจีนเทารวมกลุ่มยกพวกควงอาวุธสงครามบุกปล้น-อุ้มเรียกค่าไถ่-ทวงหนี้พนัน ฯลฯ ถี่ แถมลงมือกันกลางเมืองเย้ยกฎหมาย-จนท.เมียนมา
รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงกลางเดือน มี.ค.2566 นี้ ได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายติดอาวุธบุกเข้าจับจับตัวคนมีฐานะย่านใจกลางชุมชนเมืองและมีร้านค้าหนาแน่นในตลาด จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงกันข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปเรียกค่าไถ่อย่างอุกอาจแล้วหลายราย
ล่าสุดมีการก่อเหตุ ที่ร้านจำหน่ายของชำภายในตลาดชายแดน โดยคนร้ายอย่างน้อย 4 คน สวมหมวกและหน้ากากปิดบังใบหน้ามิดชิด ใช้รถยนต์เก๋งสีขาวเป็นพาหนะ ขับเข้าไปจอดบนถนนหน้าร้านในเวลาประมาณ 20.50 น.ก่อนที่จะพากันลงจากรถตรงเข้าไปใช้ปืนจี้ให้พนักงานในร้าน
คนร้ายได้ใช้ปืนจี้ห้ามพนักงานร้านเคลื่อนไหว-เอะอะโวยวาย ก่อนจะใช้กุญแจมือล็อกหญิงที่มีลักษณะเป็นเจ้าของหรือคนดูแลแล้วพาออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตกตะลึงของพนักงานร้านและลูกค้าที่เข้าไปซื้อของ
ซึ่งกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ทั้งหน้าร้านและภายในร้าน ได้บันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้อย่างครบถ้วนหลายจุด ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไปอย่างลอยนวล ต่อมามีรายงานว่า คนร้ายได้เรียกค่าไถ่ไปยังญาติรายละ 2-3 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวจะลงมือกันโดยใช้คน 4-5 คน และคาดว่ามีคนขับรถรออยู่ที่รถยนต์เก๋ง 1 คน ส่วนอีก 4 คน ในจำนวนนี้ถืออาวุธปืนพกสั้นจำนวน 3 คน อีก 1 คนถืออาวุธสงคราม ซึ่งลักษณะท่าทางมีความชำนาญด้วยมือเดียวได้ด้วย
ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของ จ.ท่าขี้เหล็ก คนหนึ่งระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้เร่งออกติดตามจับกุมคนร้ายแล้ว เพราะก่อเหตุอย่างอุกอาจกลางเมืองหลายครั้ง โดยเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาเคยมีเหยื่อเป็นชายที่นั่งขายของอยู่หน้าร้านถูกคนร้ายคาดว่าเป็นกลุ่มเดียวกันนี้จำนวน 4 คน คนหนึ่งถือปืนยาวด้วยมือข้างเดียว ส่วนที่เหลือถือปืนพกสั้น บุกเข้าไปอุ้มตัวไปจนถึงวันนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม
ขณะที่รายของหญิงสาวที่ปรากฎในภาพของกล้องวงจรปิดนี้ ล่าสุดทราบว่าคนร้ายได้ปล่อยตัวออกมาแล้ว เพราะไม่ใช่เจ้าของร้าน เป็นการอุ้มผิดตัว
ส่วนสาเหตุที่มีการอุ้มเรียกค่าไถ่แต่ละรายพบว่าเกิดจากหลายกรณี เช่น ปล้นเพื่อหาเงินจากคนรวย ทวงหนี้การพนันที่ติดค้าง ฯลฯ โดยกลุ่มผู้ที่ก่อเหตุอาจเป็นกลุ่มคนจีนที่รวมตัวกันเป็นแก๊งประกอบมีธุรกิจสีเทาอยู่ในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก เพราะช่วงก่อเหตุพบว่ามีการสื่อสารกันด้วยภาษาจีน
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามชาวบ้านทั่วไปต่างระบุว่าไม่กลัวต่อการก่อหตุของกลุ่มแก๊งดังกล่าว แม้จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่เกิดกับคนรวยๆเป็นหลัก ทำให้ชาวบ้านทั่วไป ห้างร้านและตลาดชายแดน ยังคงมีการใช้ชีวิตกันตามปกติ.