แฉระอุโซเชียลฯ! แอปพลิเคชันเรียกรถน้องใหม่ คนขับข่มขืนผู้โดยสารที่ม่านรูด 1 เดือนผ่านไป คดีไม่คืบ ส่วนอีกรายเจอคนขับรับงานซ้อนอีกแอป ขอลงกลางทาง ดันถูกข่มขู่และทำร้าย พบตัวแอปไม่มี Call Center และปุ่มยกเลิกงาน ฝากเป็นอุทาหรณ์ “อย่ามองแค่ว่าถูก มันไม่คุ้มเสี่ยงจริงๆ”
“แอปเรียกรถ” เกิดเหตุซ้ำในรอบ 1 เดือน
กลายเป็นประเด็นที่ร้อนบนโลกทวิตเตอร์ขณะนี้ เมื่อมีบัญชีผู้ใช้รายหนึ่งออกมาเปิดเผยเรื่องราวอันน่าหดหู่ใจ ว่า เพื่อนของเธอถูกคนขับในแอปพลิเคชันเรียกรถน้องใหม่ ข่มขืนกระทำชำเราที่ม่านรูด หลังจากที่แจ้งความผ่านไป 1 เดือน เรื่องก็ยังเงียบ ซึ่งเหตุการณ์นี้ถูกรีทวิตไปแล้วกว่า 80,000 ครั้ง
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นช่วงวันที่ 20 ของเดือนที่แล้ว ผู้เสียหายได้กดแอปพลิเคชันเรียกรถดังกล่าว จากบ้านเพื่อนที่อยู่เมืองพัทยา ให้ไปส่งที่พักย่านหาดบางแสน ราว 03.00 น. เมื่อขึ้นรถ เธอก็มีการคุยโทรศัพท์กับเพื่อนตลอด แต่สักพักสายก็ตัดไป เหตุการณ์บนรถตอนนั้น ผู้เสียหายรู้สึกง่วง เหมือนในรถได้ใส่อะไรไว้ ก่อนจะผล็อยหลับไป และตื่นขึ้นมาในโรงแรมม่านรูด เธอพยายามขัดขืน แต่ไม่สามารถขยับร่างกายได้ ก่อนจะทราบว่า ตนเองถูกข่มขืนโดยไม่มีการป้องกัน
หลังจากเกิดเรื่อง ผู้เสียหายก็เดินทางไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ผลออกมาว่าผ่านการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางอนามัยจริง จึงรีบไปแจ้งตำรวจที่ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในช่วงแรกตำรวจก็ดำเนินการดี แต่ภายหลัง ตำรวจเริ่มไม่สนใจคดี ทั้งที่ก็นำเรื่องขึ้นศาลแล้ว เมื่อติดต่อไปที่คู่กรณี ก็ไม่ยอมรับ แม้จะมีหลักฐานทุกอย่าง กระทั่งเรื่องได้เงียบหายไปกว่า 1 เดือน เพื่อนของเหยื่อจึงใช้ทวิตเตอร์ในการกระจายข่าว ด้วยหวังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดี
ส่วนทางผู้ให้บริการแอปพลิเคชันดังกล่าว ได้ส่งจดหมายชี้แจงว่า รับทราบเรื่องแล้ว รู้สึกซีเรียสมากกับเรื่องนี้ และไม่ทนต่อพฤติกรรมแบบนี้จากคนขับของตน ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน
ทันทีที่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก และมีหลายคนออกมาแชร์ประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำของการใช้บริการแอปพลิเคชันเรียกรถนี้เช่นกัน
โดยเฉพาะผู้ใช้เฟซบุ๊ก “MorFeen Sanpuang” ที่ออกมาเปิดเผยว่า เคยเจอคนขับรับงานซ้อนจนขับพาออกนอกเส้นทาง เมื่อจะขอยกเลิกก็ถูกคนขับทำร้ายร่างกาย แถมแอปดังกล่าวยังไม่มี Call Center ให้ติดต่อ!
ทีมข่าว MGR Live ได้พูดคุยกับคนต้นเรื่องที่พบคนขับรับงานซ้อน จนนำไปสู่การทำร้ายร่างกาย คือ “มอร์ฟีน” เธอย้อนเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น ว่า เรื่องเกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ประมาณ 20.00 น. เธอเรียกรถจากแอปที่เป็นประเด็น ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ มีปลายทาง คือ ลาดพร้าว 15 เมื่อขับไปสักพักคนขับก็ขอแวะรับของ เธอเข้าใจว่าคงแวะรับของส่วนตัว จึงอนุญาต แต่ความจริงนั้น เขารับงานซ้อน ด้วยการส่งอาหารด้วย
“ปรากฏว่า ไปร้านขนมหวานที่มีน้ำเต้าหู้แถวสามย่าน พอเขาลงไปเราก็เลยเห็นโทรศัพท์ที่หน้ารถ มันคืออีกแอป เขารับงานซ้อน พอเขากลับมาเลยก็ถามว่า “อย่างนี้หนูต้องไปส่งกับพี่เหรอ” เขาบอกว่า ”มันเป็นทางผ่าน ขอแวะแป๊บนึง” เราก็โอเค ถ้ามันเป็นทางผ่าน
แต่พอไปถึงคือ พระราม 6 ซอย 21 เป็นซอยบ้านคน แต่มันค่อนข้างเปลี่ยว มันเงียบ ไม่มีรถ ไม่มีคนเดินผ่านเลย เราก็ยิ่งกลัว แล้วคนสั่งน้ำเต้าหู้เขาปักหมุดผิด คนขับเลยเดินหา ซึ่งมันกินเวลานานมาก เหมือนคุยกันไม่รู้เรื่อง เรารอ แล้วเราก็เหนื่อย เราอยากกลับห้องแล้ว พอเขามาเราก็เลยพูดไปว่า “ขอลงตรงนี้ ไม่ไปต่อแล้ว” พอเรากำลังจะหยิบโทรศัพท์มาเพื่อโอนเงิน เขาคงคิดว่าเราจะหนี เขาก็เลยหันมาตะคอกใส่เราว่า “งั้นมึงยกเลิก กูบอกให้มึงยกเลิก”
เราก็ตกใจ เลยถอยออกมานิดนึง เขาเห็นว่าเราถอย เขาก็เดินเข้ามาผลักแล้วก็พูดคำเดิมๆ “กูบอกให้มึงยกเลิก ถ้ามึงไม่ยกเลิกกูเอามึงตายแน่” เราก็ดูในแอปว่ามันยกเลิกยังไง พอเปิดเข้าไปในแอป มันไม่มีให้เรากดยกเลิก หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ยังไม่พอ มันไม่มีเบอร์ Call Center ที่เราจะสามารถโทร.ติดต่อ ณ ตอนนั้นได้เลย”
เมื่อพบว่าในแอปพลิเคชันไม่สามารถกดยกเลิกการใช้บริการได้ คนขับจึงยืนยันที่จะไปส่งเธอ แต่สถานการณ์เลวร้ายยังไม่จบแค่นั้น เพราะคนขับเกิดควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ และปรี่เข้ามาจะทำร้ายร่างกายหญิงสาว โชคยังดีที่เธอเบี่ยงตัวหลบทัน และมีเสียงสวรรค์คือสายของคนสั่งน้ำเต้าหู้โทรศัพท์มาตามพอดี
“เราตกใจ ทำกับเราขนาดนี้แล้ว ยังจะไปส่งอีกเหรอ ก็บอกยังไงก็ไม่ไป และพูดไปว่า “พี่รับงานซ้อนแบบนี้มันไม่ถูก แล้วต้องมาให้หนูไปส่งน้ำกับพี่อีกเหรอ” เขาก็พูดว่า “ถ้ากูไม่ทำ 2 แอป แล้วกูจะเอาอะไรแดก” เราก็เลยยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าเราผิดอะไร ทำไมต้องมาเจอแบบนี้ ก็ยื้อกัน เราพยายามเดินนี้ เขาก็เดินเข้ามากั้น ใช้เวลาตรงนั้นเกือบ 20 นาทีเลยค่ะ ที่เขาไม่ให้เราไปไหน แล้วมันมีจังหวะนึงที่เขาเหมือนโมโหมาก ง้างมือจะตบเรา แต่เราเบี่ยงตัวหนีทัน
มันโชคดีตรงที่คนสั่งน้ำเต้าหู้คงเห็นว่ามันนานมากแล้ว เขาเลยโทร.มาตาม คนขับก็เลยรีบขึ้นรถแล้วขับออกไป แต่เขาก็หันมาบอกเราว่า “มึงรอตรงนี้เลยนะ” แต่ใครจะไปรอ พอเขาขับออกไปปุ๊บ เราก็รีบโทร.หาพี่ที่สนิท เขาก็แนะนำให้โบกแท็กซี่กลับก่อน เราแพนิกมาก เรากลัวมาก ร้องไห้ไม่หยุด ปรึกษาพี่ ตอนแรกตัดสินใจจะแจ้งความวันนั้น แต่พี่เขาก็แนะนำว่าเป็นวันถัดไปดีมั้ย เพราะอารมณ์ตอนนี้ก็ไม่โอเค ถ้าไปโรงพักต้องเผชิญหน้ากับคนขับอีกรอบ วันนี้เอาเท่านี้ก่อน”
ทวงถามความปลอดภัย เหตุไม่คัดกรองคนขับ?!
แม้จะหาช่องทางที่ติดต่อกับผู้ให้บริการได้แล้ว แต่โชคชะตาก็ไม่เข้าข้างสาววัย 25 ปีคนนี้อีกครั้ง เพราะหลังจากเกิดเหตุ เธอได้แจ้งสิ่งที่เกิดขึ้นไปโดยเร่งด่วน แต่กว่าที่ทางแอปจะตอบกลับมา ก็กินเวลาไปเป็นวัน
“เขาติดต่อกลับมาอีกวันนึงเลยค่ะ ปล่อยให้เรารอนานมาก เราต้องหาเพจของคนขับที่ไม่ใช่เพจ Official พยายามหาที่อยู่ติดต่อก็ไม่มีบริษัทในไทย เบอร์ก็ไม่มี ไม่รู้จะทำยังไง ทางเดียวที่จะติดต่อได้คือช่องแชตรีพอร์ตค่ะ กว่าเราจะตัดสินใจไปแจ้งความ เราโทร.ไปฝั่งของอีกแอปด้วยว่าคนขับมีพฤติกรรมแบบนี้นะ มีโทร.ไป 191 เขาก็แนะนำว่าให้ไปแจ้งความไว้ดีกว่า ประมาณ 2 วันต่อมา เราไปแจ้งความ
แต่พอไปแจ้งความ หลังจากเขียนบันทึกประจำวันแล้ว เขาให้เข้าไปคุยกับร้อยเวร เขาพูดกับเราว่า “น้องก็ดูมีอนาคตนะ ทำไมน้องถึงเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงกับเรื่องนี้ น้องอยากขึ้นโรงขึ้นศาลเหรอ น้องไม่อยากมีอนาคตเหรอ ถ้าน้องอยากไม่มีอนาคต น้องจะทำก็ได้นะ” อันนี้พูดตามที่เขาพูดกับเราเลยนะคะ
เราก็เลย อ้าว...ทำไมถึงพูดอย่างนี้ เรางงมาก เราไม่เข้าใจ เราคิดว่าเจตนาของเขามันคือแค่ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้ ทีนี้เลยหันไปตกลงกับพี่ว่า เราจะเอายังไง เรากลัวการเผชิญหน้ากับคนขับมาก เพราะคนขับมีชื่อเรา มีเบอร์โทร.เขา มีที่อยู่เรา เรากลัวมาก หลังจากการมาเผชิญหน้าครั้งนี้แล้ว เขาจะตามมาดักทำร้ายรึเปล่า ก็เลยให้มันจบแค่เราไปลงบันทึกประจำวัน แล้วยื่นให้ต้นสังกัดทั้งสองไปจัดการ”
ส่วนความคืบหน้าของเหตุการณ์ เธอได้รับการตอบกลับจากต้นสังกัดทั้งสองของคนขับรายนี้ ว่าระงับการให้บริการแล้ว
“ทางแอปตอบกลับเรามาล่าสุด เขาบอกว่าระงับสัญญาณของคนขับคนนี้ถาวรแล้ว คุยกับอีกที่ เขาก็บอกประมาณนี้เหมือนกัน ระงับสัญญาณไม่ให้ขับต่อแล้ว เขาไม่ได้มาวอแวอะไรกับเรา แต่ว่าก็ยังมีความกลัวอยู่ ช่วงหลังจากเกิดเรื่อง เราใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าที่จะกล้าเรียกรถ ระหว่างนั้นก็ให้เพื่อนมารับ ให้พี่มารับค่ะ”
แม้เรื่องราวจะผ่านมากว่า 1 เดือนแล้ว แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ร้ายที่ยังตามหลอกหลอนเธอมาจนถึงตอนนี้ กระทั่งมาเจอเหตุการณ์ที่คนขับรถในแอปพลิเคชันนี้ ก่อเหตุข่มขืนผู้โดยสาร ที่ถูกส่งต่อกันในโลกทวิตเตอร์ มอร์ฟีนจึงตัดสินใจโพสต์เล่าเรื่องราวของตนเอง เพื่อหวังให้เป็นอุทาหรณ์แก่สังคมอีกทาง
“จริงๆ ไม่ได้ตัดสินใจเล่า เพราะว่าเรายังแพนิกกับเรื่องนี้อยู่ ทีนี้มาเจอประเด็นในทวิตเตอร์พอดี ที่ว่าคนโดนข่มขืนเพราะคนขับแอปนี้ ก็เลยตัดสินใจลงดีกว่า เพราะจากในทวิตเตอร์ก็มีหลายๆ คน เข้ามาพูดคุยว่าเคยโดนเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไง ติดต่อไม่ได้ เลยตัดสินใจลงโพสต์เฟซบุ๊กดีกว่า
เราก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่า แอปมันไม่คัดกรองคน เหมือนมีบัตรประชาชนก็ขับได้แล้ว มันไม่คัดกรองประวัติอาชญากรรม ไม่คัดกรองอะไรเลย เลยออกมาเตือนดีกว่า เราอยากให้เลือกไปใช้บริการที่มีการยืนยันตัวตน มีข้อมูลคนขับ มีการตรวจประวัติ ยอมจ่ายแพงกว่าดีกว่าเราเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงกับเงินไม่กี่บาท
ยิ่งเห็นหลายๆ คน ที่เข้ามาคุยกับเรา ส่วนมากเป็นผู้หญิงที่ต้องเดินทางคนเดียว เดินทางตอนกลางคืน เราว่ามันเป็นเรื่องที่จำเป็นมากๆ ที่จะต้องรู้ข้อมูลของคนขับ มีที่อยู่ชัดเจน Call Center ก็สำคัญเหมือนกัน ถ้าไม่มีแล้ว เราจะจัดการยังไงต่อ อย่ามองแค่ว่าถูก ให้เลือกความปลอดภัยของตัวเองมากกว่า มันไม่คุ้มเสี่ยงจริงๆ ค่ะ”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **