พบผู้โดยสารแอปพลิเคชันน้องใหม่ตกเป็นเหยื่อ ถูกคนขับข่มขืนกระทำชำเราที่ม่านรูด แจ้งความผ่านไป 1 เดือน เรื่องยังเงียบ อีกรายเรียกมอเตอร์ไซค์เจอรับงานซ้อนแอป ส่งอาหารดัง เมื่อจะขอลงกลางทาง กลับถูกขู่บังคับให้ยกเลิกงาน เถียงกันอยู่นาน สุดท้ายอาศัยช่วงลูกค้าอาหารทักมาหนีไป พบไม่มีปุ่มยกเลิกงาน ไม่มีคอลเซ็นเตอร์ แต่ค่าโดยสารถูก
วันนี้ (22 มี.ค.) มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า เพื่อนของตนถูกคนขับรถแอปพลิเคชันน้องใหม่รายหนึ่งข่มขืนกระทำชำเรา ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา แล้วไปแจ้งความ จนถึงวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เรื่องคือเงียบไปเลย เหตุการณ์ระบุว่า ผู้เสียหายได้กดแอปพลิเคชันเรียกรถดังกล่าว จากบ้านเพื่อนที่อยู่เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ให้ไปส่งที่พักย่านหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ได้กดรอบแรกปรากฏว่า รถอยู่ไกล พอกดรอบที่สองก็ได้รถอยู่ไกลเช่นกัน จึงตัดสินใจกดอีกครั้ง เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. พอกดเรียกรถแล้วได้รถของชายรายหนึ่ง
เมื่อได้เรียกรถคันนั้นมาถึงแล้ว จึงได้ออกจากบ้านเพื่อนเมื่อเวลา 03.00 น. ระหว่างขึ้นรถยังโทรศัพท์คุยกัน สักพักเพื่อนก็ตัดสายโทรศัพท์ไป เล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์บนรถคือ อยู่ๆ ก็รู้สึกง่วง ซึ่งเหมือนในรถได้ใส่อะไรไว้ ก่อนจะหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีพบว่าร่างกายรู้สึกเมื่อย ขยับร่างกายไม่ไหว ภาพที่เห็นลางๆ คือ โรงแรมม่านรูด เพื่อนตนขัดขืนแต่ร่างกายไม่ไหวจริงๆ กระทั่งเวลา 06.00 น. ได้โทรศัพท์หาเพื่อนอีกรอบ ถามว่าถ้าผ่านการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางอนามัย จะมีน้ำอสุจิของผู้ชายอยู่ข้างในใช่ไหม เมื่อเพื่อนตอบว่าใช่ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น รอบแรกไม่กล้าพูด แต่พอถามซ้ำๆ เลยกล้าที่จะพูดและเล่าให้ฟัง
เพื่อนจึงแนะว่าให้ไปหาหมอ ก็ไปพบแพทย์ในตอนนั้น แพทย์ได้ตรวจร่างกาย เละนำยาหลายอย่างให้ทานค่ะ ซึ่งแพทย์บอกว่ามีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางอนามัยจริง หลังจากที่เพื่อนได้ตรวจร่างกายเสร็จ เพื่อนก็รีบไปแจ้งตำรวจที่ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี รอบแรกตำรวจก็ดำเนินการดี ช่วยทุกอย่าง แต่คนกระทำก็ปฏิเสธตลอดว่าไม่ได้ทำ ทั้งที่มีพยานที่รู้เห็นกับตน คือ เพื่อนผู้ชายที่สนิทกันอีกคน รับรู้และช่วยไปสถานีตำรวจด้วยกัน แต่พอหลังๆ ตำรวจเริ่มไม่สนใจคดี ทั้งๆ ที่เพื่อนก็นำเรื่องขึ้นศาลแล้ว เมื่อทักไปที่คนขับรถคู่กรณีก็ไม่ยอมรับ แม้จะรู้และมีหลักฐานทุกอย่าง กระทั่งเรื่องได้เงียบหายไป
ด้านผู้ให้บริการได้ส่งจดหมายชี้แจงว่า “ทางเราได้รับข่าวเกี่ยวกับการกล่าวหาเรื่องข่มขืนผู้โดยสาร ทางบริษัทฯ ซีเรียสมากกับเรื่องแบบนี้ และไม่ทนต่อพฤติกรรมแบบนี้จากคนขับของตน ทางเราได้ทำเรื่องแจ้งไปยังทีมงานที่ดูแลเรื่องสำคัญด่วนเพื่อทำการตรวจสอบและเรากำลังติดต่อสื่อสารกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เราจะให้ความร่วมมือเต็มที่กับตำรวจในเรื่องการสืบสวนคดีเหตุการณ์นี้ เรายังไม่สามารถบอกอะไรต่อเพิ่มเติมได้ ณ ขณะนี้ เพราะเหตุการณ์กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน"
อ่านเธรดต้นฉบับ คลิกที่นี่
อีกเหตุการณ์หนึ่ง มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้แชร์ประสบการณ์เรียกรถผ่านแอปพลิเคชันน้องใหม่นี้เช่นกัน ระบุว่า ได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันดังกล่าวจากซอยนานา ถนนสุขุมวิท ไปส่งที่หอพักในซอยลาดพร้าว 15 ถนนลาดพร้าว ตอนขึ้นรถไป คนขับก็บอกว่า “เดี๋ยวขอแวะเอาของแป๊บนึงนะครับ” ตอนนั้นเพิ่งเลิกงานเหนื่อยๆ เข้าใจว่าแวะมาเอาของเฉยๆ จึงตอบว่า “ได้ค่ะ” ปรากฏว่า พอไปถึงคือร้านน้ำเต้าหู้ตรงสามย่าน เมื่อรู้สึกเอะใจจึงมองไปที่โทรศัพท์ ปรากฏว่าคนขับขี่รถจักรยานยนต์รับงานแกร็บฟู้ดซ้อนกับแอปพลิเคชันดังกล่าว จึงถามว่า “นี่หนูต้องไปส่งน้ำเต้าหู้กับพี่ด้วยหรอ” คนขับตอบว่า “ใช่ครับ มันคือทางเดียวกัน ขอแวะส่งแป๊บนึง” จึงนั่งซ้อนท้ายไปด้วยกัน
ปรากฏว่า คนขับรถจักรยานยนต์ดังกล่าว ขับไปยังซอยพระรามหก 21 แล้วเข้าไปในซอย แล้วทางก็ไม่ใช่ทางกลับหอ ก็เริ่มไม่โอเค ทำไมต้องมาส่งน้ำเต้าหู้ แล้วพอไปถึงหมุด ลูกค้าน้ำเต้าหู้ปักหมุดผิด คนขับก็ไปเดินหาซึ่งนานมากแล้วที่ต้องมารอ ตอนนั้นเหนื่อยมาก อยากกลับห้องไวๆ จึงบอกว่า “พี่จอดตรงนี้เลย หนูไม่ไปแล้ว” แล้วก็ลงจากรถ กำลังจะควักโทรศัพท์มาเพื่อโอนเงินให้ พอคนขับเห็นลงจากรถก็หันมาตะคอกว่า “กูบอกให้มึงยกเลิก มึงยกเลิกเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้ามึงไม่ยกเลิกกูเอามึงตายแน่” พร้อมกับเดินเข้ามาผลัก แล้วก็ตะคอกซ้ำๆ ว่า “กูให้ยกเลิกๆ มึงอย่ามาเก่งกับกูนะ” แล้วก็ผลักจนล้ม ก็เลยบอกไปว่า “แล้วที่พี่รับงานซ้อนกัน แล้วเอาหนูไปส่งน้ำเต้าหู้กับพี่มันถูกหรอ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ทางกลับบ้านหนู” คนขับจึงกล่าวว่า “ให้กูทำแอปเดียว กูจะเอาอะไรแ...ก”
ด้วยความกลัวจึงเข้าไปที่แอปพลิเคชันเพื่อยกเลิกงาน แต่กลับไม่มีปุ่มให้ยกเลิก และไม่มีโทรศัพท์หาคอลเซ็นเตอร์ จึงยกโทรศัพท์ให้คนขับดูว่า “มันไม่มีให้ยกเลิก แล้วจะให้ทำยังไง” คนขับกล่าวว่า “ถ้าไม่ยกเลิก มึงก็ขึ้นมา กูจะไปส่งมึง” โดยยืนเถียงกันนานมาก มีจังหวะหนึ่งคนขับง้างมือจะขึ้นมาตบแต่เบี่ยงตัวออกทัน ผ่านไป 20 นาที ลูกค้าน้ำเต้าหู้โทรหาคนขับ จึงหันมาบอกว่า “มึงรอกูอยู่ตรงนี้” เจ้าตัวตัดสินใจหลบหนีออกมาโบกแท็กซี่ให้ไปส่งที่ห้องพัก หลังจากนั้น พยายามหาช่องทางติดต่อแอปพลิเคชันดังกล่าว แต่ไม่มีเบอร์คอลเซ็นเตอร์ รีพอร์ตแอปพลิเคชันไปทันทีที่เกิดเรื่อง แต่ไม่มีข้อความตอบกลับมา จนเริ่มบอกแม่ บอกพี่สาว หาทางติดต่อทุกช่องทาง ข้ามวันแอป ก็ยังไม่ติดต่อกลับ จนมาได้รับการติดต่อกลับก็เย็นของอีกวัน แต่คุยกันเหมือนเป็นเพื่อนเล่น ต้องไปแจ้งความเพื่อให้มีใบแจ้งความไปยื่นกับแอปฯ ว่าเราไม่ปล่อยไว้จริงๆ
นอกจากนี้ยังพบว่า แม้ค่าโดยสารจะถูกแต่ความปลอดภัยไม่มีเลย เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าไม่มีคัดกรองคนขับ มีแค่บัตรประชาชนใบเดียวก็เป็นคนขับได้เลย แล้วพอไม่มีการคัดกรองคนขับ คนขับที่มาขับก็มาจากการที่แอปพลิเคชันค่ายใหญ่ปฏิเสธประวัติ พอไม่มีการคัดกรอง กลายเป็นว่าใครก็ได้มาขับ มีประวัติไม่ดีอะไรมา ก็ไม่มีการคัด เมื่อเทียบกับค่ายใหญ่ที่ยังมีการติดต่อได้ที่รวดเร็ว มีประวัติคนขับละเอียด แต่ที่ไม่เอาเรื่องคนขับให้ถึงที่สุด เพราะกลัวความปลอดภัยของตัวเอง เพราะคนขับมีชื่อ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ แล้วที่ไม่แจ้งความเอาเรื่อง เพราะเรากลัวการเผชิญหน้ากับคนขับอีกครั้ง จากที่ตอนนั้นอาจจะจำเราไม่ได้ ถ้าได้เจอกันที่โรงพักอาจจะแค้น แล้วตามมาดักทำร้ายเราได้ จิตตกกับเหตุการณ์นี้มาก จึงอยากให้ช่วยแชร์เรื่องราว ไว้เป็นอุทาหรณ์ในการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันนี้
อ่านโพสต์ต้นฉบับ