รอบคอบแล้วยังพลาด! อุทาหรณ์ ลูกสาว 9 เดือน เข้า ICU แถมต้องอยู่ในโรงพยาบาลอีก 9 วัน เหตุเพราะไวรัส RSV ทำพิษ ระบาดหนักยิ่งว่าโควิด ติดต่อง่าย ไม่มียารักษา ไม่มีวัคซีนป้องกัน เป็นแล้วเป็นซ้ำได้อีก โดยเฉพาะเด็กเล็ก เผย หากไม่ทำประกันไว้ ค่ารักษามีเหยียบแสน!
อุทาหรณ์คนเป็นแม่... ลูกน้อยติด RSV จนเข้า ICU
“ลูกป่วยก็คือไม่สบายใจอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พีคที่สุดคือวันที่ย้ายมา ICU คำว่าเข้า ICU เราก็ตกใจแล้ว พอมาเห็นสายระโยงระยาง ติดเครื่องมือดูค่าออกซิเจน พะรุงพะรังมาก น่ากลัวมาก แม่ก็น้ำตาแตกเลยคืนนั้นที่แอดมิต แล้วน้องเล็กเขาไม่ให้เฝ้า ตื่นมาก็ร้องหนักมาก สงสารลูก ลูกร้องเราก็ร้องด้วย ใจจะขาด ไม่รู้จะอธิบายยังไง ณ วันนั้น คือ RSV ก็รู้จากข่าว จากเวลาไปหาหมอ รู้ว่ามันน่ากลัวแต่ไม่เคยศึกษาว่ามันน่ากลัวมากขนาดนี้ มันน่ากลัวจริงๆ”
“เจี๊ยบ - ศิราณี ญาติ”คุณแม่วัย 36 ปี เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังจากที่ “น้องเจ้าขา”ลูกสาววัยเพียง 9 เดือน ต้องรักษาตัวจากเชื้อไวรัส RSV (อาร์เอสวี) ซึ่งในโลกออนไลน์ ก็มีหลายเพจดังที่ให้ความรู้ด้านการแพทย์ พากันออกมาย้ำเตือนผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานให้ดี เพราะขณะนี้ไวรัสดังกล่าวกำลังระบาดหนักยิ่งกว่าโควิด-19 โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก จนผู้ป่วยเด็กแน่นทุกโรงพยาบาล ซึ่งเป็นโรคที่ไม่มีวัคซีนป้องกัน ไม่มียารักษา และเมื่อเป็นแล้วยังสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
โดยเธอเล่าถึงประสบการณ์การรักษาตัวของลูกสาว ที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลนานถึง 9 วันเลยทีเดียว!
[ น้องเจ้าขาก่อนป่วย ]
“RSV มันเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจโรคหนึ่ง อาการเหมือนหวัด เริ่มแรก น้ำมูกไหล ไอ แต่เด็กแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะแค่น้ำมูก บางคนไข้สูงพีคเลย แต่ของน้องเจ้าขาคือ น้องเป็นหวัดมีน้ำมูกใสๆ ไหล อยู่ประมาณอาทิตย์นึง ตอนแรกเข้าใจว่าติดจากพี่คนโตเขา ประมาณ 3 ขวบ เขาไปโรงเรียน แต่พี่เขาก็มีน้ำมูกเหมือนกัน ไม่ได้แสดงอาการอย่างอื่น
จนประมาณ 2 วันก่อนจะไปหาหมอ เขาไอเยอะมาก ตกกลางคืนเสียงหายใจแปลกๆ ก็รู้แล้วล่ะว่ามันเริ่มผิดปกติวันรุ่งขึ้นเลยพอไปหาหมอโรงพยาบาลเอกชน แต่น้องยังไม่มีอาการอะไรอย่างอื่นนอกจากไอกับมีน้ำมูก ไปหาหมอหมอก็ฟังปอด ทุกอย่างโอเค แต่หมอบอกบอกว่าตอนนี้มีโรคที่น้องเล็กต้องระวังคือไข้หวัดใหญ่กับ RSV แม่ก็บอกตรวจไปเลยค่ะ ก็เผื่อใจไว้ว่าอาจจะแค่หวัดใหญ่ พอแลปออกมาน้องเป็น RSV ตัดสินใจแอดมิตเลย เพราะกลัวว่ากลับไปแล้วจะไปติดพี่
พอแอดมิตปุ๊บคืนนั้นไข้พีคเลย ไข้สูง 38 ปลายๆ ถึง 39อาการของ RSV ช่วงพีคคือ เป็นไข้ ระบบการหายใจจะล้มเหลว ปริมาณออกซิเจนในเลือดจะต่ำกว่าปกติ ปกติต้องไม่ต่ำกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ของน้องคืนแรกยังไม่มีปัญหาเรื่องปริมาณออกซิเจน แต่เสมหะเริ่มเยอะต้องเคาะปอด ดูดเสมหะ แล้วก็พ่นยาทุก 4 ชั่วโมง เคาะปอดวันละ 2-3 ครั้ง ยังถูๆ ไถๆ ไปได้เรื่อยๆ ไข้ก็กินยา เช็ดตัวก็ลด แต่ไข้น้องจะไม่ถี่มาก กินยาก็ลด แต่ซักพักนึงก็จะเป็นอีก”
[ น้องเจ้าขาขณะรักษาตัวจากไวรัส RSV ]
แม้จะโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่งเพราะถึงมือหมอแล้ว แต่ทว่าอาการของลูกสาวกลับยังไม่ดีขึ้น ซ้ำร้ายทรุดหนักจนต้องย้ายโรงพยาบาล เพื่อทำการรักษาต่อในห้อง ICU อย่างใกล้ชิด
“จนแอดมิตคืนที่ 2 น้องเริ่มหายใจแรงและเร็ว ตรงหน้าอกบุ๋ม เป็นอาการข้างในปอดน่าจะต้องมีปัญหา หมอก็เอาไปเอกซ์เรย์ ปรากฏว่าหลอดลมฝอยมันอักเสบ เริ่มบวม ยิ่งดึกปริมาณออกซิเจนในเลือดยิ่งต่ำลงจนไม่ถึง 90 เป็นสาเหตุที่ต้องย้ายโรงพยาบาลมาที่ ICU เด็กของโรงพยาบาลรัฐบาลที่มีเครื่องมือตัวออกซิเจนแรงดันสูง เพราะที่โรงพยาบาลเอกชนยังไม่มี เลยต้องย้ายด่วนตอนตี 3 มาใส่เครื่องนี้ เพื่อช่วยให้ออกซิเจนมันดันลงไปถึงปอด ออกซิเจนมันต่ำนานๆ มันจะไม่ดี
อยู่ในห้อง ICU ประมาณ 2 วัน 2 คืน น้องเริ่มดีขึ้นเลยเปลี่ยนมาเป็นออกซิเจนธรรมดา แล้วก็ย้ายมาห้องข้างนอกได้ ให้ออกซิเจนธรรมดาต่ออีก 2 วัน ดูว่าน้องหายใจเริ่มดีขึ้น โรคนี้มันไม่มียา รักษาตามอาการ ถ้ามีเสมหะก็ต้องเคลียร์ออก เพื่อไม่ให้ไปอุดตันข้างใน ค่อยๆ ดีขึ้น ไข้เริ่มไม่มี เสมหะน้อยลง ความถี่ของรอบพ่นยาลดลงเรื่อยๆ ดีขึ้น ประมาณ 9 วันก็กลับบ้านได้ค่ะ
ที่นี่เขาจะเป็นทีมหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านโรคทางเดินหายใจเด็ก ในเด็กเล็กแอดมิตเป็นเดือนก็มีค่ะ ขั้นต่ำ 7 วันสำหรับเด็กเล็กต่ำว่า 1 ขวบ จะค่อนข้างแรงเพราะน้องเขายังเอาเสมหะออกเองไม่ได้ มันก็จะลงไปอุดตันข้างใน อากาศเข้าไปแต่แลกเปลี่ยนออกมาไม่ได้ มันอันตรายตรงนี้ ในบางคนก็อาจจะรุนแรงถึงขั้นใส่ท่อหายใจเลยก็มี”
และเมื่อถามถึงสาเหตุการป่วยของสาวน้อย คุณแม่คาดการณ์ว่า อาจติดจากพี่วัย 3 ขวบที่เข้าโรงเรียนแล้ว
“ไม่ค่อยได้พาออกไปไหน หรืออาจจะมีบ้างไปเดินตลาดแถวบ้าน อาจจะติดจากพี่ แต่พี่ไม่ได้แสดงอาการเยอะ เพราะเขา 3 ขวบกว่า ถ้าเอาเสมหะออก สั่งน้ำมูกได้ แล้วร่างกายไม่ได้อ่อนแอมาก อาจจะผ่านไปได้ แต่ที่คุณหมอเล่าให้ฟังคือ บางที RSV ติดจากผู้ใหญ่ได้ แต่ผู้ใหญ่จะไม่แสดงอาการเยอะเท่าเด็ก มันก็เลยไม่ค่อยรู้ แค่สัมผัสก็ติดแล้ว เอามือแตะกัน น้ำมูกน้ำลาย”
แนะ ทำประกันไว้ ดีกว่าแก้
แม่เจี๊ยบกล่าวต่อไปว่า นี่เป็นครั้งแรกที่แก้วตาดวงใจต้องป่วยหนักขนาดนี้ และไม่ใช่แค่ครอบครัวนี้ เพราะในตอนนี้ตามโรงพยาบาลต่างๆ ก็เต็มไปด้วยคนไข้เด็กที่ป่วยด้วยไวรัส RSV
“ตั้งแต่คลอดมา ไม่เคยเป็นไข้ด้วย 9 เดือน น้องมีเป็นหวัด น้ำมูกไหลบ้าง ไม่นานก็หาย ไม่เคยมีไข้ มีครั้งนี้เป็นหนัก เข้าโรงพยาบาล เข้า ICU เลยค่ะ ในเด็กเล็กต่ำกว่า 1 ขวบจะค่อนข้างรุนแรงนิดนึง แล้วน้องทานนมแม่น้อยด้วย ประมาณเดือนนึง ภูมิเขาก็อาจจะไม่ได้เยอะมาก ไม่รู้ว่าเกี่ยวรึเปล่า
ช่วงนี้มาเรื่อยๆ เยอะมาก บางคนถ้าเด็กโตหน่อย ห้องข้างๆ 3-4 ขวบ เขาจะอยู่แค่ 4 วัน เคลียร์เสมหะออกไม่ได้ลงปอดเยอะก็กลับบ้านได้ แต่ถ้าเด็กเล็กมากๆ มีน้อง 2 เดือนที่มาแอดมิตก็ยังอยู่ ยิ่งเล็กมากยิ่งอันตราย ต้องอยู่กับหมอ มันเป็นโรคที่แผนการรักษาวันต่อวัน ตรวจเจออันนี้ก็แก้ตรงนี้ มันไม่มียารักษาโดยตรง ไม่มียาฆ่าไวรัสตัว RSV โดยตรง เป็นแล้วเป็นซ้ำได้ ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ทางการแพทย์มีหลายสายพันธุ์แยกไปอีก ก็เลยเป็นได้อีกเรื่อยๆ
ตอนนี้ที่คุณหมอให้กลับบ้านเพราะเสียงปอดเคลียร์ขึ้น ไม่มีเสียงวี้ดๆ เสมหะไม่มีแล้ว อาจจะมีไอบ้างห่างๆ แต่ไม่ได้อันตราย ไม่มีไข้มา 3 วันแล้ว ก็เลยกลับบ้านได้ แต่ให้ยาฆ่าเชื้อกลับไปทานต่อให้ครบ 7 วัน ถ้าอาการมันกลับมาใหม่ก็มาหาหมอ 1 เดือนนัดเอ็กซเรย์ปอดดู เพราะว่า RSV มันคล้ายๆ โควิด พอเป็นแล้วปอดมันจะมีปัญหา น้องจะป่วยง่าย ต้องดูแลดีๆ เลย เป็นหวัดง่ายขึ้น จนกว่าภูมิเขาจะแข็งแรง 5-6 ขวบขึ้นไป ถึงจะดีขึ้น”
พร้อมกันนี้ คุณแม่ของน้องเจ้าขา ได้ฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ แก่ผู้ปกครองที่มีลูกในวัยไล่เลี่ยกัน ให้ระวังถึงโรคที่จะเกิดกับเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ มือเท้าปาก หรือ RSV โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ และฝากอีกเรื่องสำคัญ หากครอบครัวไหนมีกำลังมากพอก็ควรทำประกันสุขภาพแก่บุตรหลานไว้เสียแต่เนิ่นๆ
“โชคดีที่ทำประกันไว้ ที่โรงพยาบาลเอกชน ยอดเคลียร์ประกันอยู่ที่ 39,000 แล้วมาต่อที่โรงพยาบาลรัฐบาล ถ้าไม่มีประกัน เข้ามาอยู่ห้องพิเศษมันจะเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้เอง น่าจะเบากว่าเอกชนหน่อย แต่ก็หลายอยู่ ถ้าอยู่เอกชนเกิน 9-10 วัน
น่าจะถึงแสนนะคะ เพราะน้องเข้า ICU ด้วย ค่าเคาะปอด ค่ารมยา ห้องง ICU ค่อนข้างแพง
ถ้ามีกำลัง ลูกครบเดือนแนะนำให้ทำประกันเลยค่ะ เพราะเด็กป่วยทีค่าใช้จ่ายบานมาก ถ้าน้องเป็น RSV แล้วไปทำประกัน ไม่มีที่ไหนรับแล้วตอนนี้ เขาจะเช็กเยอะมากเพราะว่า RSV พอเป็นแล้วมันจะป่วยง่าย อาจจะแอดมิตบ่อย ประกันหลายๆ ที่เขาจะไม่รับ หรือรับแล้วเบี้ยจะแพงมาก ถ้ามีกำลัง ทำอะไรก็ได้ทำไปเลย ช่วยได้เยอะค่ะ
ช่วงนี้ถ้าน้องมีอาการผิดปกติ เริ่มเป็นหวัด มีน้ำมูกไหล ให้ไปหาหมอเลยดีกว่า ตรวจให้ละเอียดถ้าสงสัย เกิดโชคร้ายเป็น RSV ขึ้นมา ถ้ารู้เร็วจะรักษาได้เร็วขึ้น ขนาดคิดว่าแม่รอบคอบ ตรวจเร็วแล้วยังเป็นเยอะขนาดนี้ ส่วนน้องๆ ที่โตหน่อย ไปโรงเรียนแล้ว ถ้าเป็นหวัดก็ให้หยุดอยู่บ้านจนกว่าจะหายจริงๆ ถ้าไปโรงเรียนแล้วติดกันในห้อง มันติดง่ายค่ะ วิธีการติดมันเหมือนกันกับโควิดเลย ต้องล้างมือบ่อยๆ ตัวเราเองเราจะป้องกันคือจะหยิบจับอะไรต้องล้างมือ เจลแอลกอฮอล์ต้องใช้ แมสก์ก็ต้องใส่ตลอดค่ะ”
ดูโพสต์นี้บน Instagram
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **