ดรามา! พระนักเทศน์ชื่อดังเผย “ฆ่าคนในเกม ก็มีเศษส่วนของบาปอยู่” ทำโลกโซเชียลฯ ร้อนระอุ ด้านพระมหาไพรวัลย์ขอมองอีกมุม ไม่อยากให้เอาศาสนาไปตัดสิน
ถกสนั่น “ฆ่าในเกม” เป็นบาป?!
กลายเป็นดรามาร้อนๆ สะเทือนวงการเกมอยู่ในขณะนี้ หลังจากที่ “พระอาจารย์ศักดา สุนฺทโร” พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งวัดไร่ป่าธรรมภิมุก จ.ตราด เจ้าของแฟนเพจ “พระศักดา สุนฺทโร” ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 2.7 ล้านคน มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ “เจาะใจ” โดยมี “ดู๋ – สัญญา คุณากร” เป็นพิธีกร
สำหรับประเด็นที่มีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง คือช่วงนาทีที่ 24:50 ของรายการ ในคำถามที่ว่า “มีเรื่องไหนที่น่าเป็นห่วงสำหรับเด็กที่จะโตขึ้นมาเป็นอนาคตของชาติ” พระอาจารย์ศักดา ให้คำตอบว่า กลัวเรื่องอารมณ์ของเด็ก เรื่องของความโหดร้ายรุนแรง และเรื่องของกามราคะในใจ เพราะปัจจุบันมีสื่อสิ่งล่อแหลมเรื่องทางเพศง่ายในยุคปัจจุบัน
ตลอดจนเรื่องอารมณ์ของพ่อแม่ ที่เปรียบได้กับครูคนแรกและครูที่อยู่ใกล้เด็กที่สุด และมีการยกตัวอย่าง ถึงเด็กที่เล่นเกม ที่ผู้ปกครองบอกว่า เป็นการซ้อมฆ่าคนอยู่
[ พระอาจารย์ศักดา สุนฺทโร ]
และเมื่อผู้ดำเนินรายการถามต่อว่า “เราเห็นความรุนแรงที่ถูกพิสูจน์แล้วว่า เกิดจากบางคนอยู่กับโลกสมมติที่เป็นความรุนแรง เช่น เกม คุณจะเป็นคนเก่งได้ต้องฆ่าผู้อื่น ถ้าผมจะถามพระ การมีจิตคิดสังหาร บาปแล้วรึยัง หรือฆ่าก่อนจึงจะบาป” ทางด้านของพระนักเทศน์ก็ให้คำตอบว่า “ฆ่าคนในเกม ก็มีเศษส่วนของบาปอยู่”
“คนมักจะถามว่าฆ่าคนในเกมบาปมั้ย อาตมากล้าตอบวันนี้เลยว่า ด้วยการยืนยันด้วยคำของพระพุทธเจ้า “จิตเต สังกิลิฎเฐ ทุกคติ ปาฏิกังขา” เมื่อจิตเศร้าหมอง ก็ไปสู่ทุกขติ “เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ” เจตนานั้นแหละเป็นกรรม มันเป็นภาวะจิตที่กำลังเศร้าหมอง เป็นภาวะจิตที่ขุ่นมัว เป็นภาวะจิตที่โหดร้ายรุนแรง ก็เลยกล้าที่จะตอบได้เลยว่า ฆ่าคนในเกมนี่แหละ ก็มีเศษส่วนของบาปอยู่
และเมื่อทำบ่อยเข้า เห็นมั้ยว่าก้อนหินที่อยู่ที่พื้น มันมีสีดำ สีขาว มันเหมือนกับเราหว่านหินลงไป หว่านหินสีดำลงไปอารมณ์เสีย อารมณ์โกรธ อารมณ์รัก เมตตาปราณีหว่านหินสีขาวลงไป แล้ววันที่เราจะตายขึ้นมาคือวันที่เราหลับตา เราคว้าหินขึ้นมา อารมณ์สุดท้ายมันจะมีเศษส่วนของหินสีขาวซักกี่เม็ด ถ้าเราหว่านหินสีดำลงไปเยอะ"
อีกทั้งยังเล่าถึงเหตุการณ์ที่ญาติโยมมักนิมนต์ไปเทศน์ให้แก่ผู้ป่วยที่ใกล้สิ้นลม พระไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะเสกให้คนไปสวรรค์ คนคนนั้นต้องมีสารตั้งต้น ต้องมีพื้นฐานของบุญที่ทำไว้
"ถ้ายิงกันในเกมทุกวัน หว่านหินสีดำทุกวัน พระก็ไปช่วยในอารมณ์สุดท้ายยากมาก"พระอาจารย์ศักดา กล่าว
ทันทีที่เนื้อหาของรายการถูกเผยแพร่และส่งต่อกันไป ก็นำมาซึ่งความเห็นมากมายบนโลกโซเชียลฯ ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยกับคำตอบของพระอาจารย์ศักดา และผู้ที่มองในฝั่งตรงข้าม เพราะไม่เกิดการสูญเสียในโลกแห่งความเป็นจริง
[ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ]
แล้วในมุมมองของผู้ที่อยู่ในวงการศาสนาจะมองประเด็นที่ว่า “ฆ่าในเกม เป็นบาปหรือไม่?” อย่างไร เกี่ยวกับเรื่องนี้ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักคิดนักเขียน แห่งวัดสร้อยทอง กรุงเทพมหานคร ให้ความเห็นแก่ทีมข่าว MGR Live ว่า ตัวละครสมมติหรือสิ่งที่ถูกสร้างในเกมมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต จึงไม่ถือว่าเป็นบาป
“จริงๆ เวลาเราพูดเรื่องนี้ มันต้องแยกเป็นกรณีไป เวลาเราพูดเรื่องว่า การฆ่าในเกมมันเป็นบาปหรือมันเป็นส่วนเสี้ยวของบาปอยู่ มันเป็นบาปยังไงหรือว่ามันเป็นส่วนเสี้ยวของบาปยังไง คนส่วนหนึ่งเขาอาจสงสัยเรื่องนี้เวลาพระมาพูด ว่า การฆ่าในเกมมันเป็นปาณาติบาตได้เหรอ เพราะว่าเกมมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต
เราก็ต้องอธิบายให้มันชัดว่าถ้ามองว่ามันเป็นบาป เพราะเรื่องของปาณาติบาตมันก็ไม่เป็นหรอก ไม่ได้เข้าข่าย เพราะองค์ประกอบของปาณาติบาตหรือการฆ่าสัตว์ มันมีองค์ประกอบชัดเจน คือต้องเป็นสิ่งมีชีวิต แต่ตัวละครสมมติหรือสิ่งที่ถูกสร้างในเกมมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต มันก็เลยไม่ถือว่าเป็นบาป
แต่ถ้าบอกในกรณีว่า เกมเป็นอะไรอย่างหนึ่งที่สามารถทำให้คนแสดงออกทางพฤติกรรมในทางที่ไม่ดี ในทางศาสนามองได้มั้ย เล่นเกมเราสะสมวจีกรรม ใช้คำหยาบ ด่าทอกัน หรือสะสมความโกรธจากในเกม เล่นแพ้ๆๆๆ แล้วโกรธ แสดงพฤติกรรมออกมาข้างนอก มันก็หมายความว่า เกมมันเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งได้เหมือนกัน
อาตมาไม่อยากให้เอาศาสนาไปตัดสินกรณีพวกนี้เพราะมันไม่เป็นประโยชน์ การที่เราพยายามไปตัดสินว่าอะไรผิด อะไรบาปโดยไม่ดูรายละเอียด ต้องระวังอย่าไปเหมารวม ถ้าเราพูดว่าการเล่นเกมบาปปุ๊บ คนที่เขาไม่ได้มีพฤติการณ์ หรือมีความคิดที่มันเป็นเรื่องผิดบาป มันคือการผ่อนคลาย อาตมาอยากให้มองอย่างนี้มากกว่า”
โปรดมอง “เกม” ให้ครบทุกด้าน
“ยกตัวอย่างอาตมาเองก็ได้ สมัยเด็กๆ เราก็มีการเล่นเกมในลักษณะยิงกัน แบ่งข้าง พอยิงกันถูกแล้วต้องแกล้งตาย แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ถึงขนาดว่ามันเป็นการสั่งสมขนาดนั้น อาตมาว่าเกมมันเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากที่อาตมาว่ามันมีผลต่อการกลายเป็นพฤติกรรมหรืออุปนิสัย เราสั่งสมที่มันอยู่ในการใช้ชีวิตประจำวันมากกว่าเวลาที่เราอยู่ในเกมอีก”
อีกประเด็นที่ถูกพูดถึงกันต่อ คือเรื่องของการเล่นเกมที่มีความรุนแรง อย่างการ ปล้น ต่อสู้ หรือฆ่ากัน ก็มักจะมีบุคคลบางกลุ่มที่มองว่า เป็นสาเหตุของความรุนแรงได้ ซึ่งทาง พระมหาไพรวัลย์ กล่าวถึงงานวิจัยจำนวนมากกว่า 100 ฉบับ รวมถึงการศึกษาแบบ Meta-Analysis ซึ่งเป็นงานวิจัยในลักษณะรวบรวมงานวิจัยอื่นจำนวนมากมาประเมินความน่าเชื่อถือ ได้ระบุไว้ว่าเกมไม่มีความเกี่ยวข้องในการสร้างความรุนแรงในตัวผู้เล่น
“ถ้าจะมองให้ที่มันแยบยลไปกว่านั้น ในเรื่องที่มันเป็นการสะสมอารมณ์หรือทัศนคติ อาตมามองว่า ต้องแยกเป็นกรณีไป เพราะมีงานวิจัย ไม่ใช่คำพูดของอาตมาเอง เขารวบรวมเกี่ยวกับเด็กที่ติดเกม ส่วนใหญ่บอกว่า เกมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างความรุนแรงของตัวผู้เล่น แสดงว่าในความเป็นจริง คนเล่นเกมส่วนใหญ่มีการแยกแยะได้ว่าอันไหนคือโลกของความเป็นจริง อันไหนคือโลกของเกม ฉะนั้นถ้าเราไปเหมารวมว่าเกมมันจะเป็นการสะสมความรุนแรง ไม่ใช่
คนคนหนึ่งจะทำอะไรที่มันเป็นเรื่องบาปเรื่องไม่ดี มันไม่ใช่เพราะว่าเกมทำให้มันเป็นอย่างนั้น เรื่องอื่นเยอะแยะ สภาพแวดล้อม การเอาใส่ใจดูแล อาตมาว่าเราพูดถึงเรื่องนี้ต้องแยกแยะ อย่าไปพูดแบบเหมารวม ต้องให้ความเป็นธรรมกับคนที่เขาเล่นด้วย เพราะคนที่ไม่ได้มีพฤติกรรมในทางที่ผิดต่อคนอื่นก็มีเยอะแยะไป อาตมาว่าไปโทษเกมไม่ได้ เกมมันเป็นเรื่องปลายเหตุแล้ว”
ทั้งนี้ พระนักคิดนักเขียนคนดัง ได้ฝากถึงมุมมองของคนในสังคมที่มีต่อวงการเกมว่า ไม่ควรมองเพียงด้านเดียว เพราะมีผู้ที่ประสบความสำเร็จได้จากการเล่นเกมก็มีไม่น้อยเหมือนกัน
“อาตมามองว่าเวลาเราพูดถึงอะไร อย่าพยายามไปโทษอะไรที่มันเป็นเรื่องเรื่องเดียว เหมือนอย่างเรื่องบาปไม่บาป เรื่องทัศนคติแย่ไม่แย่ การมุ่งเป้าไปที่เรื่องใดเรื่องเดียว แสดงว่าเรากำลังละเลยองค์ประกอบอื่นๆ เราละเลยสภาพแวดล้อม เหมือนผู้ปกครองโทษเด็กติดเกม แต่ไม่ดูว่าจริงๆ แล้วเด็กคนหนึ่งกว่าจะไปอยู่ในโลกของเกม กว่าจะแสดงออกทางพฤติกรรม มันไม่ใช่แค่เกมอย่างเดียว มองอะไรพยายามมองให้มันครบๆ มองให้มันกว้าง
และที่สำคัญที่สุด แยกแยะ คนเล่นเกมอาตมาก็เห็นหลายคนมีวิจารณญาณในการแยกแยะว่าอะไรมันเป็นโลกแห่งความเป็นจริง อะไรเป็นโลกของเกม ถ้าใครสักคนจะทำอะไรที่ผิด มันไม่ควรโทษว่าเป็นเพราะเกม มันเป็นพฤติกรรมและทัศนคติของเขาต่างหาก ที่เขาแสดงออกกับคนอื่นในโลกของความเป็นจริง
เดี๋ยวนี้เห็นมั้ย เกมมันเป็นกีฬาอย่างหนึ่งนะ มันถูกยอมรับให้กลายเป็นกีฬาสำหรับการแข่งขัน เด็กวัยรุ่นบางคน เกมเมอร์สร้างเนื้อสร้างตัวได้ก็เพราะการแคสเกม เวลามองมองกว้างๆ มองมุมดีของเขาด้วย แล้วก็ส่งเสริมที่มันเป็นมุมดี ส่วนอะไรที่เป็นแง่ลบเรา อย่างผู้ปกครองก็ต้องดูแลลูกคุณ ไม่ใช่ปล่อยให้เขาอยู่กับเกมทั้งวันทั้งคืน มันไม่ใช่เพราะเกมแล้ว มันเป็นเพราะคุณแล้วที่ปล่อยปะละเลย ไม่ได้ให้ความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาในโลกของความเป็นจริง”
ดูโพสต์นี้บน Instagram
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
คลิป : อิสสริยา อาชวานันทกุล
ขอบคุณภาพ : รายการ “เจาะใจ” และแฟนเพจ “พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **