xs
xsm
sm
md
lg

เจาะกำไรระดับพันล้าน “ร.ร.สารสาสน์” เทียบคุณภาพชีวิตขาดทุนของ “เด็กถูกทำร้าย”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดค่าเทอมเครือ “สารสาสน์” รายได้มากที่สุดในประเทศ กำไรรวม 1,000 ล้านบาทพร้อมตอบคำถามค่าแป๊ะเจี๊ยะที่ถูกพูดถึง กับคุณภาพชีวิตเด็กที่ถูกทำร้าย

“สารสาสน์” โรงเรียนที่มีรายได้มากที่สุดในประเทศ

เปิดค่าเทอมสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จากดรามาครูทำร้ายเด็ก เรียกได้ว่าเป็นโรงเรียนเอกชนชั้นนำของประเทศ เมื่อย้อนกลับไปปี 2018 เพจ “SME From Zero to Hero” เคยออกมาโพสต์โรงเรียนที่มีรายได้มากที่สุด พบว่า “โรงเรียนในเครือสารสาสน์” เป็นโรงเรียนที่มีรายได้มากที่สุดในประเทศ ปี 2556-2559 กำไรสุทธิรวมกันกว่า 1,000 ล้านบาท

โดยโรงเรียนแห่งนี้มีเปิดการเรียนการสอนทั้งแผนกสามัญ แผนกสองภาษา แผนกสองภาษาอาเซียน และยังคงได้รับการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการอย่างครบถ้วน ปัจจุบัน โรงเรียนในเครือสารสาสน์มีประมาณ 45 แห่ง เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6

ซึ่งในขณะนี้ไม่มีผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนจัดเป็นโรงเรียนในเครือสารสาสน์ในเขตการปกครองที่ 3 ลำดับที่ 24 


หากย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของโรงเรียนแห่งนี้ว่ากันว่า โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของโรงเรียนสารสาสน์ คือ “พิบูลย์ ยงค์กมล” และ “เพ็ญศรี ยงค์กมล”

ล่าสุด พิบูลย์ ยงค์กมล ประธานอำนวยการโรงเรียนในเครือสารสาสน์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสารสาสน์ได้ส่งหนังสือถึงหัวหน้าภาค หัวหน้าเขต และผู้อำนวยการทุกคน พร้อมทั้งตำหนิผู้บริหารโรงเรียนที่ปล่อยให้เกิดเหตุครูทำร้ายเด็ก โดยระบุว่า

“โรงเรียนมีนโยบายไม่ให้ลงโทษนักเรียนโดยการตี หรือทำร้ายร่างกาย ให้ผู้บริหารอบรมครูให้ดูแลนักเรียนด้วยความรัก ด้วยการอภิบาล ห้ามตีนักเรียนโดยเด็ดขาด

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทราบกันมานานแล้ว แต่ก็ยังมีคนฝ่าฝืนอยู่เป็นประจำ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะผู้บริหารระดับหัวหน้า รวมทั้งผู้อำนวยการเองไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ ได้บอกไปหลายครั้งแล้ว ว่าให้ท่านอยู่ในห้องได้แค่วันละ 2 ชั่วโมง นอกนั้นให้ท่านเดินตรวจ แต่ท่านปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

แปลว่าท่านไม่เคยเดินตรวจ ติดกล้องไว้ก็ไม่ดู เพราะฉะนั้นให้หัวหน้าภาคไปตรวจสอบดู ผู้บริหารคนใดที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบาย ให้สั่งลงโทษดังนี้ 1.ให้ทัณฑ์บน 2.ให้พักงาน 3.ให้ออกจากงาน”

[พิบูลย์ ยงค์กมล ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสารสาสน์]
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าว MGR Live ได้ติดต่อไปยัง หนุ่ม-สันติ ขันธพิริยะอนันต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ปกครองที่มีลูกเรียนอยู่ที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ พร้อมทั้งยังเป็นแอดมินเพจ “สมาคมผู้ปกครอง Online โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์”

คุณพ่อท่านนี้เล่าว่า ที่ตัดสินใจเลือกโรงเรียนนี้ เพราะมั่นใจด้านชื่อเสียง และอยากซื้อคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ลูกสาว แต่เมื่อเข้ามาเรียนแล้วความไม่เชื่อใจกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พยายามร้องเรียนปัญหาที่พบกับทางโรงเรียน สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป

“ลูกสาวพี่เรียนอยู่ ป.5 ผลกกระทบโดยตรงกับลูกสาวไม่มี เข้าเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 เรียนที่นี่มา 7 ปีแล้ว สำหรับพี่เองมาวันแรกคือประทับใจนะ แล้วมาดูที่นี่ที่แรกก็เลือกที่นี่เลย ด้วยความมีชื่อเสียงในอดีต เราก็มั่นใจอย่างน้อยเราก็อยากให้ลูกเราได้รับเรื่องภาษา

มั่นใจด้วยชื่อเสียง และสภาพแวดล้อมที่เราดูแล้วว่ามันไม่อึดอัด สภาพแวดล้อมโอเค แล้วก็ใกล้บ้าน คือเรื่องใกล้บ้านมันเป็นตัวตั้ง คุณภาพการเรียนการสอนบอกตามตรงว่าไม่ได้เน้นเรื่องวิชาการเท่าไหร่ เพราะอยากให้ลูกมีความสุขกับการเรียนในมุมของพี่ ก็คืออยากให้ลูกได้ภาษา จะไปเร่งพัฒนาก็คือตอนมัธยม แล้วค่อยว่ากันไป

แต่ปัญหาที่เจอมา ก็คือเจอมาเรื่อยๆ สะสมมา ทักท้วงไปก็เงียบ คือเหมือนว่าเจอผู้บริหาร เจอทีก็แจ้งเรื่องราวที ทำไมไม่ทำ รับปากแล้วก็หายตลอด

มันเป็นระบบการบริหารการจัดการ การจัดการเรื่องเมนูอาหารกลางวัน การจัดประชุมผู้ปกครอง เวลานานเรื่องร้องเรียน ทำไมไม่มีใครลงมารับเรื่องดูแล ทำไมต้องรอ

ติดต่อครูประจำชั้น เวลามีเคสอะไร ทำไมครูประจำชั้นไม่จัดการให้ ครูประจำชั้นต้องรอผู้บริหารลงก่อน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรอยู่ในระดับนี้ ไม่ใช่ชั้นความลับอะไรขนาดนี้

คือร้องเรียนมาตลอด เรื่องประชุมผู้ปกครองร้องเรียนมาตลอดเลย ไม่เคยมีการประชุุมผู้ปกครอง ไม่เคยเห็นเลย สิ่งที่สร้างกลุ่มขึ้นมาเพราะมันไม่มีประชุมผู้ปกครอง เราก็ไม่มีโอกาสรู้ปัญหาว่าเป็นยังไงบ้าง ต่างคนต่างเจรจา ก็ต่างคนต่างหายเงียบไป

ความไม่เชื่อใจมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ลูกเข้ามาเรียน สิ่งนี้เป็นเหตุผลหนึ่ง และเป็นส่วนหนึ่งที่พี่ทำเพจสมาคมผู้ปกครอง Online ขึ้นมา

จริงๆ พยายามเรียกร้องปัญหาหลายๆ อย่างให้เขาปรับปรุงแก้ไขมาพอสมควรแล้ว มีการพูดคุยกันอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่ไม่ทำ นิ่งเฉย แล้วก็จังหวะมันไปรวมกับคดีน้องที่ถูกทำร้าย ก็เลยได้คุยกับทางแม่ของเด็กที่ถูกทำร้าย ถ้าอย่างนั้นเราใช้จังหวะนี้ทำแล้วกัน เพราะจริงๆ ก็ตั้งใจจะทำหลายปีแล้ว”


เปิดค่าเทอม กับคุณภาพชีวิตของเด็ก

นอกจากนี้ ผู้ปกครองท่านนี้ยังเปิดเผยถึงค่าเทอมของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์หลักสูตร “Asean Bilingual Programme” ระดับชั้นอนุบาล 1-3 ผู้ปกครองต้องจ่ายในราคา 16,670 บาท/เทอม ประถมปีที่ 1-3 จ่าย 14,880 บาท/เทอม ประถมปีที่ 4 จ่าย 15,250 บาท/เทอม ประถมปีที่ 5-6 จ่าย 17,170 บาท/เทอม มัธยมปีที่ 1-3 จ่าย 17,170 บาท/เทอม มัธยมปีที่ 4-6 จ่าย 14,760 บาท/เทอม


ส่วนหลักสูตร “Bilingual Programme” ระดับชั้น Nursery ผู้ปกครองต้องจ่ายในราคา 16,500 บาท/เทอม
KG.1 (Kindergarten หรือชั้นอนุบาล) จ่าย 17,000 บาท/เทอม KG.2 - KG.3 จ่าย 29,500 บาท/เทอม Grade 1-6 จ่าย 34,500 บาท/เทอม Grade 7-9 จ่าย 32,500 บาท/เทอม Grade 10-12 จ่าย 33,000 บาท/เทอม


พร้อมทั้งยืนยันว่าตัวเองไม่ได้จ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะให้แก่โรงเรียนแต่อย่างใด และทางโรงเรียนเองก็ไม่ได้เรียกเก็บเงินเหล่านี้

“ที่นี่ไม่มี คือเขาจะระบุชัดเจนเลยว่าค่าเทอมเท่าไหร่ ถ้ามันจะมีปลีกย่อยก็จะมีพวกค่ารถตู้ ซึ่งแต่ละคนก็จะจ่ายไม่เท่ากัน แล้วแต่ระยะทาง ค่าว่ายน้ำรวมแล้ว ค่าเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน คอร์สพิเศษ ซัมเมอร์ต่างหาก อันนั้นสมัครใจ

ไม่น่ามีหรอก เพราะว่ามันเป็นเอกชน มันไม่ถึงขนาดว่าต้องแย่งกันเข้าขนาดนั้น เข้ามาเท่าไหร่เขาก็รับหมด เขาก็เปิดห้องเพิ่ม ปกติห้องละ 30 คน อาจจะเพิ่มเป็น 35 คนบ้าง เขารับหมด ส่วนหลักสูตรอินเตอร์กระทรวงให้จำกัดห้องละ 25 คน ก็รับเข้า 35 คน

ยุคหลังไม่น่ามีนะ อย่างที่พี่บอกว่ามันไม่ใช่กรุงเทพคริสเตียน หรือเซนต์คาเบรียล แต่ส่วนใหญ่มันจะมีมัธยมมากกว่า ประถมไม่ค่อยมีหรอก มีน้อย ส่วนใหญ่ประถมก็จะเป็นรัฐบาลไป

ลูกสาวพี่เรียนหลักสูตรสองภาษาอยู่ชั้น ป.5 ของพี่มันจะเป็นนักเรียนเก่ากับนักเรียนใหม่ นักเรียนเก่าของลูกพี่เคยจ่ายอยู่ที่ประมาณ 30,500 มาตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว เขาก็มีประกาศอย่างนี้ ส่วน 3-4 ปีที่ผ่านมา ก็คือมีการเปลี่ยนอัตราค่าเล่าเรียน

พี่จ่ายราคานี้มาตั้งแต่ต้น ช่วงเขาปรับราคานักเรียนเก่าก็เป็นราคาเดิม นักเรียนใหม่ก็เป็นราคาใหม่ ถ้าเป็น Nursery กับ KG.1 จะถูกหน่อย KG.2 หรืออนุบาล 2 ขึ้นไปค่าใช้จ่ายจะใกล้เคียงกัน

ส่วนที่ว่าจ่ายปีละแสนที่ว่ากัน เข้าใจว่าน่าจะเป็นตัวหลักสูตรของตัวอินเตอร์ที่เป็นอิงลิชโปรแกรมทั้งหมดครับ ค่าเทอมตกอยู่ประมาณ 55,000 บาท ตกปีละประมาณ 110,000 บาท ไม่รวมค่ารถตู้

ของที่นี่หลักสูตรการสอนมันจะเป็นใหญ่ๆ อยู่ 3 หลักสูตร คือ หลักสูตรสามัญ หลักสูตรสองภาษา หลักสูตรอินเตอร์”


คุณพ่อท่านนี้ยังมองอีกว่า ปัญหาเรื่องนี้อยู่ที่การจัดการของระดับผู้บริหาร การคัดเลือกบุคคลเข้ามาทำงานมากกว่าเป็นสิ่งที่จะต้องแก้ไขกันต่อไป

“จริงๆ มองว่าตัวโรงเรียนไม่ใช่ปัญหานะ ปัญหามันอยู่ที่การจัดการ ปัญหามันอยู่ที่ระดับผู้บริหาร เพราะทุกอย่างมันต้องมาจากระดับผู้บริหารจะไปสั่งการระดับปฏิบัติการว่าจะให้ทำยังไง

ระดับปฏิบัติการอาจจะมีคุณภาพบ้าง ไม่มีคุณภาพบ้าง มันก็ย้อนกลับไปที่ระดับผู้บริหารอยู่ดีว่า คุณคัดเลือกบุคคลมายังไง ถ้าคุณแก้บริหารได้ นโยบายต่างๆ มันสามารถทำนโยบายที่ดีๆ ออกมาได้ แล้วปัญหาตรงนี้มันจะไม่เกิดขึ้น

ตัวสถาบันมันไม่มีอะไรเสียหาย แต่มันเสียหายเพราะว่าตัวบุคลากร คนบริหารสถาบัน ก็เลยอยากจะเน้นตรงนี้มาก ส่วนเรื่องคดี เรื่องเด็ก จะให้กลุ่มผู้ปกครองอีกกลุ่มหนึ่งจัดการ พี่ก็ขอเน้นตรงนี้ เรื่องการบริหาร ภาพรวม

จริงๆ มันไม่ใช่สารสาสน์ที่นี่ที่เดียวนะ มันเป็นสารสาสน์ทุกที่ แล้วก็โรงเรียนเอกชนแทบจะทั้งประเทศไทย อยากให้มันดีขึ้น อยากให้มันพัฒนาขึ้น เพราะเด็ก เยาวชนควรจะเริ่มต้นด้วยสิ่งดีๆ

ข่าว : MGR Live


** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **





กำลังโหลดความคิดเห็น