แชร์ประสบการณ์เทรนเนอร์ออนไลน์ “Fit Kab Dao” ออกกำลังกายที่ไม่ได้เปลี่ยนแค่หุ่น แต่เปลี่ยนชีวิตด้วย พร้อมเล่ามุมชีวิตที่ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอต้องไปอยู่ศูนย์เด็กกำพร้าตอนอายุ 8 ขวบ เพราะการเปลี่ยนความคิด เชื่อว่าสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ทำให้อาชีพเทรนเนอร์ออนไลน์พาเธอมาได้ถึงทุกวันนี้
ออกกำลังกายเปลี่ยนชีวิต
“ดาวคิดว่าการลงทุนทุกอย่างไม่เท่ากับการลงทุนเพื่อตัวเอง เพื่อสุขภาพ เพราะว่าร่างกายเราสามารถทำได้ทุกสิ่งอย่าง
ถ้าสุขภาพเราไม่ดี เราทำอะไรก็ไม่ได้ การงานของเราก็ไม่ได้ ความมั่นใจของเราก็ไม่มี ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากสุขภาพจริงๆ
ถ้าเราเอาสุขภาพเป็นที่หนึ่ง ทุกอย่างในชีวิตมันก็จะดีขึ้น อย่างตัวดาวเองเริ่มจากการฟิตหุ่นแล้วมาถึงจุดๆ นี้ได้ ดาวก็บอกว่าเรื่องสุขภาพมันสำคัญมากที่สุดค่ะ”
ดาว-วิภา อาทิตย์อุไร เทรนเนอร์ออนไลน์วัย 26 ปี เจ้าของเพจ “Fit Kab Dao” จากเด็กสาวที่เริ่มออกกำลังกายเพื่อฟิตหุ่น จนหันมาแบ่งบันเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจให้แก่หลายคน พร้อมเล่าเรื่องราวในชีวิตจากชีวิตติดลบต้องไปอยู่ศูนย์เด็กกำพร้าตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ต่อสู้กับชีวิตกว่ามาถึงจุดนี้ได้เรียกว่าประสบบความสำเร็จในชีวิตด้วยอายุเพียง 26 ปี
“ตอนนี้ดาวดีใจมากนะคะ คือเรื่องออกกำลังกายมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่หุ่น มันเปลี่ยนชีวิตดาวด้วย คือตอนนี้ดาวมีอะไรที่มันจริงจัง อย่าง Fit Kab Dao เมื่อก่อนดาวทำแค่คนเดียว แต่ตอนนี้เรามีทีมถึง 10 กว่าคน ซึ่งมันเป็นรายได้ที่ช่วยเหลือครอบครัวได้ ซึ่งหลายคนที่อยู่ในทีมก็มาจากศูนย์เด็กกำพร้าเหมือนกัน ก็แบบดีใจตรงนี้มากๆ
ดาวคิดว่าถ้าดูย้อนกลับไปจากที่ดาวติดลบมากๆ จนถึง ณ ตอนนี้ดาวคิดว่าประสบความสำเร็จมากๆ ในสายตาของดาว เพราะว่าคนอื่นความประสบความสำเร็จอาจจะวัดตัวเลขหรือว่าสิ่งที่เรามี หรือว่าอะไรต่างๆ แต่ ณ ตอนนี้ดาวรู้สึกว่าดาวมาไกลมากๆ”
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ กับเด็กสาวอายุเพียง 18 ที่ชื่นชอบในการออกกำลังกาย อยากฟิตหุ่น อยากสวย และอยากมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เพราะคิดว่าเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ
ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ทำมายอมรับว่าจากสิ่งที่ชื่นชอบ กลายเป็นว่าอาชีพเทรนเนอร์ออนไลน์สามารถเป็นอาชีพเลี้ยงชีวิตได้เรื่องมา จนมีรายได้ตอบแทนหลักแสน
“เปลี่ยนชีวิตดาวมากค่ะ มันก็แล้วแต่ตัวบุคคลด้วยค่ะ คือถ้าบางคนเขาทำแค่เทรนเนอร์ออนไลน์อาจจะไม่จริงจังมาก ก็อาจจะไม่ถึง แต่ถ้าเป็นแบบเต็มตัวเลยดาวว่าทุกคนน่าจะถึงอยู่แล้วค่ะ สำหรับดาวก็ถึงค่ะ”
สำหรับเทรนเนอร์ตอนแรกดาวแชร์จากความรู้ที่ดาวมี คือการลงมือทำของตัวเอง แล้วก็การแนะนำคนอื่น แต่ว่าพอหลังจากนั้นดาวก็ไปเรียนเสริม ในส่วนของการเรียนเสริมออนไลน์อย่างนี้ค่ะ ก็จะมีจาก ACE (American Council on Exercise) ค่ะ
ก็เรียน 6 เดือน แล้วหลังจากนั้นดาวก็เป็นเทรนเนอร์ เราก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากในการแนะนำต่างๆ เพราะเราก็ไปเรียนมาให้มันเข้าใจค่ะ
นอกจากนี้ การเป็นเทรนเนอร์ออนไลน์มืออาชีพเธอยังเล่าถึงหากใครที่สนใจในการเทรนออนไลน์ ก็จะมีโปรแกรมวางไว้ให้ทำตาม และมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิดผ่านทางไลน์
“ถ้าสมมติว่าอยากเทรนตอนนี้ดาวก็จะมีแบบ one on one ผ่าน ไลน์ แต่ว่าตอนนี้ตัวดาวเองจะไม่ได้เทรนส่วนตัวแล้วค่ะ ก็จะมีทีมโค้ชช่วยเทรนให้
การเทรนออนไลน์เกี่ยวกับการออกกำลังกาย ก็จะมีโปรแกรมให้ แล้วเราก็ทำตามที่ดาวอัดไว้ก่อน โปรแกรมมันก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ เราก็ทำตามในทุกๆ วัน แล้วก็คุมอาหารตามที่โค้ชแนะนำ อย่างตอนเช้าถ้าเรากินข้าวเสร็จเราก็ถ่ายรูปส่งมาทางไลน์ ตอนบ่ายตอนเย็นอะไรอย่างนี้ค่ะ
แล้วโค้ชก็จะมาคอมเมนต์แต่ละเมนูว่าเรากินแล้วเป็นยังไงบ้าง ส่วนไหนที่เราต้องปรับ อย่างหุ่นเราต้องห้ามกินตรงนี้เยอะเกินไปอย่างนี้ค่ะ ก็จะแนะนำเป็นรายบุคคลไป”
แน่นอนว่าเทรนเนอร์ออนไลน์กับเทรนเนอร์ทั่วไปย่อมมีความแตกต่างกัน แต่เห็นผลเท่าๆ กัน การเป็นเทรนเนอร์ออนไลน์นั้นเรื่องเทคนิคต้องอธิบายให้ละเอียดมากๆ เพราะไม่ได้อยู่ควบคุมตัวต่อตัวในขณะที่ออกกำลังกาย
“เทรนเนอร์ทั่วไปกับเทรนเนอร์ออนไลน์ต่างกันตรงที่ ดาวคิดว่าเทรนเนอร์ออนไลน์จริงๆ มันก็เห็นผลเท่าๆ กัน เพราะว่าเราก็มีการ communicate กันตลอดเวลาผ่านไลน์ แต่เทรนเนอร์ส่วนตัวมันก็จะดีกว่า ยังไงมันก็ดีกว่า
เพราะว่าเขาอยู่ตรงนั้น แล้วช่วยเซฟช่วยอะไรได้ แต่ออนไลน์เราก็สามารถพูดในส่วนของเทคนิค วิธีการทำ แต่เราไม่ได้อยู่ ณ ตอนนั้นที่เราจะไปเซฟไปดูให้
จริงๆ ถ้าเป็นเทรนเนอร์ออนไลน์มันก็ต้องคุยละเอียดกว่าเดิม เพราะว่าเราไม่ได้อยู่ ณ ตอนนั้นแล้วก็ไปช่วยเซฟอะไรอย่างนี้ค่ะ เรื่องเทคนิคมันจะต้องเคลียร์มากๆ ว่าให้เขาทำยังไง ต้องหายใจแบบไหน เพราะเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น ช่วยนับเรื่องการหายใจอย่างนี้ค่ะ การสื่อสารละเอียดมากๆ ค่ะ”
จุดเริ่มต้น “Fit Kab Dao”
ก่อนที่เราจะร่วมการเดินทางสู่ความฟิตไปด้วยกันต่อจากนี้ เธอได้เล่าถึงเรื่องราวของตัวเองให้ฟังว่าจุดเริ่มต้นของการทำเพจนั้นมาจากสิ่งที่ตัวเองชอบ
“ตอนแรกดาวทำเพราะว่าดาวชอบใช่ไหม แต่หลังๆ พอเห็นผลลัพธ์ของนักเรียนมากขึ้นเรารู้สึกว่าเราอยากทำงานนี้ เรามีความสุข พอเราได้ช่วยคนหนึ่งคนให้เขาเปลี่ยนแปลงได้มันคือความภูมิใจของเขาเอง และเราด้วยที่เราสามารถช่วยเขาได้ มันเป็นดาวที่เราทำแล้วมัน Fulfill รู้สึกอิ่มเอมใจ รู้สึกว่าทำแล้วมันอยากลุกขึ้นมาทุกวันในการทำ ก็เลยทำจริงจังมาก”
เริ่มต้นออกกำลังกายมาตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ทำงานเสริม ส่งตัวเองเรียนไปด้วย ตอนนั้นตั้งใจเรียนและคิดว่าต้องเข้าเรียน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้ได้ สุดท้ายติดโควตาคณะเทคนิคการแพทย์ เริ่มมาออกกำลังกาย เพราะว่าสายที่เรียนอยู่ ก็เป็นแนวออกกำลังกายดูแลตัวเอง
ตอนเรียนอยู่อยากสวยบ้างเลยเริ่มดูแลตัวเอง จากที่ผอมลงพุง ป่วยบ่อย เป็นคนไม่แข็งแรง ทำอะไรก็เหนื่อย จากที่เมื่อก่อนเคยเป็นนักฟุตบอลโรงเรียนความฟิตหายหมดเลย
“ก็คือตอนนั้นเราเริ่มออกกำลังกายใช่ไหมคะ แล้วเพื่อนก็ให้เราเทรนให้ แล้วทีนี้พอหนึ่งคนเราก็ยังเทรนได้ พอมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ เราก็เทรนได้ไม่ทั่วถึง เราก็ไม่มีเวลา ดาวก็เลยบอกเขาว่าเดี๋ยวจะเปิดเพจให้ เดี๋ยวจะโพสต์วิดีโอออกกำลังกาย แล้วก็ไปทำตามตรงนี้นะ คอมเมนต์บอกแล้วกันอันไหนไม่เข้าใจ เดี๋ยวจะทำคลิปให้ นี่ก็เป็นเริ่มต้นของการทำเพจ แล้วหลังๆ มาก็มีคนมาฟอลโลร์เรื่อยๆ
ก็คือยูทูบทำหลังจากเพจ 2 ปี เพิ่งทำมาได้ 2 ปีเอง เพราะเมื่อก่อนก็เฟซบุ๊กเต็มตัว แต่ตอนนี้ย้ายมาที่ยูทูบด้วย ยูทูบนี่ทำก็จะเป็นแนวแบบชาเลนจ์ค่ะ คือดาวชอบอะไรที่มันเป็นชาเลนจ์ ชาเลนจ์มันเหมือนเกมมันสนุก เพราะฉะนั้นยูทูบของดาวไม่ใช่เป็นแค่วิดีโอออกกำลังกายที่ทำแล้วน่าเบื่อ ทำแล้วยาก ทำแล้วไม่เห็นผล ก็จะเป็นชาเลนจ์เป็นซีรีส์ๆ ไป อย่างหนึ่งซีรีส์ก็จะมี 5 คลิป แต่ละส่วนแตกต่างกันไป ก็จะมีความสนุกมากขึ้น
เริ่มออกกำลังกาย ณ ตอนนั้นเลยค่ะ ดาวรู้ว่า Passion ตัวเองจริงๆ คือการออกกำลังกาย การออกกำลังกายมันทำให้เราเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เรามีความมั่นใจมากขึ้น แต่ก่อนเราเป็นคนไม่มั่นใจในรูปร่างตัวเองคือเป็นคนที่ผอมลงพุง จะทำยังไงก็ไม่ลด แล้วเราก็กินไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็การกินคลีนเราไม่รู้จักเลย ตอนนั้นเราก็เริ่มมาสนใจแบบดูแลตัวเอง
แล้วก็เป็นสาวมากขึ้น แล้วก็ดูแลรูปร่างค่ะ แล้วก็ตอนนั้นรูปร่างเราก็ดีขึ้นจริงๆ เราก็เริ่มโพสต์ในเฟซบุ๊ก แล้วเพื่อนๆ ก็เริ่มถามว่า นั้นมาเทรนให้เราหน่อยได้ไหม เราก็อยากมีรูปร่างแบบนี้ เราก็อยากหุ่นดี แล้วตอนนั้นเขาก็ไม่ค่อย เรื่องสุขภาพตอนนั้นยังไม่เป็นเทรนนะคะ 4 ปีที่แล้ว”
เมื่อเพื่อนๆ เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลง จึงมีความสนใจอยากให้เทรนให้บ้าง หลังๆ เริ่มรับเทรนไม่ไหว จึงเปิดเพจแชร์เรื่องราวในสิ่งที่ตัวเองทำ ซึ่งเป็นเรื่องราวง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำตามได้
“ดาวก็เลยเริ่มโพสต์ในเฟซบุ๊กรับเทรนบ้าง หลังๆ เรารับเทรนไม่ไหวเพื่อนเยอะเกินไป เราก็เลยเปิดเพจ แล้วก็แชร์ในสิ่งที่เราทำ ซึ่งสิ่งที่ดาวแชร์เป็นสิ่งที่ง่ายๆ อย่างเช่นบอดี้เวต เราไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมืออะไรมากมาย เราไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ เราก็สามารถออกกำลังกายอยู่ที่บ้านได้ นี่คือหลักๆ เลยที่ดาวจะแชร์
แล้วทีนี้พอคนรู้สึกว่าการอกำลังกายเป็นสิ่งที่ง่าย เขาก็เริ่มทำ และทำอย่างต่อเนื่อง หลังๆ พอเปิดเพจได้สักพักหนึ่ง ก็จะมีคนมาชมว่าขอบคุณมากๆ เลยที่ทำให้พี่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้
คือเมื่อก่อนคิดว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ยากมาก ทำเมื่อไหร่ก็ท้อตลอด แต่พอได้รู้หลักการออกกำลังกายที่ถูกวิธี แล้วก็ที่มันไม่ยากเกินไป ก็สามารถทำได้ทุกๆ วัน พอทำทุกๆ วันก็เกิดผลลัพธ์เราก็ดีใจ เราก็ภูมิใจที่เราสามารถช่วยคนอื่นได้
เราสามารถช่วยคนหนึ่งคนได้ เราก็ดีใจมากๆ แล้วก็พอถึงตอนนั้นปุ๊บเราก็ตั้งใจทำเพจขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วเริ่มทำมาเป็นประจำแล้ว เพราะเรารู้ว่า Passion ของเราคือจุดนี้จริงๆ เราก็อยากทำงานนี้ไปตลอดชีวิตเลย ณ ตอนนี้นะคะเราคิดไว้แบบนี้
เราก็เลยตั้งใจทำค่ะ พอตั้งใจทำดาวก็เริ่มทำพวกโปรแกรมออนไลน์ก็เห็นผลลัพธ์มากมาย แล้วพอเห็นผลลัพธ์มากปุ๊บเรื่องของรายได้ก็มีเพิ่มขึ้นมาด้วย ดาวก็เลยดีใจ”
ชีวิตติดลบ ต้องไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า
จากชีวิตเด็กกำพร้าผันตัวเองสู่เทรนเนอร์ออนไลน์มืออาชีพ เธอยอมแชร์เรื่องราวที่ยังไม่เคยแชร์ที่ไหนมาก่อนให้ฟังว่า เมื่อก่อนกลัวคนดูถูกว่ามาจากบ้านเด็กกำพร้า แต่ตอนนี้อยากให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงและไม่ใส่ว่าใครจะมาดูถูก
“ต้องบอกก่อนเลยนะว่าปกติดาวไม่ค่อยแชร์เรื่องราวนี้กับใครเลย เพราะว่าอย่างหนึ่งก็คือว่ากลัวเขาดูถูก อันนี้คือพูดหลักๆ เลย เพราะว่าตอนนี้ดาวทำเทรนเนอร์มา 4 ปี แล้ว แต่ดาวไม่เคยเอาสิ่งนี้ออกมาจากใจเลยนะคะ เพราะว่าเราก็แบบโอเคที่เขาเห็นเราเป็นแค่เทรนเนอร์มาแชร์ มาแชร์ท่าอะไรอย่างนี้ เป็นยูทูบเบอร์ทำพวกวิดีโอออกกำลังกายต่างๆ
แต่ดาวไม่อยากเหมือนปิดกั้นตัวเอง ไม่อยากให้ใครมารู้จัก ว่าตัวตนเราที่แท้จริงคืออะไร จนตอนนี้ผ่านมาได้ 4 ปีแล้วที่ดาวทำเทรนเนอร์ แล้วดาวก็ถึงช่วงที่เราอยากแชร์แล้ว เราไม่อยากแคร์แล้วว่าคนอื่นจะคิดกับเรายังไง หรือว่าคอนเมนต์ดีหรือว่าไม่ดีเรารับได้หมดแล้ว เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วเรารู้ว่าคุณค่าของเราคืออะไร
เราก็เลยอยากแชร์ให้กับแฟนคลับที่เขาติดตามเรามานานมาก แล้วก็อยากให้เขารู้จักตัวตนที่แท้จริงของเราอะไรอย่างนี้ค่ะ ว่าเราเป็นยังไงมายังไง ถึงได้มาทำเทรนเนอร์จริงจัง ทำไมต้องมาฟิตหุ่นหนักขนาดนี้ ทำไมไม่ทำเป็นแค่แบบพาร์ตไทม์จ๊อบ หรือทำแค่เล่นๆ เราก็เลยอยากจะเล่าให้เขาฟัง”
ย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว เด็กหญิงวัย 8 ขวบ ต้องออกจากบ้านไปอยู่ศูนย์เด็กกำพร้า เพราะพ่อเสียตั้งแต่ประมาณ 5 เดือน เพราะว่าติดแอลกอฮอล์ แม่ก็แต่งงานใหม่ ปล่อยให้อยู่กับยาย 2 คน พอยายอายุแก่ขึ้นก็ทำงานไม่ได้ จึงไม่มีเงินส่งเสีย ไม่มีเงินดูแล ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยต้องมาปล่อยที่ศูนย์เด็กกำพร้า
ยอมรับว่าตอนนั้นรู้สึกโกรธว่าทำไมแค่หลานคนเดียวทำไมยายจะเลี้ยงไม่ได้ ทำไมแม่เราต้องทิ้งเราไป โทษคนอื่นไปหมดเลย ถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าทำไม แต่ก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี จึงทำได้เพียงแค่ทำใจ พอโตมาก็คิดได้
“ย้อนกลับไปตอนประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วค่ะ ดาวอยู่ที่ศูนย์เด็กกำพร้า คือดาวไม่มีอะไรเลย คือชีวิตติดลบมาก ตอนนั้นเราอยู่ที่ศูนย์แล้วเราก็งงกับตัวเองว่าทำไมเราถึงเกิดมาทำไมเราถึงไม่อยู่กับครอบครัวดีๆ ทำไมเราถึงต้องไปอยู่ในศูนย์เด็กกำพร้า เหมือนเราถูกทอดทิ้ง
ตอนนั้นเราน้อยใจกับตัวเองมาก แล้วเราก็โทษบุคคลรอบข้างหมดเลย เราโทษพ่อแม่เรา เราโทษยายที่ทำไมเขาไม่เลี้ยงดูเรา แล้วเอาเราไปปล่อยตรงนั้น จนถึงตอนนั้นเราก็ทำใจไม่ได้แหละ สักพักหนึ่งนะคะ เพราะว่าตอนนั้นดาวก็อายุประมาณ 8 ขวบ
แต่ทีนี่พอเราไปถึงตรงนั้นจริงๆ เราเห็นเพื่อนเยอะมาก แล้วเขาก็ครอบครัวแต่ละอัน มันก็มีปัญหาเหมือนกันหมดเลย มันไม่ใช่แค่เราคนเดียว
เราก็เห็นเคสหนักๆ อย่างเพื่อนเราบางคนคือครอบครัวเขาเป็นหนักกว่าเราอีก แต่เขาก็ยังสู้ เขาก็ยังมาอยู่ที่นี่แล้วก็มีความสุข จนสุดท้ายแล้วเราก็เหมือนทำใจได้ เราก็ทนอยู่ในนั้น
เรามีความสุขนะคะ เหมือนกับเรามีครอบครัวใหม่ เพราะว่าตรงนั้นมันก็มีหลายๆ คนเนอะที่เขามีแบบเจอปัญหาที่คล้ายๆ กัน แล้วก็กลายเป็นแบบเหมือนพี่เหมือนน้องกัน เหมือนแชร์ประสบการณ์กัน
แล้วทีนี่คือเติบโตมา ดาวรู้สึกว่าชีวิตมันค่อนข้างจะลำบากก็ว่าได้ เพราะว่าในศูนย์เด็กกำพร้าคือเรามีคนเยอะ แล้วการกินของเรามันก็ไม่ค่อยดี”
มีเรื่องๆ ที่สะเทือนใจมากๆ ที่จำได้ตลอดคือ เรื่อง แชร์มาม่า 3 ซองกับเพื่อน 15 คน สมัยนี้ใครได้กินมาม่าสิ้นเดือนถือว่าลำบากแล้ว แต่ในนั้นเราแบ่งมาม่า 3 ซองกับเพื่อนอีก 15 คน
“ยกตัวอย่างนะคะ อย่างตอนเช้าเราจะกินมาม่า 5 ซอง ในบ้านมี 15 คน แล้วเราต้มมาม่า 5 ซอง แล้วเราก็แบ่งกัน แล้วเราก็แบบหุงข้าวหม้อใหญ่ๆ แล้วเราก็กินแบบนั้น คือถ้าตอนนี้มองย้อนกลับไปเรารู้สึกว่ามันลำบากมากๆ เลย แต่ ณ ตอนนั้นเรากลับรู้สึกว่ามันมีความสุขมากๆ เอาจริงๆ สิ่งเล็กๆ ที่เราอยู่ตรงนั้นเรารู้สึกอบอุ่น
จนผ่านช่วงนั้นมา เราก็ทำงานหนัก ทำสวน ทำไร่ ทำทุกอย่าง ตอนนั้นตัวดำปี๊เลยค่ะ ตัวดำมาก ตอนนี้ดูแทนนะคะ เมื่อก่อนก็คือดำ แล้วทีนี้เราก็อายเขาบ้างว่าเราเป็นคนจน น้อยใจ ณ ตรงนั้น แต่ว่าเราก็ทำใจได้”
ตอนนั้นที่รู้สึกว่าชีวิตทำไมมันลำบาก จึงไปคุยกับเพื่อนที่อยู่ในศูนย์ด้วยกัน และพบว่าชีวิตเขาก็ยังแย่กว่า เขาก็สามารถอยู่ได้ จึงเอามาเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองสูู้ต่อไป
ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าวันนึงต้องเอาตัวเองออกจากตรงนี้ให้ได้ ผ่านไปสิบกว่าปี จนสี่ปีที่ผ่านมาได้ออกมาจากศูนย์เด็กกำพร้าโดยที่ไม่มีเงินติดตัวสักบาท แต่โชคดีมากๆ ที่มีครอบครัวคนอเมริกาที่ใจดีซัปพอร์ตให้เรียนหนังสือและค่าใช้จ่าย
“จนถึงประมาณอายุ 18 ค่ะ ตอนนั้นคือช่วงพีกของชีวิต เพราะว่าเราจำเป็นต้องออกมาจากศูนย์เด็กกำพร้า แล้วคือตอนนั้นสกิลในการอยู่แบบโลกภายนอก เราไม่เคยออกมาเลยตั้งแต่ 8 ขวบ เราอยู่ในกรง เหมือนเสือที่มันอยู่ในกรงนานๆ แล้วพอมาปล่อยในป่า เราไม่มีทักษะในการใช้ชีวิตรอบตัวเลย
เราไม่รู้ว่าเราต้องทำยังไง ไม่มีเงินสักบาท ออกมา เรียนก็ไม่จบ ไม่มีเงินด้วย ใครก็ไม่มีส่งเรียน ตอนนั้นจะไปทำไร่ ทำนา ไปเก็บข้าวโพด ทำทุกอย่างที่หาเงินได้ แต่ใจลึกๆ ของเรา เรารู้ว่าเราอยากทำอะไรที่มากกว่านั้น เราอยากเรียนต่อให้จบ อันนี้คืออยากสานฝัน
แต่สุดท้ายแล้วดาวโชคดีมากค่ะ มีพ่อแม่บุญธรรมเขารู้จักเราตอนที่เราอยู่ในศูนย์ แล้วเขาก็เห็นว่าเราเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนหนังสือ แล้วเขาก็โทร.ไปหาเรา มาเชียงใหม่ไหมเดี๋ยวเขาจะส่งเรียนให้มันจบไปเลย แล้วตอนนั้นดาวดีใจมาก ดาวซึ้งใจตรงที่ว่าเราได้รับความช่วยเหลือตอนที่เราต้องการจริงๆ
แล้วดาวก็แบบคิดกับตัวเองเสมอเลย ณ เวลานั้นดาวอยากเป็นหนึ่งคนที่สามารถให้ความช่วยเหลือให้แก่คนอื่นตอนที่เขาต้องการได้ ตอนนั้นดาวก็ไม่ได้เกี่ยวกับฟิตเนสเลยนะคะ แค่แบบเรื่องเจนเนอเรอร์ในชีวิต มีปัญหากับชีวิต เพราะว่าเขาเป็นต้นแบบในการใช้ชีวิตของดาวค่ะ”
เปิดคอร์ส-ทำชาเลนจ์สอนฟรี
อยากเปิดโอกาสให้คนที่สนใจออกกำลังกาย แต่ไม่มีเงินจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัว จัดทำชาเลนจ์สอนฟรี ไม่เสียเงินสักบาทไม่ว่าจะเป็นใคร ก็สามารถเข้าร่วมได้
“ในส่วนของเพจพอดาวเริ่มทำโปรแกรมออกกำลังกายก็มีคนสนใจมากมาย แต่หลายคนเขาไม่มีเงินที่จะซื้อ แล้วดาวก็ไม่อยากตัดโอกาสเขา หลังๆ มาดาวก็เลยเริ่มทำชาเลนจ์ออกกำลังกาย
เหตุผลที่ดาวทำชาเลนจ์ออกกำลังกาย เพราะดาวสังเกตว่าหลังๆ ลูกเพจชอบทำอะไรด้วยกัน ถ้าทำคนเดียวเราเหงาใช่ไหม ทำแป๊บเดียวมันก็ท้ออะไรอย่างนี้ แต่พอเขาเห็นเพื่อนๆ มาทำด้วยกันเขาก็อยากทำมากขึ้น
ดาวก็เลยทำชาเลนจ์ฟรี ซึ่งตอนนี้ถ้านับๆ มาก็เกินกว่า 10 กว่าชาเลนจ์แล้วค่ะที่ดาวทำมาแบบฟรีๆ แล้วล่าสุดดาวจัดชาเลนจ์ที่ยาวนานถึง 30 วันเลย แล้ว 30 วันนี้คือไม่ต้องจ่ายเงินสักบาทก็มาเข้าร่วมได้”
โดยโปรแกรมที่ใช้ในการออกกำลังกายก็จะมีการจัดทำเป็นคลิปวิดีโอ สร้างแรงจูงใจในการเข้าร่วมด้วยการมีรางวัลตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ
“ชาเลนจ์ที่ดาวจัดขึ้นก็เป็นแนวแบบโปรแกรมการออกำลังกายที่เราสามารถทำตามได้ในแต่ละวัน ใน 30 วันดาวจะเซ็ตเลยว่าโอเคอาทิตย์แรกเรามาออกกำลังกายส่วนไหน อย่างเช่นหน้าท้อง อีกอาทิตย์หนึ่งเป็นแขน อีกอาทิตย์หนึ่งเป็นเบินร์ไขมัน อีกอาทิตย์หนึ่งเป็นก้นไขมันก็ว่ากันไปอย่างนี้ค่ะ
ก็เช็ตเป็นแบบนี้ แล้วแต่ละวันก็จะมีวิดีโอออกกำลังกายเล็กๆ แบบ 5 นาทีอะไรอย่างนี้ให้เขาทำตาม เขาก็ทำตามเรื่อยๆ แล้วพอหลังจากจบ 30 วันแล้วเราก็มาดูว่าใครเปลี่ยนแปลงเยอะที่สุดเราก็จะมีรางวัลให้ ซึ่งก็เป็นรางวัลเล็กๆ น้อยๆ เป็นของขวัญและกำลังใจ ให้เขาภูมิใจในตัวเองค่ะ ก็จะเป็นประมาณนี้
ก็คือชาเลนจ์ฟรีดาวจะเปิดเป็นรอบๆ ค่ะ อย่างบางที 2-3 เดือนเปิดทีนึง เพราะว่าเป็นชาเลนจ์ค่อนข้างใหญ่ และระหว่างเดือนก็จะมีชาเลนจ์เล็กๆ มาให้ค่ะ คือเข้าร่วมได้ทุกคนไม่จำเป็นต้องอายุเท่าไหร่ ไม่จำเป็นว่าต้องแข็งแรงระดับไหน ต้องเป็นแบบมือใหม่ มือโปรไม่เป็นไรค่ะเข้าได้หมดเลย”
ผลตอบรับถือว่าดีมากมีคนเข้าร่วมมากถึง 70,000 คน และทุกคนที่เข้าร่วมก็เห็นผลลัพธ์ที่ดีจากการการเข้าร่วมจริงๆ
“ผลตอบรับดีมากค่ะ ล่าสุด 30 วันก็มีคนเข้าร่วมเกือบ 70,000 คน เยอะมาก เขาก็แบบดีใจ ก็ดีใจที่แบบสิ่งที่เราอยากช่วยแล้วเขาเห็นคุณค่า แล้วเขาก็มาร่วมอย่างนี้ค่ะ แล้วทุกคนก็เห็นผลลัพธ์จากการเข้าร่วมจริงๆ”
นอกจากจัดชาเลนจ์ให้เข้าร่วมฟรีแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมให้คำแนะนำ และให้เข้าร่วมฟรีอีกเช่นกัน พูดคุยปรึกษาในการฟิตหุ่น สอนการวางแผนในการออกกำลังกาย และดูแลตัวเอง
“ก็คือในส่วนของ Event ที่ดาวจัดที่กรุงเทพฯ นะคะทีแรกมันเกิดจากการจัดชาเลนจ์เนี่ยแหละ แล้วทุกคนก็บอกว่าอยากมาออกกำลังกายด้วยกัน ดาวก็เลยจัดที่กรุงเทพฯ เพราะว่าที่กรุงเทพฯ ก็มีแฟนคลับเยอะ ก็เลยเลือกจัดที่นี่
จัดที่กรุงเทพฯ ก็จะเป็นกิจกรรมค่ะ เหมือนกับว่าเขามาร่วมอันนี้ฟรีหมดเลยนะคะ เขามาร่วมออกกำลังกาย แล้วหลังจากนั้นมาแชร์เป้าหมายว่าเขามีเป้าหมายในการฟิตหุ่นยังไง แล้วเขามีวิธีการยังไง ซึ่งดาวก็ช่วยสอนในการวางแผนว่าทำยังไงให้มันทำให้ได้ รอบที่แล้วประมาณ 30 คน ตอนนี้ทำแค่รอบเดียวค่ะ
ก็คิดว่าจะทำรอบอื่นอยู่ ผลตอบรับดีมากเลย เพราะว่าทุกคนเขาก็มาเจอเพื่อนใหม่ๆ ด้วย เพราะว่าเขาก็น่าจะอยู่คนเดียว ทำคนเดียวก็เหงา พอมาเจอไม่ใช่แค่ในโลกออนไลน์ พอมาเจอแบบตัวจริงเลย เขาก็รู้สึก Connect มากกว่า”
เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอยากออกกำลังกาย
ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักแล้ว ยังได้เป็นแรงบันดาลใจให้ให้แก่อีกหลายคนอีกด้วย และขอบคุณทุกคนที่เปิดโอกาสให้ทำในสิ่งที่รัก พร้อมกับให้โอกาสช่วยคนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง
“ก็รู้สึกดีใจมากๆ เลยค่ะ แล้วก็รู้สึกขอบคุณทุกคนมากกว่าค่ะที่เปิดโอกาสให้ดาว เหมือนกับว่าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักจริงๆ แล้วก็ได้มีโอกาสช่วยทุกๆ คน แล้วทุกคนก็ฟังคำแนะนำอย่างนี้ค่ะ
ที่มีความสุขก็คืออย่างของตัวเองออกกำลังกายก็มีความสุขแล้วค่ะ แต่ที่มีความสุขมากกว่าคือได้ช่วยทุกคนในเพจด้วยค่ะ แบบออกกำลังกายไปด้วยกัน และได้เห็นการเปลี่ยนแปลง”
นอกจากมีความสุขในการออกกำลังกายของตัวเองแล้ว ยังมีความสุขมากกว่าที่ได้เห็นอีกหลายคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ เพราะการลดน้ำหนัก หรือการที่จะลุกมาเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย
“จริงๆ ดีใจกับทุกคนเลยค่ะที่เขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ เพราะว่าคนที่ต้องการลดน้ำหนัก คนที่เขายังไม่เคยทำเขาอาจจะคิดว่ามันง่าย แต่ว่าพอทำจริงๆ มันยากมาก แล้วดาวก็ชื่นชมทุกๆ คนเลยค่ะ อย่างถ้าเขาเปลี่ยนแปลงได้ 1-2 กิโล บางคนอาจจะคิดว่าน้ำหนักน้อยจังเปลี่ยนได้แค่นี้เหรอ
แต่จริงๆ สำหรับเขาอาจจะเป็น big achievement ก็ว่าได้ คือมันอาจจะยากมากๆ เขาอาจจะต้องอดกินของที่ชอบ ต้องอมาฝืนออกกำลังกาย ทั้งที่ไม่อยากออก
คือดาวเห็นว่ามันต้องมีความอดทน แล้วก็ต้องพยายามอย่างหนักมากเพื่อที่เขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ นี่คือที่ประทับใจเลยค่ะ มีเคสแต่ละเคสที่เขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ในทางที่ดีขึ้น”
นอกจากอยากแชร์เรื่องราวของตัวเองเพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้แก้ใครหลายคนแล้ว กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องเปลี่ยนแปลงความคิดของเองใหม่ และอยากให้ทุกคนลบความคิดแบบเดิมๆ แล้วเชื่อว่าตัวเองทำได้ แล้วลงมือทำ เชื่อว่าหลายคนก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเหมือนกัน
“Mindset ดาวคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ คือถ้าสมมติว่าเราเคยลำบากคือมันได้ 2 ทาง คือหนึ่งเราใช้ความลำบากนั้นมาเป็น ท้อ ไม่อยากทำ เป็นข้ออ้าง แล้วชีวิตเรามันก็ไม่ไปไหน
แต่ว่าอีกฝั่งหนึ่งเราสามารถเอาความลำบากนั้นมาเป็นแรงผลักดันให้เรา นึกถึงคนที่เรารักเยอะๆ แล้วเอาความรักมาผลักดันเราเยอะๆ แล้วเราก็จะดีขึ้นในทุกๆ วัน”
ท้ายนี้ยังฝากถึงคนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากฟิตหุ่น อยากออกกำลังกาย แล้วท้อ มีเคล็ดลับด้วยเทคนิคง่ายๆ คือต้องทำอย่างมีความสุข อยากได้ผลลัพธ์ต้องลงมือทำ
“ฝากถึงคนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากออกกำลังกาย อยากเริ่มคุมอาหาร กลัวท้อ กลัวว่ามันยากเกินไป ดาวบอกอย่างเดียวเลยค่ะว่าให้เริ่มต้น ให้เริ่มลงมือทำ แล้วก็มองหาวิธีที่มันเข้ากับตัวเอง ถ้าสมมติเราทำแล้วมีความสุขดาวเชื่อว่าคือผลลัพธ์มันมาอยู่แล้วค่ะ ถ้าเราทำอย่างต่อเนื่อง และทำอย่างถูกวิธี
ถ้าไม่รู้ว่าวิธีที่ถูกต้องมันคืออะไร ก็สามารถมาดูในเพจเฟซบุ๊ก Fit Kab Dao หรือว่ายูทูบก็ได้ค่ะ แล้วก็ดาวมีชาเลนจ์ฟรีเยอะมากก็สามารถมาเข้าร่วมได้
ก็อยากฝากทุกคนที่กำลังอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือว่าอยากลดหุ่นก็อยากให้เริ่มต้นลงมือทำ แล้วก็หาวิธีที่ง่ายสำหรับตัวเองมากที่สุด แล้วก็ทำอย่างต่อเนื่องทุกๆ วัน แล้ววันหนึ่งผลลัพธ์มันก็จะเกิดขึ้น อยากได้ผลลัพธ์มันก็ต้องลงมือทำ บางคนแค่อยากมันก็ยังไม่เพียงพอต้องลงมือทำอย่างเดียว
มีนักเรียนหลายคนนะคะในคอร์สชอบมาถามดาวว่าเราจะทำยังไงให้มันฟิตหุ่นให้มันได้ตลอดไป เราไม่อยากให้แค่ว่าเดือนเดียวสองเดือนเราได้หุ่นที่โอเคแล้วมันก็อวดขึ้นถูกไหมคะ
วิธีการที่ดาวแนะนำเสมอเลยก็คือให้ทำแล้วมีความสุข อะไรก็ตามที่เราทำแล้วไม่มีความสุข เราจะทำได้ไม่นาน เช่น การออกกำลังกายกินคลีน เราไม่จำเป็นต้อง 100% เคร่ง หักดิบทุกอย่างเลย แบบนี้เราทำได้แค่หนึ่งอาทิตย์ก็จอดแล้ว
แต่ถ้าเราสามารถหาทางที่เป็นสายกลางสำหรับตัวเราเองได้ เรากินแบบนี้ เราออกกำลังกายแบบนี้ แล้วเรามีความสุขแล้วก็เห็นผล เราก็จะทำได้เรื่อยๆ ก็จะไม่รู้สึกท้อ ไม่รู้สึกอะไร เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์มันก็เป็นแค่ผลพลอยได้ เราไม่ได้ไปคาดหวังให้เกิดผลรับให้เกิดขึ้น เรา Enjoy กับprocess Enjoy กับทุกๆ วันที่เราทำ”
ให้ก่อนที่จะรับจากคนอื่น อย่างที่ดาวบอกค่ะว่าพ่อแม่บุญธรรมของดาว เป็นคนที่ให้กับดาว ตอนที่ดาวต้องการมากที่สุด แล้วดาวก็รู้สึกFulfillมากๆ ที่เขาทำแบบนี้กับดาว แล้วก็ส่วนได้มันจะได้กลับมาแน่นอนค่ะ ถ้าเราคาดหวังกับการให้ไป แล้วก็คาดหวังว่าเราจะได้รับ คนอื่นมันก็ fee ได้ คนอื่นก็จะรู้ว่าทำเพราะอยากได้โน่นนี่นั่น เขาก็จะไม่อิน เขาก็จะไม่อยากฟังอะไรจากเราเลย เพราะรู้ว่าเราอยากได้ผลประโยชน์จากเขา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราให้ด้วยใจจริงๆ ให้ด้วยไม่ต้องคาดหวังว่าเขาจะทำอะไรกลับมาให้เรา ให้เพราะว่าเรามีความสุขกับการให้ แล้วมันก็จะกลับมาหาเราแบบนั้นจริงๆ สิ่งดีๆ ก็เหมือนกระจก ที่เราส่งไปมันก็จะกลับมาให้กับเรา ดาวเอารายได้ส่วนหนึ่งเอาไปบริจาคให้กับศูนย์เด็กกำพร้าที่ดาวเคยอยู่ด้วยค่ะ เขาก็ดีใจมากๆ ที่ดาวกลับไปให้ความช่วยเหลือ เพราะว่าหลักๆ เลยเด็กๆ ที่อยู่ในนั้นดาวเคยมีความคิดแบบนี้ ก็คือเหมือนกับเราไม่มีอนาคต เราไปอยู่ศูนย์เด็กกำพร้าเดี๋ยวเราโตมาเราก็ทำงานแบบไม่มีอนาคตเหมือนคนอื่น แต่พอเขาเห็นเราเข้าไปให้ความช่วยเหลือ เขาก็เห็นว่าอนาคตของเขาสดใสนะ เขาเห็นเราเป็นแบบอย่าง ถ้าเขาตั้งใจเรียนเป็นเด็กดี เขาก็มีอนาคตที่สดใสแบบนี้ได้ อันนั้นคือสิ่งที่ดาวภูมิใจมากที่สุดที่ดาวกลับไปให้ความช่วยเหลือตรงนี้ได้ อย่างเช่นหน้าหนาวเราก็ไปแจกพวกผ้าห่ม บางทีก็แจกรองเท้าแตะบ้าง บางทีก็แจกอาหาร เป็นบาบีคิว สปาเก็ตตี้ หมูกระทะที่เด็กๆ ชอบกินกัน ไปเยี่ยมปีละประมาณ 3-4 ครั้ง ก็แล้วแต่โอกาส อย่างโควิดก็ไม่ได้กลับเลย เข้าไปก็ให้ความรักเขา เพราะเราก็รู้ว่าเราก็เคยอยากได้ความรักมากๆ เขาก็คงอยากได้แบบนั้นเหมือนกัน |
สัมภาษณ์: ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง: พัชรินทร์ ชัยสิงห์
คลิป: อิสสริยา อาชวานันทกุล
ภาพเคลื่อนไหว: กีรติ เอี่ยมโสภณ
ภาพ: ธัชกร กิจไชยภณ
ขอบคุณภาพ: แฟนเพจ “Fit Kab Dao”
ขอบคุณสถานที่: ฟิตเนส “PRA-AR-TIT FIT24 HRS” (ถนนพระอาทิตย์)
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **