เจาะกลยุทธ์ยูทูปเบอร์สายฮา “สไปรท์บะบะบิ” ทำคนท้องแข็ง แลกเดือนละแสน!!
เปิดชีวิต “สไปรท์ บั้ง” ยูทูปเบอร์ที่โด่งดัง จากการรีแคปนางงาม จนกลายเป็นยูทูปเบอร์สุดฮอต ทำไม่ถึงปีสร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 อาชีพนี้กลายเป็นรายได้หลักในการเลี้ยงดูครอบครัว กับการโดนเหยียด โดนบูลลี่มาตั้งแต่เด็ก จากการเป็นเพศที่สาม พร้อมวิเคราะห์ วงการนางงามไทย แบบไม่มีกั๊ก กับสายสะพายที่ต่างชาติต้องกลัว
รายได้หลักแสนต่อเดือน ยูทูปเบอร์อาชีพที่สร้างรายได้ช่วงโควิด-19
“เดี๋ยวนี้รายการมันเต็มไปหมดในยูทูป จะทำยังไงให้รายการมันแตกต่างจากคนอื่นยากมาก เพราะว่าจะทำอะไรมันก็มีคนทำหมดแล้ว ถ้าคิดจะทำต้องเริ่ม อย่ามัวแต่แบบว่าเดี๋ยวค่อยทำ คิดไม่ออกเดี๋ยวค่อยทำ
อย่างไปรท์คิดแป๊บเดียว แล้วตัดสินใจทำเลย แล้วคิดดูซิว่าถ้าไม่คิด ไม่ตัดสินใจทำตอนนั้น แล้วมันมีวิกฤตตอนนี้ จะเอาอะไรกิน (หัวเราะ) ถ้าย้อนกลับไปเดือนกันยายนปีที่แล้ว ถ้าไม่คิดจะทำอันนี้”
สไปรท์-พัชร์ธีรัตน์ แหลมหลวง วัย 30 ปี หรือที่คนรู้จักในนาม “สไปรท์บั้ง” หรือ “สไปรท์ บะบะบิ” เจ้าของช่องยูทูปเบอร์ “SPRITE BANG” ที่โด่งดังจากการทำรีแคปวงการประกวดนางงาม หรือที่เราเรียกว่า การวิเคราะห์นางงาม รวมไปถึงการนำรายการต่างๆ ที่เป็นกระแส อย่างรายการ The Face Thailand หยิบขึ้นมาพูดคุย
ด้วยความที่เป็นคนพูดตรงๆ ในการวิเคราะห์แบบไม่มีกั๊ก บวกกับความตลกความเป็นธรรมชาติ จึงทำให้คนชื่นชอบ เรียกได้ว่าเป็นยูทูปเบอร์ที่ทำมาได้ไม่ถึงปี ก็ประสบความสำเร็จ แถมยังในช่วงสถานการณ์โควิด-19 อาชีพนี้กลับเป็นรายได้หลักในการเลี้ยงดูครอบครัวให้สู้กับวิกฤตครั้งนี้ได้
“ขั้นสุดค่ะ (หัวเราะ) ช่วยชีวิตขั้นสุด เพราะว่าก่อนหน้าที่จะมีโควิดเราก็ทำยูทูปเบอร์มาแล้วใช่ไหมคะ เพราฉะนั้นเงินเก็บในการทำยูทูปเบอร์ตรงนั้นก็มาใช้ในช่วงนี้หมด เศร้า จริงๆ เงินเก็บไม่ควรเอามาใช้ในช่วงนี้นะคะ เงินเก็บควรจะเก็บ แต่ว่าต้องเอามาใช้ ก็คือ เงินเก็บมีวันหมดอยู่ดี
ณ ตอนนี้เลยก็คือจากยูทูปเบอร์ค่ะ เพราะว่าตอนนี้ที่ร้านเช่าชุดรายได้คือศูนย์ เราปิดร้านไปเต็มๆ ก็คือ เดือนที่แล้ว (เมษายน) มันก็เลยทำให้ตอนนี้หลักอยู่ที่ยูทูปเบอร์
แต่เมื่อก่อน ตอนที่ร้านยังไม่ได้ปิด มันก็จะ ห้าสิบห้าสิบ ก็จะมาจากยูทูปเบอร์ แล้วก็มาจากร้านด้วย แต่เมื่อก่อนเลยที่ยังไม่ได้เป็นยูทูปเบอร์ก็จะมาจากร้าน 100 เปอร์เซ็นต์
แล้วพอตอนนี้มาเป็นยูทูปเบอร์เราก็จะมีรายได้ แต่ยูทูปเบอร์รายได้ค่อนข้างดี ถ้าเกิดสมมติว่าเรามีช่องเป็นของตัวเอง ช่องถึงเกณฑ์ที่สามารถทำรายได้ ยูทูปเขาก็จะมีเกณฑ์ของเขาว่า subscribe ต้องเท่าไหร่ ยอดวิวต้องกี่นาที เขาก็จะมีลิสต์ของเขาอยู่ คือถึงเกณฑ์ปุ๊บ คุณสามารถสร้างรายได้ ถ้ามีโฆษณามาลงใช่ไหมคะ
นอกจากยอดวิวที่สร้างรายได้ให้กับเราแล้ว เราก็จะได้รายได้จากสปอนเซอร์ที่เข้ามาสนับสนุนในรายการต่างๆ ของช่องด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นรายได้ของยูทูปเบอร์ก็จะดี อย่างที่เราเห็นว่ายูทูปเบอร์หลายๆ คน ก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้จากสิ่งนี้ แล้วก็ทำเป็นธุรกิจเลย ทำเป็นบริษัทใหญ่ มีเสียภาษีกันยิ่งใหญ่ ยูทูปเบอร์จริงๆ แล้ว เป็นอาชีพที่รายได้ดีค่ะ”
ยอมรับว่า รายได้หรือค่าตอบแทนที่ได้ในการทำอาชีพนี้นั้นหลักแสนต่อเดือน แต่ถึงจะมีรายได้เยอะ รายจ่ายก็มีเยอะเช่นเดียวกัน
“รายได้ก็คือดีอยู่แล้วค่ะ ถึงแสนอยู่แล้วค่ะต่อเดือน ถ้าบอกไม่ถึงแสนก็คือปลอม เพราะยังไงก็ถึงแสนอยู่แล้ว เพราะว่ารายได้ถึงแสนจริง รายจ่ายก็เป็นแสนเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ)”
จริงๆ แล้วแต่เดือนค่ะ อย่างช่วงก่อนอาจจะใช่ ช่วงแรกๆ ช่วงที่มีการประกวดนางงาม อาจจะใช่ แต่ว่าช่วงโคโรนา โควิดเนี่ยมันก็จะ ลูกค้าก็จะระวังในการใช้เงินมากขึ้น ลูกค้าที่เป็นเอเยนซี่ มีเดียต่างๆ หรือว่ารวมถึงลูกค้าที่เป็นเจ้าของแบรนด์โปรดักส์ต่างๆ ก็จะเริ่มคิดมากขึ้นกับการใช้เงินในแต่ละบาท
เพราะว่าตอนนี้เศรษฐกิจมันก็ค่อนข้างจะไม่ดีเท่าไหร่ใช่ไหมคะ ลูกค้าก็จะคิดเยอะ แล้วก็อาจจะลดปริมาณ ลดงบประมาณลง จากเมื่อก่อนอาจจะเคยให้เราเยอะ ตอนนี้ก็จะมาต่อรองแล้วว่าตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีนะ อาจจะลดเรตลงมาหน่อย
ซึ่งเราก็ลดแลกแจกแถมอย่างเต็มที่ สมมติเมื่อก่อนช่องทางโซเชียลของเราช่องทางหนึ่ง สมมติคิดเขาไปจำนวนนึง อีกช่องทางนึงคิดเขาไปจำนวนนึง แต่ตอนนี้คือซื้อช่องทางนึงแถมหมดเลย ทั้งในติ๊กต๊อก ทวิตเตอร์ ไอจี
เมื่อก่อนคือ แต่ละช่องทางจะมีมูลค่าของใครของมัน แต่ตอนนี้คือถ้าคุณซื้อไอจีเหรอคะ เดี๋ยวแถมทวิตเตอร์ให้เลยค่ะ เดี๋ยวแถมติ๊กต๊อกให้เลยค่ะ”
แม้จะทำมาได้ไม่ถึงปี ก็นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งที่ตอนแรกคิดเพียงว่าทำขึ้นมาเพื่อกลุ่มแฟนคลับเท่านั้น แต่ตอนนี้เริ่มขยายวงกว้าง เติบโตกลายเป็นให้คนรู้จักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ตอนแรกเราคิดว่าเราทำขึ้นมาเพื่อกลุ่มแฟนคลับ ตอนนี้มันเริ่มไม่ใช่แล้ว มันเริ่มขยายโตขึ้นไปจากคนที่ไม่รู้จัก กลายเป็นรู้จักเราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มันก็เลยกลายเป็นไม่ใช่กลุ่มแฟนคลับแล้ว มันกลายเป็นกลุ่มคนใหม่บ้างที่เข้ามา กลุ่มแฟนคลับเดิมก็ยังมี กลุ่มแฟนคลับสมัย the face ก็ยังมี ก็ขยับขึ้นเรื่อยๆ
ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วสำหรับเรา คือ สำหรับเราความสุขของการเป็นยูทูปเบอร์ คือ การลงคอนเทนต์ในสิ่งที่เราชอบ ในสิ่งที่เรามีความสุข เพราะฉะนั้นคนดูจะเท่าไหร่ จะศูนย์วิว ก็ไม่ได้ซีเรียส เพราะว่าเราลงคลิปที่เรามีความสุขให้คนอื่นได้เห็น แต่ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่มันมีลูกค้าก็ซีเรียสหน่อย เพราะว่าเกรงใจเขา ก็อยากให้มาดูกันเยอะๆ ถ้ามีลูกค้า
เพราะว่าส่วนตัวเราถ้าไม่มีลูกค้า เราไม่ค่อยซีหรอก เพราว่าเราได้มีความสุขกับการทำยูทูป จะกี่วิวเราก็มีความสุข แต่ว่าถ้ามีลูกค้าก็เกรงใจ (หัวเราะ)”
เบื้องหลังกว่าจะมาเป็น “ยูทูปเบอร์” สุดปัง
จุดเริ่มต้นที่ทำให้เป็นที่รู้จักมากจากการถูกเชิญไปรีแคปรายการ “The Face Thailand” ในช่องยูทูปของเพื่อนที่ชื่อช่อง “Bryan Tan” ด้วยคาแรกเตอร์ติดตลก เป็นกันเอง ทำให้ผู้ชมเข้าถึงง่าย จึงทำให้เริ่มมาคนติดตามตั้งแต่ตอนนั้นมา
“ก็คือจริงๆ แล้ว มันมาจากก่อนอื่นเลยเรามาฟีเจอร์ริงกับช่องของเพื่อน เหมือนไปเป็นแขกรับเชิญ ไปเป็น
Guestr พิเศษในการรีแคปรายการ “The Face Thailand” ในช่องของ “Bryan Tan”
ทีนี้พอเราได้ทำการรีแคปมาตรงนั้น เราก็เริ่มมีคนรู้จัก เริ่มมีฐานแฟนคลับ เริ่มมีแบบบุคคลที่เขาชื่นชอบในคาแรกเตอร์ของการรีแอกชัน ในการรีแคปของเรามาตั้งแต่ตอนนั้น
เพราะว่าไบรอันก็จะเล็งเห็นว่าเรามีความชื่นชอบในเรื่องของแฟชัน นางแบบอะไรอย่างนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาก็เลยเชิญเราไปรีแอกชัน รีแคปรายการ the face อย่างนี้ค่ะ ด้วยคาแรคเตอร์ของเราก็เลยมีคนติดตามกัน”
เริ่มจากไปเป็นแขกรับเชิญให้ช่องของเพื่อน จึงเริ่มทำให้มีฐานแฟนคลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนเรียกร้องอยากให้เปิดเป็นช่องของตัวเอง หลังจากไปแจมกับเพื่อนมาเกือบ 3 ปี จนในที่สุดก็เปิดเป็นช่องของตัวเอง
“ทำรีแคป ทำรีแอกในช่องนั้นมาประมาณเกือบ 2-3 ปีได้ ก็เริ่มมีฐานแฟนคลับขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเขาก็อยากเห็นว่าถ้าเรามีช่องของตัวเอง เราจะมีช่องแบบไหน แล้วเราจะทำอะไร ทำรายการอะไรบ้าง เขาก็เลยเชียร์ให้เราทำช่องเป็นของตัวเอง อยากเห็นมุมมอง ไลฟ์สไตล์อื่นๆ
นอกจากการรีแคปเรายังมีรายการอื่นๆ อีกไหม เรายังมีรายการแฟชัน หรือรายการอาหารอะไรอย่างนี้ เราก็เลยโอเค ไหนๆ มันถึงเวลาแล้วแหละ มันนานแล้ว เพราะว่าปกติจริงๆ แล้วเราจะต้องทำตั้งแต่ทำกับไบรอันใหม่ๆ แล้ว
แต่ว่าตอนนั้นทำธุรกิจร้านเช่าชุดที่เชียงใหม่ด้วย ก็เลยไม่ว่าง ก็เลยแบบว่าทำแค่ไป enjoy ช่องเขาเฉยๆ แต่ตอนนี้เราโอเค เราอยากแบ่งเวลา แล้วเราก็อยากมีช่องเป็นของตัวเอง แล้วก็เลยตัดสินใจที่จะทำ”
เส้นทางกว่ามาเป็นยูทูปเบอร์สุดปังได้ขนาดนี้ เมื่อก่อนก็ยอมรับว่าต้องผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกันเธอเล่าว่าหลังจากเรียนจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่บ้านเกิด ก็เข้ามาทำงานเป็นครีเอทีฟรายการชื่อดัง อย่างรายการ “ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์”
“เมื่อก่อนพอหลังจากเรียนจบที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เราก็มาทำงานที่กรุงเทพฯ เลย งานแรกก็จะเป็นการเป็นครีเอทีฟรายการโทรทัศน์ ชื่อว่ารายการ ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์ อันนั้นจะเป็นงานแรกค่ะที่ได้เข้ามา เราก็เป็นเบื้องหลังมาก่อน ทำครีเอทีฟรายการมาก่อน กับพี่โอปอล์ กับ อาไก่ สมพล บริษัท ZENSE Entertainment
ทีนี้เราก็ทำรายการนั้นมาประมาณปีหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็ไปทำกับแบรนด์ ชื่อว่าเครื่องสำอาง The Balm เราก็จะไปทำในส่วนของการเป็นครีเอทีฟ ช่วยคิดคอนเซ็ปต์ คอนเทนต์ของโปรดักส์ ของแบรนด์เครื่องสำอางนั้น
เสร็จแล้วพอหลังจากครีเอทีฟเครื่องสำอางเสร็จ เราก็มาทำในส่วนของการเป็น AE (Account Executive) บริษัทอีเวนต์ ก็จะคอยประสานงานระหว่างในทีมกับลูกค้า ว่าลูกค้าต้องการอะไร แล้วเราก็เอามาบอกในทีม ใช่ค่ะก็ดูแลเกี่ยวกับของลูกค้า”
หลังจากใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ มานานกว่า 6 ปี ดิ้นรนทำตามฝัน ใช้วิชาที่เรียนมาประกอบอาชีพ แต่ด้วยความที่ไม่ชอบความวุ่นวายในเมืองกรุง ไม่ชอบการแข่งขัน สังคมแออัด และรู้สึกว่าอิ่มตัวจากหน้าที่การงานแล้ว บวกกับการทำงานมีปัญหา จึงหันหลังกลับบ้านเกิดที่เชียงใหม่
“ในระหว่างที่อยู่กรุงเทพฯ ตอนนั้นหลังจากที่จบมาจากเชียงใหม่ มาทำงานกรุงเทพฯ ก็อยู่ประมาณ 5-6 ปี มั้งคะ แล้วเราก็อยู่กรุงเทพฯ ก็ใช้ชีวิตปกติเลย ก็อยู่ห้องพัก เดือนละประมาณ 3,000-4,000 บาท อย่างนี้ ก็อยู่ง่ายๆ ขึ้นรถเมล์ นั่งมอเตอร์ไซค์ธรรมดาทั่วไป
ในระหว่างทำงานในบริษัทต่างๆ มันก็มีปัญหาต่างๆ เป็นธรรมดาค่ะ คนเราทำงานมันก็มีปัญหาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะกับงาน กับลูกค้า เพื่อนร่วมงาน อะไรใดๆ ก็ตามมันก็มีปัญหาอยู่แล้ว
จนทำให้เรารู้สึกว่า โอเคเราอิ่มตัวกับกรุงเทพฯ ประเด็นคือเราไม่ชอบความวุ่นวายสักเท่าไหร่ คือ กรุงเทพฯ ทุกคนจะแข่งกันอยู่ แข่งกันกิน แข่งกันใช้อะไรอย่างนี้ แล้วมันก็จะวุ่นวาย เพราะว่าประชากรค่อนข้างหนาแน่น
แล้วตอนนั้นเราอยู่ มันก็แบบหนาแน่นจริงๆ ทุกๆ BTS ตอนเลิกงานก็จะเบียดเสียดกันยิ่งกว่า คือ ถ้าเป็นตอนนี้ก็คือรับบทติดโคโรนากัน แล้วตอนนี้ก็คือไม่ได้แล้ว
รู้สึกว่าอิ่มตัวแล้วกับกรุงเทพฯ ก็เลยแบบว่า แล้วยิ่งมีปัญหากับที่ทำงานเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันต่างๆ ก็เลยแบบว่าเบื่อ โอเคเรากลับไปอยู่ดูแลครอบครัว เพราะว่าไปรท์มีครอบครัวอยู่ที่เชียงใหม่ มีพ่อแม่ พี่สาว มีหลานอยู่”
อยากกลับบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เหตุผลที่สำคัญนอกจากเบื่อเมืองกรุง สังคมแออัด ชีวิตวุ่นวายแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งคืออยากกลับไปดูแลครอบครัว เพราะคิดว่าชีวิตนี้มันสั้น ถ้ามีเวลาอยู่กับครอบครัว ก็จะทำให้เต็มที่
“ก็เลยคิดว่าโอเคชีวิตมันสั้น จริงๆ แล้วเราก็เป็นคนติดบ้าน ติดครอบครัว แล้วเราก็อยู่กับพ่อแม่ เลี้ยงดูกันมาอย่างใกล้ชิดก็เลยทำให้เรารู้สึกว่า เราอยากกลับไปบ้าน เพื่อไปดูแลพ่อแม่ใกล้ๆ ในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ โดยที่เราก็ค่อยๆ สร้างเนื้อสร้างตัว ทำธุรกิจเล็กๆ แล้วก็ดูแลเขาไปด้วยดีกว่า ดีกว่า
เรามาดิ้นรนในกรุงเทพฯ โดยที่แบบไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะจบ ก็เลยแบบว่าโอเค กลับไปอยู่เชียงใหม่ แล้วก็ทำร้านเช่าชุดราตรีเล็กๆ ชุดแต่งงานเล็กๆ ของเราเอง แล้วก็อยู่ดูแลพ่อแม่ไปด้วย จนพอเราอยู่เชียงใหม่ ไบรอันเห็นว่าเราอยู่เชียงใหม่ ตอนนั้นไบรอันก็อยู่เชียงใหม่เหมือนกัน ก็เลยชักชวนเราให้เข้าสู่การไปเป็น Guest ในช่องของเขา อันนี้ก็คือเส้นทาง
จริงๆ เราก็เป็นธรรมดาคนหนึ่ง ที่บ้านไม่ได้มีฐานนะร่ำรวยอะไร เป็นแบบปานกลาง ไม่ได้รวย แล้วก็ไม่ได้แบบว่ายากแค้น ก็พอมีพอกิน”
ปั่นเก่งจน “บะบะบิ” เป็นไวรัลคำฮิต
ทุกวันนี้การที่จะมีชื่อเสียงโด่งดัง หรืออยากเป็นที่รู้จักในสังคม สำคัญเลยต้องมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนเป็นของตัวเอง สำหรับสไปรท์ยูทูปเบอร์ผู้โด่งดังคนนี้ ก็นับว่ามีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเองที่ชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำช่อง ด้วยการพูดคำว่าบะบะบิ ด้วยการลากเสียงยาว บวกกับใบหน้าที่แสดงออกมาด้วยความตลก โดยต้นกล่าวทักทายแฟนคลับที่เข้ามาดู ที่หลายคนเพียงแค่พูดว่าสวัสดี แต่ด้วยความที่อยากเรียกเสียงหัวเราะ เธอจึงมีการแนะนำตัวที่แปลกแตกต่างออกไปจากคนอื่น กลายเป็นว่าคนพยายามเลียนแบบความตลก ทำให้เกิดเป็นไวรัลจนโด่งดัง
“มันมาจากชื่อช่องค่ะ ชื่อช่องก็คือ สไปรท์บั้งใช่ไหมคะ ทีนี่คือการที่เราจะแบบว่า สวัสดีค่ะและนี่ก็คือช่องของสไปรท์บั้งมันก็จะขัดเขินไปนิดนึง สั้นกุดดุดไปหน่อย
เราก็เลยแบบว่าด้วยความที่เป็นสไตล์เรา เราก็ต้องการให้มันมีการแบบว่ายืดยาวนิดนึง เติมสร้อย เติมอาหาร เติมการขยายความเข้าไป มันก็เลยกลายเป็นแบบตามที่ทุกคนเห็น แล้วก็รู้สึกว่าพอเติมสร้อย หางเข้าไปก็เป็นเรามากขึ้น
ก็เลียนแบบได้เลย ก็แสดงว่าเขาชื่นชอบในการพูดคำนั้นของเรา จริงๆ คำนี้มันทำให้เป็นไวรัลในสื่อต่างๆ ทำให้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น เขาก็จะงงว่าอันนี้ชื่อช่องอะไร แล้วก็เข้ามาดูว่าอ๋อเป็นช่องนี้นะ เป็นการติดตามมาจากคำนี้ของเรา”
หากใครที่เคยเข้าไปดูช่องของสไปรท์บั้ง ก็จะเห็นได้ว่าจะแบ่งออกเป็น 3 รายการ รายการแต่งองค์ทรงเครื่อง, ชายเมี่ยงเชียงใหม่ เป็นรายการแซวผู้ชาย และรายการซื้อกิน เกี่ยวกับรายการอาหาร พาไปชิมอาหารอร่อยๆ
และเธอบอกยังย้ำว่า รายการทุกอย่างที่ทำเป็นการสะท้อนตัวตนของตัวเองทั้งหมด และเป็นสิ่งที่ชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นแฟชัน ผู้ชาย และของกิน เป็นสิ่งที่ชอบทั้งนั้น
“ตัวตนเราก็เป็นแบบนี้ แล้วเราก็เลยแสดงตัวตนของเราตรงนี้ออกมาให้คนดูเขาได้เห็นถึงความเป็นเราจริงๆ ว่าเราเป็นแบบนี้ ถ้าสมมติว่าเราแอ๊บแบบอยู่นิ่งๆ อะไรอย่างนี้มันก็ได้แป๊บเดียว
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นทุกรายการที่ไปรท์ได้ทำลงไปในช่อง ไปรท์จะทำให้ทุกๆ รายการให้เป็นสไตล์ตัวเองทั้งหมด มันก็เลยทำให้คนดู สัมผัสถึงตัวตนของเราได้ สัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติของเราได้ว่าเราไม่ได้เฟก เราไม่ได้ปลอม
เราคิดยังไงเราพูดอย่างนั้น เราเป็นคนยังไง เราก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างนั้น อยู่กับเพื่อน หรืออยู่กับพ่อแม่เราเป็นยังไง เราก็ให้ทุกคนได้เห็นตัวตนเราแบบนั้น
รายการ ทุกๆ รายการในช่องมันสะท้อนตัวตนของเราทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแฟชัน ผู้ชาย อาหาร นางงาม สะท้อนความชอบของเราทั้งหมด เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่เราชอบ เราก็เลยไมได้แบบรู้สึกทำได้แป๊บเดียวแล้วรู้สึกเบื่อหรือว่าอะไร แต่มันทำแล้วมันสนุก เพราว่ามันเป็นสิ่งที่เราชอบ”
ส่วนคำถาม ที่ว่าทำไมคนถึงติดตามเยอะ ทำให้เป็นที่รู้จัก และคนให้ความสนใจเยอะ เธอบอกว่าไวรัลเหล่านั้นมาจากหลายช่องทาง เพราะทุกวันนี้โซเชียลไปถึงกันได้ง่าย ยิ่งอะไรที่เรียกเสียงหัวเราะคนก็ยิ่งชอบดู ยิ่งหากมีตัวตนที่ชัดเจนก็ทำให้สะดุดตาผู้ชมง่ายขึ้น
“ไปรท์ว่าจริงๆ แล้ว มันมาจากหลายๆ ช่องทาง บางทีสมมติว่าเรารีแคปนางงามอยู่ แล้วรีแคปนางงามมันกลายเป็นมีมเกิดขึ้น เป็นไวรัลเกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงนึงของการรีแคปนางงาม
เขาก็ไปตัดแล้วก็ลงในทวิตเตอร์ มันก็เลยทำให้แบบหลายๆ คลิปมันจะมีช่วงบางช่วงเล็กๆ สั้นๆ ที่เขานำไปตัดๆ แล้วก็ปล่อยในไวรัล ในทวิตเตอร์ ในไอจี รวมถึงเพจดังๆ หลายๆ เพจ ทั้งในเฟซบุ๊ก แล้วก็ในไอจี อย่างเช่น เบาสมอง คลับฮา ลงไว้ทำให้เราก็มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้น”
ในโซเชียลมันอาจจะไม่มีบุคคลที่เป็นลักษณะแบบนี้อะไรอย่างนี้ค่ะอยู่ในวงการ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่มีคาแรกเตอร์ที่เป็นผู้เป็นคนหน่อย แต่เราก็จะมีความเป็นแบบว่าเอะยังไง หรือเป็นคนไหมอะไรอย่างนี้ เขาก็จะแบบว่างงๆ อยู่ แต่ว่ามันอาจจะเป็นคาแรกเตอร์ที่แปลกอยู่ในวงการ เพราะฉะนั้นก็จะทำให้เป็นที่จับตามอง เป็นจุดสนใจอะไรอย่างนี้ค่ะ
ในช่องของเราก็จะมีทั้งกลุ่มแฟนนางงามที่เป็นผู้ติดตาม แล้วคนอื่นที่ไม่ได้ติดตามนางงาม แต่ติดตามไลฟ์สไตล์ของเรา หรือบางคนที่ไม่เคยดูนางงาม แล้วเห็นเราทำรายการนางงาม เขาก็มาดูนางงามเลยนะคะ เพราะว่าเห็นเราพูด เห็นเรารีแอกชันอะไรอย่างนี้ เขาก็เลยตามมาดูนางงามกับเรา
เรียกได้ว่านอกจอกับในจอก็ไม่ได้ต่างกัน ยืนยันว่า เห็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ไม่ได้สร้างตัวตนมาเพื่อให้คนชื่นชอบ
“แล้วนอกจอกับในจอก็ไม่ได้ต่างค่ะ จริงๆ มันก็เป็นตัวตนของเราทั้งหมดแหละ อยู่ที่สถานการณ์นั้นๆ เฉยๆ คนเรามันก็มีตัวตน ในแต่ละสถานการณ์ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่มันก็เป็นเวอร์ชันเราในแบบต่างๆ แค่นั้นเอง”
ตั้งตนเป็นเสาหลัก เพื่อดูแลครอบครัว
หลังจากอิ่มตัวจากอาชีพหลักที่กรุงเทพฯ ก็ได้เล็งเห็นว่าช่องโหว่จังหวัดเชียงใหม่ยังไม่มีร้านเช่าชุดราตรีสไตล์คล้ายๆ กรุงเทพฯ เธอเล่าว่าอยู่กรุงเทพฯ มานานเกือบ 6 ปี ก็จะเล็งเห็นแฟชันในกรุงเทพฯ บวกกับเป็นคนที่ชื่นชอบเรื่องของแฟชันอยู่แล้ว
จึงตัดสินใจหันมาทำธุรกิจร้านเช่าชุดที่มีชื่อว่า “ANGELLA” ทำธุรกิจไปด้วย เลี้ยงดูครอบครัวไปด้วย พร้อมทั้งตั้งตนเป็นเสาหลักของครอบครัวอีกด้วย
“รับบทเป็นเสาหลัก รับบทน่าสงสาร (หัวเราะ) ก็คือ จริงๆ แล้วพ่อก็เกษียณแล้ว อายุเยอะแล้ว คุณแม่ไม่ได้ทำงานแล้ว เพราะว่าก็อายุเยอะแล้วเหมือนกัน แล้วเราก็เลยหาเลี้ยงดูครอบครัว โดยที่พ่อแม่ก็ไม่ได้ทำงาน ค่าใช้จ่ายของบ้าน ของครอบครัวทั้งหมด ก็อยู่ในการดูแลของเรา
รวมถึงไปรท์มีพี่สาว พี่สาวก็มีครอบครัว มีหลานให้พ่อแม่แบบว่าตอนนี้ก็ enjoy เล่นกันที่บ้านอะไรอย่างนี้ เราก็ซัปพอร์ตดูแลครอบครัวของพี่สาวด้วย ช่วยดูแลด้วย เพราะฉะนั้นเราก็ดูแลค่อนข้างหลายคน ไหนจะมีพนักงานที่ร้านอีก ก็รับบทเป็นเสาหลักค่ะ”
ไม่ใช่ว่ากลัวครอบครัวไม่ยอมรับ จึงตั้งตัวเองเป็นเสาหลัก เพียงแต่ยอมรับว่าครอบครัวเป็นห่วงมากกว่า แต่ก็สามารถพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าสามารถสร้างเนื้อสร้างตัว เลี้ยงดูอีกหลายชีวิตในครอบครัวได้
“เมื่อก่อนคือประมาณว่าครอบครัวก็เห็นว่าเราเป็นเพศแบบนี้ แล้วเราก็ยังไม่ได้มีหน้าที่การงานที่แบบว่า มีร้าน หรือว่าแบบมีชื่อเสียงขึ้นมาแบบนี้ เขาก็เลยยังมองไม่เห็นภาพว่าในการที่เป็นเพศแบบนี้เนี่ย มันจะมีอาชีพที่ดีไหม
เพราะว่าจริงๆ แล้วถ้าเป็นแบบอย่างแต่งชาย ยังเป็นสจ๊วต ยังเป็นอะไรอย่างนั้นตามสไตล์ของเขาที่เขาคิด เพราะว่าคนรอบตัวของเขาที่เขาเห็นว่าประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะเป็นคนที่แบบว่ายังแต่งเป็นผู้ชายอยู่
แต่ทีนี้พอแต่งเป็นผู้หญิงแบบนี้ เขาก็คิดว่ามันจะไปในทางไหนได้ในการสร้างเนื้อสร้างตัว แต่พอเรามาถึงในจุดนี้แล้ว ในการที่มาอยู่ในจุดที่ดูแลเขาได้ ดูแลครอบครัวได้แล้ว หาเงิน เป็นหลักในการหาเงินได้ เขาก็คือหายห่วงเลย แล้วก็ยอมรับในสิ่งที่เราเป็นค่ะ
ตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วแหละว่าเราก็คือต้องรับบทบาทเป็นเสาหลัก ด้วยความที่จริงๆ แล้วพ่อแม่ก็ทำงานมาค่อนข้างเยอะ คุณพ่อคุณแม่ก็ทำงานมาหนัก ในตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาก็เป็นคนค่อนข้างที่จะทำงานหนักพอสมควรคุณพ่อเป็นผู้จัดการแบงก์ คุณแม่ก็มีเคยเปิดร้านวัสดุก่อสร้าง เปิดร้านอาหาร
คือเขาก็ทำงานหนักเพื่อเรามาโดยตลอดในการหาเงินค่าเทอม คือไปรท์เรียนโรงเรียนค่าเทอมที่ค่อนข้างจะสูงนิดหนึ่งเมื่อก่อนนะคะตอนเรียนมัธยม โรงเรียนค่อนข้างค่าเทอมสูง เขาก็เลยต้องรับผิดชอบเราในการดูแลค่าเทอม ค่าครองชีพต่างๆ ของเราที่ผ่านมา ก็เลยถึงเวลาแล้วที่เราต้องดูแลเขาบ้าง อะไรอย่างนี้ค่ะ”
เบื้องหน้าเรียกเสียงหัวเราะ เบื้องหลังโดนบูลลี่
เห็นเป็นคนเฮฮาตลก แน่นอนว่าเบื้องหลังก็ต้องมีมุมเศร้า เธอบอกว่าเคยโดนบูลลี่ ถูกเหยียดมาตั้งแต่เด็ก เพียงแค่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่านั่นคือการบูลลี่
ถึงแม้จะโดนบูลลี่มาตั้งแต่เด็ก แต่นั่นก็ถือว่าเป็นเกาะป้องกันที่ดี ทำให้ทุกวันนี้สามารถรับมือกับคนเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
“ก็มีอยู่แล้วเป็นธรรมดาค่ะ เป็นเพศอย่างนี้ก็คือบูลลี่มาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่ามันคือการบูลลี่ แต่เราก็ชินมาตั้งแต่เด็กแล้ว
จริงๆ ตั้งแต่เด็กเราก็ถูกบูลลี่ ถูกเหยียด ทั้งในสถาบันมัธยมศึกษามาตั้งแต่เด็กแล้ว ทำให้เรามีพละกำลัง มีเกาะที่จะแบบว่าคุ้มกันเรามาตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้วในการบูลลี่ มาถึงตอนนี้ก็คือจิ๊บๆ ไปเลย ชินแล้วกับคอมเมนต์อะไรที่มันลบๆ อะไรอย่างนี้”
วิธีจัดการ หรือวิธีรับมือกับคนที่เข้ามาบูลลี่ หรือว่าเจอคอมเมนต์ด้านลบ ยูทูปเบอร์สุดปังคนนี้เธอบอกว่าจะไม่เก็บเอามาใส่ใจ ไม่เก็บไปคิดมากให้รกสมอง เลือกที่จะลืม และเลือกที่จะใส่ใจเพียงแค่ด้านดีเท่านั้น
“คือ ความคิดของไปรท์จริงๆ แล้วข้อดีนิดนึง คือเป็นคนที่ไม่ค่อยจำ คือ ความจำไม่ดีประเด็น ก็เลยไม่ค่อยจำอะไรที่มันไม่ดีด้วย ก็เลยลืมๆ ไป
แล้วก็มันจะมีคอมเมนต์บวก เราก็จะโฟกัสกับคอมเมนต์บวกมากกว่า แล้วก็ให้เวลาความคิดเราอยู่กับคอมเมนต์บวกซะมากกว่า
สมมติมีคอมเมนต์ลบมาในข้างล่างคอมเมนต์ยูทูปใช่ไหมคะ เราก็จะลบเลย เราจะไม่ค่อยเข้าไปตอบโต้ ไม่ไปที่จะ สลับเถียงกันไปมาแบบนั้น เราก็เลือกที่จะลบเลย
เพราะถ้าเมื่อเราไม่ลบ แล้วเราไม่เห็น แฟนคลับก็จะไปนั่งทะเลาะกับคนที่เข้ามาด่าเรา ซึ่งเราก็เสียเวลาการทำมาหากินของแฟนคลับเราด้วย ก็กดลบเลยจ๊ะ
สมมติในไลฟ์สดในยูทูปคอมเมนต์ลบมา เราเลือกที่จะลบไปดีกว่า เพราะว่าจริงๆ เรา Control ไม่ได้หรอกค่ะ ต่างคนต่างความคิด ใครจะพิมพ์อะไรก็ได้แป๊บเดียว ทุกคนมีแป้นพิมพ์”
ส่วนวิธีการให้กำลังใจตัวเอง สำหรับเธอแล้วเลือกที่จะโฟกัสแค่ด้านบวก เพราะทุกวันนี้ก็มีคนส่งข้อความมาให้กำลัง หรือบอกว่าชื่นชอบอยู่ตลอด
“ให้กำลังใจเราก็อย่างที่บอก เราก็จะมองแต่คนที่ชอบเรา เพราะว่าทุกวันนี้มันก็จะมีคนส่ง dm (Direct Message) มาแล้วว่าชอบมากเลยค่ะ ติดตามอยู่นะคะ ติดตามมาจากคลิปนั้น ให้กำลังใจนะคะอย่างนี้อยู่ทุกวัน อยู่แล้ว
คนจะ dm มาบ่อย แล้วคนก็จะมาคอมเมนต์ในรูป ในยูทูปอยู่แล้วบ่อย แล้วเราก็เลยโอเคโฟกัสตรงนี้ ไม่ค่อยได้ใส่ใจกับคอมเมนต์ลบเท่าไหร่”
นางงามไทย สายสะพายที่ต่างชาติกลัว ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าพัฒนาไปไกล ก็ค่อนข้างเป็นสายสะพายที่แข็งแกร่งแล้วสำหรับตอนนี้ ที่ผ่านมา เราอาจจะมีเข้ารอบบ้าง 15 คนสุดท้าย แล้วก็ไม่เข้าเลย แล้วก็ไม่ค่อยดี ไม่ค่อยได้ซีนในการประกวดในเวที “Miss Universe” หลังจาก แนท-อนิพรณ์ เราก็เข้ารอบ ได้เดินทั้งรอบชุดว่ายน้ำ ชุดราตรีมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นมันก็ดีใจ ชื่นใจที่เห็นวงการนางงามไทยเรามาถึงจุดนี้ ต่างชาติจับตามอง เป็นหนึ่งในประเทศที่ต่างชาติกลัว หลังจากที่เมื่อก่อนต่างชาติไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าประเทศอะไรไทยหวันเหรอ งง แยกแยะไม่ออก ขี่ช้างเหรอ เมื่อก่อนก็จะคิดกันแบบนี้ใช่ไหมคะ แต่ว่าตอนนี้เราทำให้เขากลัวเราได้ ถือว่าสุดยอดมากๆ ละตินเอยที่เมื่อก่อนเขาแข็งแกร่งและสตรองมากในการเป็นนางงาม ตอนนี้เรากลายเป็นทำให้ละตินกลัวไทยแลนด์เราได้ เราอยู่ในจุดที่นางงามไทยเราอยู่ในยุคเรืองอำนาจ (หัวเราะ) |
ใช้โซเชียลช่วยผู้ป่วยขั้นวิกฤต ให้รอดชีวิต คือตอนนั้นเหมือนว่ามีพี่ที่รู้จักเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก น้องสาวของเขาป่วย แต่ตัวของพี่เขาเองอยู่ต่างประเทศ แล้วน้องเหมือนอยู่บ้านกับแฟนของพี่เขาตอนนั้น ซึ่งแฟนของพี่เขาไม่ได้เป็นคนไทย การประสานโรงพยาบาลต่างๆ ก็ลำบาก เพราะแฟนเขาก็ไมได้เป็นคนไทย จะสื่อสารก็ลำบาก แล้วอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเขาเป็นโรคประจำตัว แล้วก็ต้องแอดมิตเฉพาะทางอีก มันยากไปหมด เราก็นำเรื่องราวตรงนี้แชร์ลงในเฟซบุ๊กของเรา ซึ่งปกติเราก็แชร์อยู่แล้ว แชร์บุญ ช่วยชีวิตหมา บริจาคเลือดอะไรอย่างนี้ลงไปอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพอพี่เราน้องสาวเขาป่วย ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เราก็เลยแชร์โดยที่เราไม่รู้ว่าจะมีคนช่วยไหมอยู่แล้ว เพราะว่าในเคสต่างๆ มันก็จะค่อนข้างยาก เราก็ไม่รู้ว่าจะมีคนช่วยไหม พอเราแชร์ลงไปเสร็จปุ๊บก็จะมีคนช่วยกันแชร์เรื่อยๆ คนที่ติดตามเราในเฟซบุ๊ก ก็แชร์ช่วยกัน เวลาผ่านไปเรามาเจอพี่เขา เขาบอกว่าน้องสาวเขาหายดีแล้วนะ เพราะว่าจากคุณคนนี้ แล้วคุณคนนี้พี่ไม่รู้จักนะ แต่เขารู้จักเรา คือ คุณคนนี้เป็นแฟนคลับเรา แล้วคุณคนนี้ช่วยประสานงานโรงพยาบาล หมอ อาจารย์หมอต่างๆ ให้เลย คือเริ่ด เพราะว่าเขารู้จักจากการแชร์ของเราในเฟซบุ๊ก เขาเห็นการแชร์นี้เขาก็ช่วยประสานงานให้ จนจริงๆ แล้ววิกฤตของน้องเขาในตอนนั้น คือ การรอดเท่ากับศูนย์นะคะ แขวนอยู่บนเส้นด้าย หมอบอกว่าศูนย์เปอร์เซ็นต์ ทำให้กลับกลายว่าเป็นปาฏิหาริย์ น้องเขาเป็นโรคประจำตัวหลายอย่าง แล้วเป็นแบบรุนแรงด้วย อาการตอนนั้น ไม่แน่ใจว่าเป็นโรคอะไร แต่ว่ารุนแรงอยู่ ต้องรักษาโดยเฉพาะทาง ซึ่งตอนนั้นมันดึกแล้วพี่ของเขาเองก็อยู่เมืองนอกประสานงานลำบาก ก็เลยต้องมีคนหนึ่งที่เป็นเซ็นเตอร์อยู่ที่ไทยคอยประสานอาจารย์หมอ รถพยาบาลอะไรต่างๆ จนสุดท้ายน้องสาวเขาก็รอดเพราะว่ามาจากการแชร์ของเรา เราก็ดีใจ แต่สิ่งที่ดีใจก็คือว่า เราได้ใช้ชื่อเสียงตรงนี้ให้มันเป็นประโยชน์จริงๆ เรารู้เลยว่าอ๋อนี่คือประโยชน์ของการเป็นคนมีชื่อเสียงมันเลยดังขึ้น ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อก่อนถ้าเราแชร์อะไรลงไป เสียงมันก็จะไม่ได้ไปไกลค่ะ แต่พอเราเป็นคนที่มีชื่อเสียง คนติดตามเราเพิ่มขึ้น เสียงเราก็จะไปไกลขึ้น ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนที่เขาดังๆ มากๆ เป็นแบบพี่อั้ม-พัชราภา พี่ชมพู่-อารยา เขาถึงทำการกุศลต่างๆ เพราะว่าเสียงเขาจะไปได้ไกลมากขึ้น แล้วเขาจะมีโอกาสช่วยคนได้มากขึ้น เราก็คิดว่านี่ขนาดที่ฉันไม่ได้ดังมากขนาดนั้น แต่ว่าสามารถช่วยชีวิตคนได้ก็ถือว่าแบบโอเคนี่คือสิ่งที่พระเจ้ามอบมาให้เราได้มีชื่อเสียง ปริ่มแบบสุด เพราะว่ารู้สึกตัวเองมีประโยชน์ต่อสังคม (หัวเราะ) รู้สึกได้ใช้ชื่อเสียงในทางที่ดี จริงๆ ชื่อเสียงมันก็เป็นดาบสองคม เราจะใช้ไปในทางไหนถูกไหมคะ แต่เราก็ใช้ในทางช่วยคนนี่ก็ถือว่าดีแล้ว นี่ก็ถือเป็นบุญ |
ส่งต่อความสำเร็จ จากการเป็นยูทูปเบอร์ ก่อนหน้านี้ ก็เป็นทั้งวิทยากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏ คณะนิเทศศาสตร์ ก็ไปให้ความรู้เกี่ยวกับการเป็นยูทูปเบอร์ เพราะว่าเดี๋ยวนี้เนี่ย สื่อมันก็จะมีทั้งสื่อหลัก กับสื่อออนไลน์ เราก็ไปให้ความรู้ในนามที่เป็นยูทูปเบอร์ ก็คือ เป็นสื่ออนไลน์ให้สำหรับน้องๆ ได้รับรู้กัน เพราะว่าเดี๋ยวนี้ Production ของการทำสื่ออนไลน์ก็เหมือนกับรายการทีวีเลย เหมือนๆ กัน ทีนี้เราก็ไปให้ความรู้เขา มีทั้งงานสัปดาห์หนังสือที่ “CMU Book Fair” อันนี้ก็ไปให้ความรู้ ไปพูดถึงว่ากว่าจะเป็นยูทูปเบอร์เราก็เป็นอะไรมาก่อน เราเรียนที่ มช.มาก่อนอะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วยูทูปเบอร์ให้อะไร ต้องทำยังไงบ้าง เราก็ไปให้ความรู้มา แล้วก็ช่วงนี้ที่เป็นโควิด ถึงแม้จะไม่ได้ออกไปให้ความรู้เป็นวิทยากรข้างนอกเพราะว่ามันจัดงานไม่ได้ใช่ไหมคะ ก็มีการโทรสัมภาษณ์อยู่ ในการที่ให้สำหรับน้องๆ บางคนที่ทำตัวจบ ที่เรียกว่าสัมมนาออนไลน์อะไรอย่างนี้ ก็เริ่มมีโทร.สัมภาษณ์ให้กับเขาอยู่เรื่อยๆ ในการเป็นยูทูปเบอร์ แต่ถามว่าเราโอ้โหดีงามไหม เรายอด subscribe ก็ยังไม่ถึงล้านนะคะ จริงๆ มีคนที่เขาดังกว่าเราเยอะ แล้วในแขนงอื่นๆ ยังมีคนที่คือแต่ละความสนใจมันจะมียูทูปเบอร์ประจำนั้นๆ อยู่ เกม ต้นไม้ ทำอาหาร ขนม รถ บ้าน มันจะมียูทูปเบอร์ประจำ คือ เราก็เป็นแค่คนที่เป็นยูทูปเบอร์เล็กๆ คนหนึ่งที่มาจากตรงนี้ ที่อาจจะ subscribe ขึ้นไวหน่อย เพราะว่าช่องก็ยังไม่ถึงปี จะถึงปีก็เมื่อเดือนกันยายน ก็ถือว่าประสบความสำเร็จกับการที่ยังไม่ถึงปี แต่ว่าคนตามตอนนี้ก็แสนสองแล้ว ก็เลยแบบว่าไวหน่อย เขาก็เลยอยากรู้ว่าทำไมมันไวอย่างนี้ เบื้องหลังคืออะไร วิธีการที่ทำให้คนติดตามเยอะขึ้นมันเป็นยังไง แต่จริงๆ แล้วเราก็ยังเล็กอยู่ เพราะว่ายูทูบเบอร์ใหญ่ๆ คนตามเป็นล้าน หลายล้านก็ยังมี ทุกคนมี Account youtube อยู่แล้ว มีช่องได้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะทำอะไรดี พี่ว่าหนูจะทำคอนเทนต์อย่างนี้ดีไหม หนูจะตั้งชื่อว่าอะไรดี เพราะว่าส่วนใหญ่คนก็จะแบบว่าเห็นเราตั้งชื่อช่องเป็นแบบนี้ หนูจะตั้งชื่อเป็นอะไรดีให้แบบเป็นที่จดจำ มันเป็นชื่อที่แปลกดี เขาก็จะถามกันมา แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของเนื้อหามากกว่า |
สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
คลิป : อิสสริยา อาชวานันทกุล
ภาพเคลื่อนไหว : ภูริฉัตร ปริยเมธานัยน์
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
ขอบคุณภาพ : อินสตาแกรม @sprite.patteerat
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **