มองเผินๆ แล้ว นักเรียนสาวชาวมุสลิม 3 นางนี้ ดูไม่มีส่วนไหนเลย ที่บ่งบอกว่า พวกเธอคือชาว “Heavy Metal” แต่ด้วยเลือดร็อกเกอร์ที่วิ่งพล่านอยู่ในตัว กลับทำให้ทุกเวทีที่ย่างกรายขึ้นไป ร้อนแรงจนลุกเป็นไฟมาแล้วทั่วอินโดนีเซีย!!
ที่ผ่านมา แสงเจิดจ้าแห่งการเป็น Rock Star ทำให้วง “Voice of Baceprot” ของพวกเธอ มีทัวร์คอนเสิร์ตเฉลี่ยถึงเดือนละ 3 ครั้ง
ด้วยเอกลักษณ์เจ๋งๆ ไม่เหมือนใครคือ หยิบเอาแนวดนตรีมาผสมผสาน จนคอ Heavy Metal ต่างชมเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเธอคือดาวรุ่ง ผู้นำเสนอลูกเล่นแนวใหม่ๆ ให้แก่ดนตรีแนวนี้ ทั้งที่สมาชิกวงเพิ่งเป็นวัยคอซอง อายุเพียง 17 และ 19 ปีเท่านั้น
ยิ่งช่วงหลังๆ ที่ประเทศอินโดนีเซีย เริ่มเปิดรับเพลงร็อกหนักๆ จากใต้ดินมากขึ้น ยิ่งกลายเป็นแรงหนุนให้ “Voice of Baceprot” โด่งดังเป็นพลุแตก จนทำให้ยอดติดตามในอินสตาแกรมของวงทะลุ 34,000 เข้าไปแล้ว
ที่น่าสนใจคือ หนึ่งในเหตุผลเบื้องหลัง ที่ทำให้ 3 สาวมารวมตัวกัน ปลดปล่อยตัวเองผ่านดนตรีแนวหนักๆ แบบนี้ เพราะต้องการสื่อสารให้เพื่อนร่วมโลกได้เข้าใจมากขึ้นว่า “ผู้หญิงมุสลิม” เอง ก็มีสิทธิ์ไล่ตามความฝัน ไปพร้อมๆ กับยึดมั่นในศรัทธาต่อศาสนาของตัวเอง
และการได้พาตัวโน้ตมันๆ ของตัวเอง ไปบรรเลงให้แก่คอร็อกแบบ “ไม่จำกัดเชื้อชาติและศาสนา” ก็คืออีกหนึ่งภาพฝันที่พวกเธอมีร่วมกัน
ก่อนจะฟันฝ่ามาถึงทุกวันนี้ ทั้ง เฟิร์ดดา เคอร์เนีย, ยูซี ซีติ อิซยาห์ และ วิดี รามาวตี ต่างเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน แถบชนบทของเมืองชวาตะวันตก ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่เคร่งศาสนาเอามากๆ
แล้ววันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตก็มาถึง เมื่อพวกเธอได้เรียวิชาดนตรีในปี 2014 แล้วพบเข้ากับแนวเพลง Heavy Metal เป็นครั้งแรกในชีวิต จากการชวนเปิดหูเปิดตาโดย อาจารย์อาห์บา เออซา ที่เปิดเพลง “Toxicity” ของวง “System of a Down” ให้พวกเธอฟัง จนส่งให้ 3 สาวตกหลุมรักความดุดันของดนตรีแนวนี้เข้าอย่างจัง!!
และทุกวันนี้ อาจารย์ผู้มีพระคุณในวันนั้นสำหรับพวกเธอ ก็ได้กลายมาเป็น “ผู้จัดการวง” อยู่ทุกวันนี้ แถมยังเป็นตัวแปรสำคัญ คือคนเบื้องหลังผู้สอนร็อกเกอร์ทั้ง 3 นางเล่นดนตรี จนประกาศตัวให้ผู้คนได้รู้จักในนาม “Voice of Baceprot” ซึ่งแปลว่า “เสียงอึกทึกครึกโครม” ในภาษาซูดาน
แน่นอนว่าบนโลกนี้ย่อมไม่ได้มีแต่แง่บวกๆ เสมอไป พวกเธอจำต้องเผชิญกับคำดูถูก และเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง จากฝั่งชาวอินโดนีเซียผู้เคร่งศาสนา
หรือแม้แต่คุณพ่อคุณแม่ของ “เคอร์เนีย” เอง ก็ยังเคยห้ามไม่ให้เธอทำตามความฝัน บนเส้นทางสาย Heavy Metal แบบนี้มาแล้ว แต่หลังจากวงของพวกเธอเริ่มมีชื่อเสียง ในหมู่คนฟังท้องถิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็เริ่มภูมิใจและปล่อยให้เธอได้พยายามในแบบของตัวเอง
“มีคนบอกว่าดนตรี เป็นเรื่องต้องห้ามในศาสนาของฉัน พวกฉันแตกต่างจากนักดนตรีคนอื่น ก็เพราะว่าเป็นผู้หญิงที่เล่นเพลง Heavy Metal แถมยังใส่ฮิญาบ แต่ฮิญาบคือตัวตนของฉัน คุณเข้าใจไหม”
แปลและเรียบเรียง: ทีมข่าว MGR Live
ข้อมูล: goodnewsnetwork.org
ภาพ: อินสตาแกรม @voiceofbaceprot
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **