xs
xsm
sm
md
lg

“ฆาตกรต่อเนื่อง” ไม่จำเป็นต้องป่วย มี 1% อยู่ในสังคมได้!! ไขข้อสงสัย “คิด เดอะริปเปอร์”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บุคลิกภาพผิดปกติ-ทำผิดรุนแรงซ้ำๆ-ต่อต้านสังคม” เคสฆาตกรต่อเนื่อง “คิด เดอะริปเปอร์” ฆ่าหญิง 6 ศพ โดยไม่กลัวความผิด ส่งให้สังคมสงสัยจนวิจารณ์หนักว่าอาการแบบนี้ เป็นโรคจิตมั้ยจิตแพทย์เปิดเผยคนที่อยู่ในเรือนจำ มีบุคลิกภาพแบบไซโคพาธประมาณ 20 %!!



ฆาตกรต่อเนื่อง = ไซโคพาธ?



“คนที่เป็นไซโคพาธ ไม่จำเป็นต้องเป็นฆาตกรต่อเนื่อง” ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ จิตแพทย์และโฆษกกรมสุขภาพจิต เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ผ่านปลายสาย กับประเด็นร้อนแรงในสังคมกรณี “สมคิด พุ่มพวง” หรือฆาตกรต่อเนื่อง สมญานาม “คิด เดอะริปเปอร์” จนกลายเป็นที่หวาดกลัวของประเทศขณะนี้

พฤติกรรมที่เขาชอบทำความรุนแรงซ้ำๆ จนไม่รู้สึกถึงความผิดบาป เกิดการตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์ว่าฆาตกรเป็นโรคจิต และเป็น "ไซโคพาธ" (Psychopaths) ด้านผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำตอบ และสะท้อนถึงกลุ่มคนที่เป็นโซโคพาธนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นฆาตกร และคงฟันธงไม่ได้ว่าเขามีปัญหาทางด้านนี้มั้ย ก็คงต้องอาศัยการตรวจก่อน

“ไซโคพาธ เป็นปัญหาบุคลิกภาพผิดปกติรูปแบบหนึ่ง ซึ่งถ้าโรคทางจิตเวท บางคนจะนึกถึงว่ามันมีแต่พวกทางอารมณ์ โรคซึมเศร้า โรคไบโพล่า หรือว่าพวกโรคจิตเพศ ที่มีหูแว่วภาพหลอนหวาดระแวง จริงๆปัญหาสุขภาพจิตมันมีอีกมิติหนึ่ง ที่เรียกว่าบุคลิกภาพที่ผิดปกติ ซึ่งจะมีบุคลิกภาพที่ผิดประมาณ 10 รูปแบบ หนึ่งในนั้นคือบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม ซึ่งบุคลิกภาพผิดปกติต่อต้านสังคม ภาษาอังกฤษเรียกว่า Antisocial Personality Disorders ซึ่งส่วนหนึ่งก็จะเรียกว่าไซโคพาธ”



ทั้งนี้หลังจากแฟนเพจ “กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข” ได้แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับไซโคพาธ ซึ่งอาจจะเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่อง ทำให้หลายๆคนวิตกถึงการใช้ชีวิต โฆษกกรมสุขภาพได้ให้คำตอบเอาไว้ว่า คนที่เป็นไซโคพาธถ้าได้รับการช่วยเหลือ ดูแลจากครอบครัวอย่างดี สามารถใช้ชีวิตปกติอยู่ในสังคมได้

“ไซโคพาธ บางคนที่ได้รับช่วยเหลืออย่างดี ดูแลจากครอบครัวที่ดี ก็สามารถทำงานใช้ชีวิตร่วมกับคนปกติได้ แต่ส่วนหนึ่งจะมีลักษณะมีความชินชา อารมณ์ที่กระด้างชา ไม่ค่อยรู้สึกอารมณ์ร่วมตัดสินใจ ไม่ค่อยมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่ค่อยอยากช่วยเหลือสังคม ไม่ใส่ใจสังคม มีการเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง เพราะฉะนั้นการกระทำหลายอย่าง ก็จะก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านลบกับสังคมได้”



สำหรับสาเหตุเกิดจากปัจจัยหลายด้าน เช่น ความผิดปกติของสมอง อาจมีปัญหาด้านจิตใจและสังคม ,ถูกกระทำทารุณกรรมในวัยเด็ก , ถูกเลี้ยงดูแบบละเลย ,อาชญากรรมในครอบครัว ครอบครัวแตกแยก รวมทั้งสภาพสังคมรอบตัวที่โหดร้าย

“ตอนเด็กๆ ก็จะมีเหตุการณ์ก่อคดีเล็กคดีน้อย คดีลักทรัพย์ คดีบุกรุกสถานที่ คดีเกี่ยวกับด้านเงิน คดีทำร้ายทรัพย์สิน แล้วเมื่อไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม บางคนอาจจะถูกการทำโทษ เช่นการลงโทษจากพ่อแม่ คือครอบครัวก็ไม่มีใครสอน เรื่องการปรับพฤติกรรม หรือว่าไม่มีครอบครัว ต้องอาศัยอยู่คนเดียว

ครอบครัวมีความผิดปกติบางอย่างเช่น พ่อแม่ป่วยทางกายหรือป่วยทางจิต หรือว่ามีการใช้ความรุนแรงในครอบครัว เมื่อเขากระทำผิดซ้ำๆ แล้วไม่มีระบบที่ช่วยเหลือเขาชัดเจน พอกระทำผิดมันก็จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเขาไม่รู้สึกอีกแล้วกับการทำผิดซ้ำ ไม่มีความรู้สึกผิดชอบช่วยดี และไม่มี่ความรู้สึกว่าไม่มีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ก็จะพัฒนาเป็นการรุนแรงที่มากขึ้น”



พบ 20 % อยู่ในเรือนจำ!!



“ความน่ากลัวมั้ยขึ้นอยู่กับว่า เขาได้รับการดูแล แล้วก็พัฒนามาเป็นยังไง ไซโคพาธหลายๆ คนสามารถใช้ชีวิตอยู่กับเราได้ แต่ว่าถ้าเกิดดูจริงๆ เรามีคนที่เป็นไซโคพาธที่อยู่ในสังคมเราประมาณ 1 % มีตัวเลขอยู่ประมาณ 0.5% -1.5 %ของทั่วโลก ซึ่งก็ใช้ชีวิตกันมาปกติ เป็นแสนเป็นล้านคน

แต่ว่าถ้าไปดูจริงๆ คนที่อยู่ในเรือนจำ จะมีบุคลิกภาพแบบไซโคพาธประมาณ 20 % เพราะฉะนั้นส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับการดูแล ก็จะพัฒนามาเป็นอาชญากรได้ เพราะว่าเขาได้รับผลกระทบทางลบต่อชีวิต มีประสบการณ์ที่ไม่ไดี และก็ไม่ได้มีความช่วยเหลือมาก่อน”

อย่างไรก็ดี เมื่อทีมข่าวถามไปว่า อัตราในการพบคนกลุ่มนี้พบมากที่สุดในเรือนจำ อะไรที่ทำให้เขาพัฒนาเป็นแบบนี้ และจำเป็นมั้ยคนที่เป็นมีความผิดปกติทางบุคลิกภาพ คือฆาตกร เขาให้คำตอบเอาไว้ว่าปัจจัยหลักๆเกิดขึ้นจากครอบครัว

“ส่วนมากทั้งหมดเริ่มจากครอบครัว ก็จะมีบางส่วนที่มีหลายๆ ปัจจัย คืออาจจะเป็นปัจจัยทางสมองเอง ที่มีสองส่วนหน้า และสมองส่วนหลังที่ผิดปกติ ทำให้เขาเกิดไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ความขาดกลัว ไม่มีความกลัวเกรงต่อสิ่งต่างๆ อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง



แต่ส่วนมากแล้วถ้าเกิดอยู่ในครอบครัวที่มักจะไม่มีปัญหา เพราะฉะนั้นครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญมากๆ ที่จะคอยปรับพฤติกรรมให้คนๆหนึ่งที่มีปัญหาอยู่เดิม สามารถใช้ชีวิตและไม่เกิดปัญหากับสังคม”

จิตแพทย์ยังทิ้งท้ายให้ฟังถึง “ไซโคพาธ” ว่าเป็นหนึ่งในภาวะที่รักษาได้ยาก แนวทางการรักษา คือการปรับพฤติกรรมให้เขาอยู่ในสังคมปัจจุบันให้ได้

“ปัญหาบุคลิกภาพผิดปกติ เราจะเน้นแค่ว่าเขามีบุคลิกภาพที่ปกติแบบนี้อยู่ในสังคม แต่ว่าไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อตัวเขาเอง และก่อให้เกิดปัญหาต่อสังคม เน้นการปรับพฤติกรรม

เนื่องจากเรื่องของปัญหาพฤติกรรมบุคลิกภาพผิดปกติ การใช้ยาค่อนข้างยาก ยาไม่ค่อยตอบสนองต่อบุคลิกภาพ เพราะฉะนั้นการปรับพฤติกรรมจะมีส่วนช่วยอย่างมาก แต่ถ้าเกิดอยู่ในช่วงที่อาการรุนแรงมากแล้ว ก่อคดีมากมาย การปรับพฤติกรรมบางครั้ง ต้องอาศัยความร่วมมือ เมื่อไม่ร่วมมือผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะน้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดคิอ จะต้องดูแลตั้งแต่เริ่มต้น”

นอกจากนี้ “นพ.วิทวัส ศิริประชัย” เจ้าของเพจ “Drama-addict” ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ในเพจเช่นกัน โดยมองว่าสมคิดเป็นไซโคพาธ เป็นอีกหนึ่งกรณีที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก

“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมออกมาจากคุกแค่ห้าเดือน ก็สามารถใช้เฟซบุ๊กเป็นเครื่องมือในการหลอกลวงเหยื่อได้ เพราะมันมีสกิลเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แค่เปลี่ยนเครื่องมือเท่านั้น
ในสกู๊ป นักข่าวเล่าว่า หมอนี่บอกกับเขาตอนถูกจับว่า เขาไม่รู้สึกผิดใดๆที่ฆ่าเหยื่อทั้งห้าคน มันคิดว่า สิ่งที่ทำไปคืองานอย่างนึง และยังโกรธแค้น เจ้าหน้าที่ที่ทำให้มันโดนจับกุม....psychopath ของแท้เลยนะนี่”






 
ข่าวโดยทีมข่าว MGR Live
 

** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **


กำลังโหลดความคิดเห็น