เปิดใจศัลยแพทย์ผู้ชุบชีวิตคนไข้ ยื้อลมหายใจจนกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัวได้เป็นปกติ ย้ำเห็นคนไข้แข็งแรงได้อีกครั้งหมอก็รู้สึก “ดีต่อใจ” ปลูกฝังทัศนคติศัลยแพทย์รุ่นใหม่ “อย่าห่วงแต่ทำงานสบาย เราทำได้มากกว่าความสวย คือ การช่วยเหลือชีวิตคน!” พร้อมเชิญชวนบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมอบรมวิชาการทางศัลยศาสตร์ตกแต่งครั้งที่ 16
ย้อนวินาที ยื้อชีวิตศิลปินนักสู้
"ครั้งแรกที่เห็นต้องบอกเลยว่า "ไม่น่ารอด" เหตุที่เกิดคือเหมือนเป็นวัตถุระเบิดพุ่งตรงมาที่บริเวณคอ แล้วคุณตี๋ก็ยกมือป้องกันเอาไว้ ส่งผลให้ระเบิดโดนทั้งมือ และคอ สำหรับมือขวา สภาพที่เห็น ถ้าเป็นภาษาต่างประเทศจะเรียกว่า สปาเกตตีแฮนด์ คือลักษณะเหมือนเส้นสปาเกตตี”
หมออ่อน - อาจารย์นายแพทย์กิดากร กิระนันทวัฒน์ อาจารย์ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าย้อนเหตุการณ์วินาทีชีวิตเมื่อสิบปีที่แล้ว
คุณหมอผู้นี้คือผู้ยื้อชีวิตศิลปินมือซ้าย ตี๋ - ชิงชัย อุดมเจริญกิจ ชายในเสื้อสีน้ำตาล สวมกางเกงยีน ทั้งตัวถูกละเลงไปด้วยเลือดและรอยไหม้ มือขวาขาดรุ่งริ่ง ศิลปินผู้ประสบเหตุจากการชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
“สภาพคอ หลอดลมเสียหายเยอะ เลือดออกบริเวณคอมาก ทำให้เสียเลือดเยอะ ตอนนั้นผมอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน จริงๆ เราทราบตั้งแต่ตอนที่รถพยาบาลรับคุณตี๋ขึ้นรถแล้ว ก็มีการติดต่อประสานงานกันว่ามีผู้ป่วยหนัก พอมาถึงความดันคุณตี๋ตกมาก เลือดเข้าไปอยู่ในหลอดลม จึงต้องรีบทำการเจาะคอฉุกเฉิน เพื่อช่วยชีวิต
พอเจาะคอเสร็จ ถึงจะหายใจได้ ตอนแรกหายใจลำบาก เพราะมีเลือดลงไปในหลอดลม และมีความเสียหายในบริเวณนั้นเยอะ พอเจาะคอเพื่อให้หายใจได้ ก็ห้ามเลือดบริเวณที่เสียเลือดที่มือทั้งหลาย จากนั้นก็รีบเข็นขึ้นห้องผ่าตัด ตอนนั้นก็ทำการผ่าตัดฉุกเฉิน มีแพทย์หลายท่านไม่ได้มีผมคนเดียว ก็ช่วยกันแบ่งเป็นทีม ทีมหนึ่งก็ผ่าตัดบริเวณคอเพื่อที่จะหยุดเลือดบริเวณคอหลอดเลือดใหญ่ที่บาดเจ็บเสียหาย
อีกทีมก็ทำบริเวณมือ เพราะที่มือหลอดเลือดใหญ่ก็ขาดเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเราประเมินแล้วว่า เอาชีวิตให้รอดก่อน เลยจำเป็นจะต้องตัดมือขวาไป นอกนั้นก็มีความเสียหาย คือ มีแผล เป็นแผลเบิร์นบริเวณหน้าอกรอบๆ มาถึงคอ ค่อนข้างเยอะ และค่อนข้างลึก
เราต้องรีบผ่าตัด หยุดเลือดเสร็จก็รีบเข้าไอซียู เพื่อไปให้สารน้ำ รักษาอุณหภูมิเพื่อให้กลับมาปกติ เพราะตอนนั้นพี่ตี๋ตัวเย็นแล้ว และเสียเลือดมาก เลือดออกไม่ค่อยหยุด หยุดยาก เพราะว่าเสียเลือดไปเยอะ มีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก
ตอนนั้นก็โชคดีได้คุณหมอผ่าตัดหัวใจ คุณหมอปิยะ เชิญถนอมวงศ์ ตอนนั้นเป็นแพทย์ประจำบ้าน ผ่าตัดหัวใจอยู่ ก็มาช่วยกันดูทั้งคืน ก็ยื้อชีวิตเอาไว้ได้”
ฟื้นฟูจิตใจ สูญเสียมือขวา แต่มือซ้ายยังมี
เช้าวันถัดมา สัญญาณชีพดีขึ้น แต่ “มือขวา” ของศิลปินที่เคยใช้สะบัดแปรงพู่กันสร้างงานศิลป์หายไป อาชีพที่เขาใช้เลี้ยงครอบครัวกำลังจะสูญเสีย
“พี่ตี๋ก็ต้องนอนรักษาแผลเบิร์นอยู่ประมาณ 3-4 เดือน ในโรงพยาบาล ซึ่งก็เป็นช่วงที่พอรู้ตัว ฟื้นตัว สภาพจิตใจก็อาจจะตกใจ ทำใจยาก โดยความที่อาชีพเป็นศิลปิน และใช้มือขวาในการหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด ก็จะทำให้คิดเยอะ และมีความท้อแท้บ้าง
อย่างไรก็ตาม พี่ตี๋เป็นคนไข้ที่คิดบวกมาก และจิตใจเข้มเเข็ง ตอนที่พี่ตี๋ท้อใจ บรรดาทีมแพทย์ พยาบาลต่างมาคอยให้กำลังใจ "พี่ตี๋เสียมือไปแล้ว มือซ้ายก็ยังมีนะ"
คุณตี๋ฮึดสู้ฝึกวาดรูปด้วยมือซ้ายจนประสบผลสำเร็จ เพราะใครที่ได้เห็นภาพต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “น่าทึ่ง”
ภรรยาพี่ตี๋เอารูปมาโชว์ เป็นรูปสเกตช์ด้วยมือซ้าย ซึ่งก็สวยมาก สวยกว่าผมวาดเอง(หัวเราะ) ตอนนั้นก็ขนลุกไปแล้วหนึ่งช็อต เพราะหลังจากที่พี่ตี๋ได้กลับบ้านไป แล้วกลับมาตรวจติดตามอาการ ก็ได้เอาภาพวาดสีน้ำหน้าผม ไม่รู้หารูปมาจากไหน แล้วก็มายื่นให้ โอ้โห ตอนนั้นเป็นความรู้สึกที่ดีใจมาก เป็นความปีติ ยินดี
จริงๆทั้งทีมแพทย์ พยาบาลเลยที่ให้กำลังใจพี่ตี๋ ทีมแพทย์ที่รักษา ทีมพยาบาล ถ้าจะเอ่ยชื่อหมอที่รักษาพี่ตี๋ คงไม่หมด เยอะมาก รวมทั้งพยาบาลด้วย ทุกคนไม่ได้รักษาเฉพาะความบาดเจ็บทางกาย แต่ช่วยให้กำลังใจด้วย ที่สำคัญภรรยาพี่ตี๋ คือพี่แหม่ม ก็ดูแลดีมาก คอยดูแลตลอดเวลา ถือว่ากำลังใจดี สภาพจิตใจดี ก็เลยทำให้ผลการรักษาดี การฟื้นตัวต่างๆก็ดีขึ้นมาก
ขั้นตอนในการรักษา ตอนอยู่โรงพยาบาลประมาณ 3 - 4 เดือน แต่หลังจากนั้นก็มีการรักษาต่อเนื่องอีก ประมาณ 2 ปี เนื่องจากต้องเจาะคอ และทำการเอาท่อช่วยหายใจที่คอออก ทีมทางด้านหูคอจมูกก็รักษาเส้นเสียง เพื่อที่จะให้กลับมาพูดได้ เพราะตอนนั้นก็ไม่มั่นใจจริงๆว่า จะสามารถกลับมาพูดได้หรือเปล่า เพราะความเสียหายที่คอเยอะเหลือเกิน แต่ในที่สุดก็สามารถกลับมาพูดได้ ถึงแม้ว่าจะเสียงแหบอยู่บ้าง แต่ก็สามารถสื่อสารกับคนรอบข้างได้
นอกจากนี้ การกายภาพบำบัดก็เป็นส่วนในการฟื้นฟู ซึ่งก็เป็นส่วนที่สำคัญมาก คือถ้าเราทำกายภาพบำบัดไม่ดี หรือคนไข้ไม่ให้ความร่วมมือในการทำกายภาพบำบัด ผลการรักษา หรือการกลับมาใช้ชีวิตก็จะไม่ดีเท่ากับการปฏิบัติตามคำแนะนำตลอด
แรงบันดาลใจสู่งานอบรมวิชาการทางศัลยศาสตร์ตกแต่งครั้งที่ 16
“นึกถึงเรื่องพี่ตี๋ทีไรก็มีความสุขใจ อาจจะเรียกได้ว่าความปีติ ไม่ใช่เฉพาะผมเท่านั้น ทั้งทีมแพทย์พยาบาลที่ช่วยกันดูแลรักษาบางทีเราก็คุยกันอยู่เสมอ ได้คุยถึงทีไรก็มีความสุขขึ้นมาทุกครั้ง
เนื่องจากเวลาเหตุการณ์นั้นได้ล่วงเลยมาเป็นสิบปีแล้ว ก็เลยคิดว่าถ้าหากสังคมได้รับทราบประเด็นนี้ด้วยก็ดี ถือเป็นโอกาสอันดี เนื่องจากศูนย์การจัดประชุมวิชาการรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จัดการอบรมวิชาการทางศัลยศาสตร์ตกแต่งครั้งที่ 16 (16th Ramathibodi Annual Symposium of Plastic Surgery (RASP2019) ภาควิชาศัลยศาสตร์”
ในหัวข้อเจาะลึก Breast & nose aesthetic surgery คู่ขนานกับ การดูแลบาดแผลขั้น advance ในวันที่ 18-20 ธ.ค. นี้ สถานที่ คณะทันตแพทยศาสตร์ ม. มหิดล (ซอยโยธี) โดยเนื้อหาหลัก Aesthetic Nose & Breast Surgery คู่ขนานไปกับ Advanced wound care
นอกจากนี้ ยังมีการปาฐกถาเกียรติยศ วิจิตร บุณยโหตระ ครั้งที่ 8 โดยได้รับเกียรติ องค์ปาฐก "ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ" จะมาบรรยายการต่อสู้กับบุหรี่ในประเทศไทยตลอดชีวิตของท่าน ในหัวข้อ "เส้นทางสู่สังคมไทยปลอดบุหรี่...ชนะหลายศึก แต่หนทางยังอีกยาวไกล"
อย่างไรก็ดี ในงานยังมีการจัดแสดงภาพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของ คุณตี๋ ชิงชัย อุดมเจริญกิจ ศิลปินมือซ้ายผู้ประสบเหตุจากการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งได้รับการช่วยชีวิตและรักษาฟื้นฟูโดยทีมศัลยแพทย์ตกแต่งและเสริมสร้าง คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี พร้อมทั้งมีการแสดงภาพช่วงนาทีวิกฤตในขณะทีมแพทย์ทำการยื้อชีวิตอีกด้วย
“เราก็เลยนึกถึงพี่ตี๋ ขึ้นมาว่า ถ้าเรานำคนไข้คนนึงของเราที่ได้รับการรักษาและประสบความสำเร็จกลับมาใช้ชีวิตได้ดี เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แพทย์รุ่นใหม่ หรือศัลยแพทย์รุ่นใหม่ ได้เรียนรู้ และได้ซึมซับความรู้สึกดีๆเหล่านั้นไปก็คงจะดี น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ศัลยแพทย์ หรือแพทย์ทั่วไป ได้มีความรู้สึกที่ว่า เราสามารถทำอะไรให้กับคนไข้ได้บ้าง
เพราะปัจจุบันนี้ มีแพทย์หลายท่านที่จบมาใหม่ก็รู้สึกว่าอยากทำงานสบายๆ เช่น ดูแลความสวยความงามอย่างเดียว แต่จริงๆแล้ว เราทำได้มากกว่านั้น
พี่ตี๋ เป็นแรงบันดาลใจอีกด้านหนึ่งให้ประชาชนด้วยว่า จริงๆแล้วถ้าเกิดเราตั้งใจ หรือพยายาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันก็เป็นไปได้ ถึงแม้พี่ตี๋จะสูญเสียมือที่ถนัดไป ผ่านเหตุการณ์เกือบจะถึงชีวิต ก็ยังสามารถที่จะกลับมา ใช้มือที่เหลืออยู่ ผ่านการฝึกฝน ผ่านความเพียร สุดท้ายวาดรูปมือซ้ายได้สวยกว่ามือขวาอีก
จะมีการจัดแสดงภาพ ทั้งผลงานภาพสีอะคริลิก ทั้งภาพสีน้ำ ภาพสเกตช์ของพี่ตี๋ เนื่องจากผ่านเหตุการณ์นั้นไปนานแล้ว พอดีมีภาพช่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ผมคิดว่าเหตุการณ์นี้ได้เรียนรู้ ได้สอนอะไรเราหลายอย่าง ว่าจากเหตุการณ์ภาพวินาทีชีวิต เรารักษาชีวิตพี่ตี๋ไว้ได้ รักษาแผลหาย จนสามารถกลับมาทำงานฟังก์ชั่นได้ และกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัวได้อย่างมีความสุข
สำหรับงานนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย เรียนเชิญประชาชนที่สนใจมาหาแรงบันดาลใจได้ เข้าฟรี ส่วนแพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข จะมีค่าลงทะเบียน ด้านวิชาการจะมีการเชิญแพทย์ชั้นนำในเมืองไทย ก็มาให้ความรู้กัน
อย่างไรก็ดี เรายังได้รับเกียรติจาก ศ.นพ. ประกิต วาทีสาธกกิจ อาจารย์ท่านเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ เป็นคนที่มีอิทธิพลมากเกี่ยวกับการสู้บุหรี่ในเมืองไทย ถ้าใครเคยไปต่างประเทศ อาจจะรู้สึกเหมือนผมว่า ทำไมประเทศไทยคนสูบบุหรี่น้อยกว่า ประเทศอื่น บางทียุโรป จีน หรือประเทศอื่นๆ ไปไหนมาไหนคนสูบบุหรี่เยอะหมดเลย ย้อนกันไปดูดีๆ ก็เพราะ ศ.นพ. ประกิต
ท่านอาจารย์จะมาเล่าให้ฟังว่า จากนักวิชาการคนหนึ่ง ท่านทำอะไรบ้างถึงมีผลกับประเทศในภาพใหญ่ ก็น่าจะเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับทางแพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข รวมถึงประชาชนทั่วไปด้วย ว่าทำอย่างไรถึงเกิดอิมแพคระดับชาติได้
นอกจากนี้ ในด้านวิชาการก็จะมี 2 ภาค คือ ภาคเสริมสวย ภาคเสริมสร้าง งานวิชาการเสริมสวยก็จะมาอัปเดตความรู้เกี่ยวกับเรื่องผ่าตัดเสริมหน้าอก ลดหน้าอก กับจมูก จะมีอาจารย์แพทย์จากทั้งจุฬาฯ ศิริราช รามาธิบดี หรือในภาคเอกชนดังๆหลายที่ มาแชร์ความรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
ส่วนภาคเสริมสร้างก็จะเป็นความรู้เกี่ยวกับการดูแลแผล การดูแลผู้ป่วยไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือเบิร์น นอกจากนั้น ก็จะมีการดูแลผู้ป่วยเกี่ยวกับภาวะบวมน้ำเหลือง ซึ่งก็เป็นภาวะที่พบบ่อยในผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ผ่าตัดเต้านมเสร็จแขนบวม ก็จะได้มาเรียนรู้กันว่าวิวัฒนาการปัจจุบันนี้การรักษาไปถึงไหนแล้ว
ผมอยากจะทำให้คุณหมอที่จบใหม่ทั้งหลายได้รับรู้ว่า ศัลยแพทย์ ไม่ใช่เฉพาะด้านสวยงามอย่างเดียว เราทำด้านเสริมสร้างด้วย ภายในงานจะมีศัลยแพทย์ชั้นนำมาให้ความรู้ ท้้ง2 ภาคเสริมสวย และเสริมสร้าง เสริมสวยก็คือทำให้คนทั่วไปสวยขึ้น แต่เสริมสร้างก็คือ ทำให้คนที่บาดเจ็บ หรือประสบอุบัติเหตุ หรือเป็นมะเร็งต่างๆ ที่ต้องผ่านการรักษาแล้วเสียโฉม หรือไม่สามารถเข้าสังคมได้ กลับมามีชีวิตปกติได้ ก็เป็นงานอีกด้านหนึ่งที่มีความสำคัญกับประเทศชาติมากและก็คิดว่าได้บุญมากและดีต่อใจด้วย
งานจัดขึ้นวันที่ 18 ธ.ค.- 20 ธ.ค.นี้ เป็นงานประชุมประจำปีของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี จะมีงาน 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นสัมมนาวิชาการ สำหรับแพทย์ พยาบาล 2 วันครึ่ง และจะมีภาคประชาชน ครึ่งวันเช้าวันที่ 18 ธ.ค.
ศัลยแพทย์ไทยไม่แพ้เกาหลี
แน่นอนในยุคปัจจุบันที่การศัลยกรรมเพื่อความงามดูจะเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว น่าเสียดายที่คนไทยยังมีค่านิยมต้องบินไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีในขณะที่หมอไทยศักยภาพและฝีมือขั้นเทพ คุณหมออ่อน อธิบายว่า
“ในเชิงความรู้ ไม่ต่างกัน เพราะความรู้ในปัจจุบัน ยุค Globalization เรียนทันกันหมดแล้ว หลายอย่างเราเก่งกว่าด้วยซ้ำ แต่อีกเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องของจรรยาบรรณ กฎของแพทยสภา ว่าด้วยการโฆษณา จริงๆในแพทย์ทุกสาขา การโฆษณาเป็นสิ่งไม่ควรทำ ฉะนั้นจะต้องชั่งน้ำหนักกันนิดหนึ่ง ว่าแค่ไหนเรียกโฆษณา แค่ไหนเรียกให้ข้อมูล สมัยก่อนแม้แต่การโพสต์ภาพ Before & After ก็ไม่ควรทำ แล้วทางแพทยสภาก็แนะนำว่าไม่ควรทำ
จึงทำให้การให้ข้อมูลของศัลยแพทย์ โดยเฉพาะศัลยแพทย์ที่ปฏิบัติตามกฎ จะน้อยไป ก็จะทำให้การเข้าถึงของประชาชนก็จะน้อย จริงๆแล้วกฎแบบนี้ ที่เกาหลีก็เหมือนเรา แต่ว่าเนื่องจากเกาหลีผลิตศัลยแพทย์ตกแต่งปีหนึ่งเยอะมาก ผลิตปีละ 70-100 คน โดยที่ประชากรพอๆกัน ส่วนประเทศไทยผลิตศัลยแพทย์ตกแต่งใหม่ประมาณปีละ 20-25 คน
ฉะนั้นศัลยแพทย์ตกแต่งเกาหลีจะไม่ค่อยมีงานทำกันแล้วในประเทศ เขาจึงจำเป็นจะต้องไปต่างประเทศ พอออกนอกประเทศเขาก็สามารถที่จะทำโฆษณาได้เต็มที่
จึงทำให้การโฆษณา การตลาด ประชาชนจะเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่า โดยที่ศัลยแพทย์ไทย ก็ยังปฏิบัติตามกฎอยู่ ไม่โฆษณา ไม่มี Before & After ก็ทำให้คนไทยไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีกันเยอะ
ปัจจุบันนี้ ชาวต่างชาติ จากสหรัฐอมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือชาวยุโรป นิยมมาทำศัลยกรรมในเมืองไทยกันมากมาย ด้วยเหตุที่ว่า ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดบ้านเราถูกกว่าเขาหลายเท่าโดยที่คุณภาพไม่ได้แพ้กัน เขาบินมาทำที่ประเทศไทยยังเหลือเงินนอนชายทะเลอีก 2 อาทิตย์ แล้วค่อยบินกลับ
สำหรับจุดเด่นของศัลยแพทย์ไทย แปลงเพศไม่ต้องพูดถึง เราโด่งดังระดับโลกอยู่แล้ว แทบจะทุกประเทศจะต้องบินมาทำที่ประเทศไทย ส่วนด้านอื่นๆศัลยแพทย์คนไทยก็เชี่ยวชาญเกือบทั้งหมด เช่น ตา จมูก ปาก โครงหน้า ฉีดไขมัน เสริมหน้าอก ยกหน้าอก ดูดไขมัน ผ่าตัดหน้าท้อง”
ตาเหยี่ยว หัวใจสิงห์ มือผู้หญิง
สุดท้าย คุณหมออ่อน ฝากถึง 3 คุณสมบัติที่ดีของศัลยแพทย์ที่จำเป็นต้องมี คือ Eagle's eye, Lion's heart, Lady's hand"
Eagle's eye จะรวมไปถึงสายตาที่ดีของศัลยแพทย์ในช่วงผ่าตัด ทำหัตถการ ศัลยแพทย์ที่ดีจะสามารถ มองเห็นรายละเอียดของอวัยวะ หลอดเลือด เส้นประสาทได้อย่างชัดเจน
และประกอบกับ Lion's heart คือมีหัวใจสิงห์ ที่แข็งแกร่ง สามารถตัดสินใจในภาวะกดดัน หน้าสิ่วหน้าขวาน ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
ร่วมกับ Lady's hand คือเปรียบมือที่มีความละเอียด นุ่มนวล สามารถทำหัตถการที่ละเอียดแม่นยำได้ตามใจคิด รวมสามสิ่งนี้ก็จะทำให้ สามารถทำผ่าตัดทุกๆอย่างได้ผลดี แม้อยู่ในสถานการณ์คับขัน
สัมภาษณ์โดย MGR Live
เรื่อง : สวิชญา ชมพูพัชร
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
ขอบคุณภาพ : แฟนเพจ “คุยกับหมออ่อน”
ขอบคุณสถานที่ : The Image Medical Aesthetic Centre
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **