ผู้จัดการรายวัน360- มูลค่าตลาดศัลยกรรมทั่วโลกมีตัวเลขสูงกว่า 21 ล้านล้านบาท ขณะที่ของไทยปีนี้เฉียด 5.5หมื่นล้านบาท โตไม่ต่ำกว่า 20% ทุกปี เหตุมองเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างภาพลักษณ์ พบคนไทยคลั่งศัลยกรรมความงามมีอายุเด็กลงต่อเนื่อง ฮิตสุดในไทย คือ ทำจมูกใหม่
ปัจจุบันการศัลยกรรมความงาม ถือเป็นเรื่องที่สังคมให้การยอมรับมากขึ้นทั่วโลก และมีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันภาพรวมมูลค่าตลาดศัลยกรรมความงามทั่วโลกมีตัวเลขสูงกว่า 21 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีกในอนาคต
ส่วนทางด้านตลาดศัลยกรรมความงามในประเทศไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีตัวเลขมูลค่ารวมเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยเช่นเดียวกัน จากเดิมเมื่อปี 2559 ตลาดศัลยกรรมความงามมีมูลค่าเม็ดเงินในตลาดสูงประมาณ 30,000 ล้านบาท ต่อมาในปี 2560 เม็ดเงินที่หมุนเวียนในตลาดศัลยกรรมความงามมีอัตราเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 36,000 ล้านบาท
ในปี 2561 ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดศัลยกรรมความงามเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 1.ศัลยกรรมความงามจากโรงพยาบาล 70% และ2.ศัลยกรรมความงามจากคลินิกเสริมความงามอีก 30% โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 20% หรือในสิ้นปี 2562 นี้ คาดการณ์ว่าตลาดศัลยกรรมความงามในประเทศไทย น่าจะสูงถึง 55,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกลงไปถึงความนิยมด้านการศัลยกรรมความงาม ที่ทางสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery : ISAPS) ได้เก็บข้อมูลไว้ พบว่าในปี2560ที่ผ่านมา สถิติการศัลยกรรมเสริมความงามของคนทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้น 5%
ทั้งนี้ 5 อันดับประเทศที่มีจำนวนผู้เข้ารับการศัลยกรรมความงามมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, บราซิล, ญี่ปุ่น, เม็กซิโก และอิตาลี ส่วนประเทศไทยขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 8 จากเดิมเมื่อปี 2559อยู่อันดับที่ 18 ซึ่งศัลยกรรมที่นิยมในไทยยังจัดเป็นTop 8 ที่ทั่วโลกนิยมศัลยกรรมด้วย ไม่ว่าจะเป็น ศัลยกรรมเสริมหน้าอก, ศัลยกรรมดูดไขมัน, ศัลยกรรมตาสองชั้น, ศัลยกรรมเสริมจมูก และศัลยกรรมตกแต่งหน้าท้อง เป็นต้น ดังนั้น แสดงให้เห็นได้ว่า คนไทยมีการยอมรับศัลยกรรมมากขึ้นจากเดิม
สอดคล้องกับทางโรงพยาบาลบางมด ที่ให้ข้อมูล ปัจจุบันผู้บริโภคไม่สนใจเรื่องราคา และมีอายุเด็กลงในให้ความสำคัญกับการศัลยกรรมความงามมากขึ้น
โดยนายแพทย์ ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาล บางมด กล่าวว่า จากผลการสำรวจของบริษัทวิจัยตลาด “GlobalWebIndex” ได้มีการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความสนใจเกี่ยวกับการศัลยกรรมความงามในกลุ่มชายและหญิง ปัจจุบันมีอายุน้อยลง หรือมีอายุเริ่มตั้งแต่ 25 – 64 ปีในกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ระดับซีขึ้นไป เช่น กลุ่มที่เป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กร ที่นิยมใช้จ่ายกับผลิตภัณฑ์ Luxury Brand พบว่า กลุ่มนี้ใส่ใจในภาพลักษณ์ของตนเอง ต้องการรู้ข้อมูลต่างๆ มากที่สุด และพร้อมลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
เมื่อลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับการศัลยกรรมความงาม คำตอบคือ กลุ่มนี้มีความสนใจศัลยกรรมความงามเพื่อภาพลักษณ์ที่ดี และราคาไม่ใช่ปัจจัยในการตัดสินใจ เพราะพวกเขาพร้อมจะจ่ายเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม ต้องได้รับการวิเคราะห์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนจะทำการจ่ายเสียก่อน นอกจากนี้ยังต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในแบบของตัวเอง ไม่ใช่ความสวยที่มีความเหมือนคนดังหรือใครๆ
ขณะที่ทางด้านราคาในการทำศัลยกรรมความงามนั้น พบว่า ปัจจุบันในสถานพยาบาลระดับใหญ่ล้วนมีราคาสูง และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากจำนวนของผู้เข้ารับการศัลยกรรมทั่วโลกในแต่ละปีมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็นตัวเลขเพียง 1-2% แต่เมื่อดูตัวเลขมูลค่าตลาดศัลยกรรมกลับพบมูลค่าขยับขึ้น 20% ซึ่งเหตุผลสำคัญในการขยับราคามาจากต้นทุนทั้งในเรื่องของเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคนิคการผ่าตัดของศัลยแพทย์ ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้ามาช่วยวิเคราะห์ก่อนทำการผ่าตัด ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่งผลให้ปัจจุบันราคาศัลยกรรมความงามที่ได้รับความนิยมในโรงพยาบาลชั้นนำ เช่น
1.ศัลยกรรมเสริมจมูก เดิมราคา 20,000 - 40,000 บาท ปัจจุบันราคาขยับขึ้นมาเริ่มต้นอยู่ที่ 60,000 – 250,000 บาท
2.ศัลยกรรมตาสองชั้นเดิมราคาอยู่ที่ 10,000 – 20,000 บาท ปัจจุบันราคาเริ่มต้น 40,000 – 100,000 บาทขึ้นอยู่กับเทคนิค
3.ศัลยกรรมเสริมหน้าอก เดิมราคา 100,000 บาท ปัจจุบันราคาขยับขึ้นมาเริ่มต้นที่ 300,000 บาท ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดและวัสดุซิลิโคน
4.ศัลยกรรมดูดไขมัน เดิมจุดละ 50,000 บาท ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 70,000 บาท เป็นต้น
ขณะที่ศัลยกรรมความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุดของประเทศไทย ณ ปัจจุบัน คือ 1.ศัลยกรรมเสริมจมูก 2.ศัลยกรรมตาสองชั้น 3.ศัลยกรรมเสริมหน้าอก 4.ศัลยกรรมดูดไขมัน และ5.การฉีดไขมันเติมเต็มหน้า
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักในการศัลยกรรมความอีกต่อไป ส่งผลถึงการขยายตัวของตลาดนี้มากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุน การพัฒนานวัตกรรม และเครื่องมือ อุปกรณ์ใหม่ๆเพิ่มเข้ามา เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการที่ดีขึ้น บวกกับทางภาครัฐยังมีนโยบายสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแพทย์นานาชาติ (Medical Hub) โดยจัดเป็น 1 ใน 5 ของอุตสาหกรรมในอนาคต (New S Curve) เมื่อรวมเข้ากับความเชี่ยวชาญและเทคนิคการผ่าตัดของศัลยแพทย์ไทย จนได้รับการยอมรับระดับสากล
จากการจัดอันดับของ Medical Tourism Index (MTI) เมื่อปี 2559-2560 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 6 ในกลุ่ม Medical Tourism Industry จาก 54 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก ส่งผลให้ปัจจุบัน พบว่า ในประเทศไทยมีจำนวนของสถานพยาบาลที่มีการให้บริการศัลยกรรมความงามขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องในทุกปี ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขา, การเข้ามาเปิดสาขาในรูปแบบการร่วมทุนของโรงพยาบาลชั้นนำในประเทศเกาหลี เป็นต้น
เช่นเดียวกับทางโรงพยาบาลบางมด ที่ปัจจุบันศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด ได้รับความสนใจ จากกลุ่มชาวต่างชาติ และเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเหตุผลสำคัญ คือ ความชำนาญ และชื่อเสียงของศัลยแพทย์ ที่ได้รับการแนะนำแบบปากต่อปาก รวมทั้งผลลัพธ์หลังการศัลยกรรม ด้วยเทคนิคบางมด ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะทาง เป็นจุดแข็งที่สามารถตอบโจทย์สำหรับ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ เพราะใช้ระยะเวลาสั้นๆ เพียง 7 วัน ก็สามารถเดินทางกลับได้
จากสถิติการเข้ามาทำศัลยกรรมความงามของกลุ่มชาวต่างชาติและคนไทย ภายในโรงพยาบาลบางมด พบว่า ศัลยกรรมความงามที่ยังคงได้รับความนิยม คือ ศัลยกรรมดึงหน้า รองลงมาคือ ศัลยกรรมตา ศัลยกรรมเสริมหน้าอก ศัลยกรรมเสริมสะโพก และศัลยกรรมตกแต่งหน้าท้อง ดูดไขมัน
ขณะที่ศัลยกรรมเสริมหน้าอก เป็นศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับ 1 จากผู้คนทั่วโลก
ทั้งนี้ ได้มีการอ้างอิงสถิติของผู้หญิงที่เข้ารับการศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคนทั่วโลกจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (ISAPS) ในช่วงปี 2559-2560 มีอัตราเพิ่มขึ้น 13% โดย 3 อันดับแรกประเทศที่มีการทำศัลยกรรมหน้าอกมากที่สุด คือ 1.สหรัฐอเมริกา 2.บราซิล และ3.เม็กซิโก
นอกจากนี้ ความต้องการมีรูปร่างที่สวยงาม โดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นสูง (Elite), กลุ่มที่เต็มใจจ่าย, กลุ่มเซเลบริตี้ในหลายๆ ประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น, จีน เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ช่วยกระตุ้นให้จำนวนการศัลยกรรมหน้าอก และทำให้ความต้องการใช้ถุงซิลิโคนเพิ่มขึ้นด้วย
ความคลั่งไคล้ในการศัลยกรรมความงามยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่ผู้คนยังคงหลงใหลและให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตา อันนำมาซึ่งภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นของตน แต่สิ่งสำคัญในการศัลยกรรมความงามมากที่สุดนั้น นายแพทย์ธนัญชัย ให้แง่คิดไว้ว่า สิ่งสำคัญของการศัลยกรมความงาม ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก อย่าเลือกราคา หรือภาพการโฆษณารีวิว ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีความปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล ควรเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เฉพาะทาง
โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อแพทย์ได้จากเว็บไซต์ของ แพทยสภา หรือสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย รวมทั้งควรเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจวิเคราะห์ เพราะแพทย์จะทำการตรวจอย่างละเอียดว่า ลักษณะโครงสร้างของคนไข้สามารถเสริมได้ขนาดไหนที่จะพอดีกับร่างกาย รวมถึงการเลือกวัสดุ ปัญหาของคนไข้ เพื่อแก้ไขได้ตรงจุด ให้ตรงตามความต้องการและเกิดความพึงพอใจของผู้ใช้บริการมากที่สุด.