เล็กพริกขี้หนู! สาวน้อย 6 ขวบ ช่วยงานร้านส้มตำที่บ้าน สวมโรลเลอร์เบลดเสิร์ฟอาหารอย่างคล่องแคล่วแถมไม่เคยล้ม ด้านแม่เผยลูกชอบค้าขาย ผลพลอยได้คือลูกรับผิดชอบมากขึ้น ติดมือถือน้อยลง “ภูมิใจที่เขาขยันตั้งแต่เด็ก”
เสิร์ฟความแซ่บด้วยโรลเลอร์เบลด!!
“พอดีเห็นเขาเล่นแล้วชอบ แม่ก็เลยซื้อให้ พอซื้อมาเขาก็ฝึกเองอะไรเอง ดูผ่านยูทูป ทีนี้เล่นเก่งก็เลยอยากช่วยแม่ ใส่เสิร์ฟตอนแรกก็กลัวนะว่าจะล้มมั้ย แต่ว่าเขาทำได้”
ภาพของเด็กหญิงตัวน้อยในชุดเสื้อคอกระเช้าและผ้าถุง ที่กำลังเสิร์ฟอาหารช่วยงานในร้านส้มตำของแม่ เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดู และสะท้อนถึงความขยันกตัญญูของเด็กคนนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่สิ่งที่พิเศษมากกว่านั้น จนพาให้คนบนโลกโซเชียลฯ กล่าวถึง นั่นก็เพราะเธอไม่ได้เสิร์ฟแบบธรรมดา หากแต่ถือจานอาหารพร้อมกับไถโรลเลอร์เบลดหรือรองเท้าสเก็ตสีชมพูคู่เก่งด้วยความคล่องแคล่วไปด้วย!
แพท - อรอุมา นาคร้าย คุณแม่ลูกสองวัย 31 ปี เจ้าของร้าน “แพทส้มตำ” ใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังจากที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพการเสิร์ฟอาหารแบบเอ็กซ์ตรีมของ ด.ญ.มาลิณี ศรีแก้ว หรือ น้องปริม ลูกสาวคนเล็กวัย 6 ขวบของเธอ ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ลูกสาวติดโทรศัพท์มือถือ เธอจึงคิดหากิจกรรมอื่นให้ลูกทำ โดยให้มาช่วยเสิร์ฟอาหารในร้านแทน
“มีลูกสาว 2 คนค่ะ คนโต 10 ขวบ น้องปริมเป็นคนเล็ก ตั้งแต่เขา 6 ขวบก็เริ่มช่วยได้ ก่อนหน้านี้ก็เล่นโทรศัพท์ ติดเล่น ก็บอกเขาว่าเปลี่ยนจากเล่นมาทำงานดีมั้ย แม่จะให้ค่าขนมนะ เขาก็ไม่มีอิดออด คนนี้เขาจะชอบช่วยแม่ จะชอบโพสต์ลงเฟซบุ๊กแนะนำร้าน ร้านแพทส้มตำยินดีต้อนรับนะคะ อะไรประมาณนี้”
สำหรับหน้าที่ภายในร้านของน้องปริม เธอไม่เพียงแค่สวมรองเท้าสเก็ตเสิร์ฟอาหารเท่านั้น หากแต่ยังต้อนรับลูกค้าได้
และแม้จะยังอ่านหนังสือไม่คล่อง แต่หนูน้อยก็สามารถรับออเดอร์ได้อย่างมืออาชีพ จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างมาก
“ถ้าวันเสาร์-อาทิตย์ เขาก็จะรีบตื่นแต่เช้า กินข้าวอาบน้ำเสร็จเขาจะแต่งตัวพร้อมทำงาน พอลูกค้าเข้าปุ๊บ เขาจะนับคนว่ามีกี่คน ก็จะจัดจาน จัดผักตามที่คนนั่ง เขาก็จะบอกลูกค้าว่าเขียนเมนูเลยนะคะ พอลูกค้าเขียนเสร็จเขาก็จะเอาเมนูมาให้แม่ ให้คนงานในร้าน แล้วก็จัดของตามนั้น
เราจะจัดให้เพราะเขายังอ่านหนังสือไม่ค่อยออก แล้วก็เอาเดินไปเสิร์ฟ คือลูกค้าเข้าโต๊ะไหนเราไม่ต้องยุ่งเลย เขาทำเองได้ค่ะ รับออเดอร์เองอะไรเองทุกอย่าง
เริ่มแรกที่มาช่วยเสิร์ฟเขาจะเดินเท้าเปล่า แล้วถึงมาใส่หูหนีบเล็กๆ ชอบใส่ชุดไทย ชอบใส่ผ้าถุง เริ่มใส่โรลเลอร์เบลดเสิร์ฟมาได้ 3 เดือนแล้วค่ะ เขาไม่เคยล้มเลย ทรงตัวเองได้
เวลาเขาจะพูดกับลูกค้าเพราะมาก ลูกค้าสั่งอันนั้นสั่งอันนี้ ถ้าเห็นนานยังไม่ตำไป เขาก็จะเดินไปบอกลูกค้าว่า "รอนิดนึงนะคะ" อะไรประมาณนี้ เขาเป็นของเขาเอง เราก็เออ... ก็ดีนะ เวลาลูกค้าเห็นเขาก็จะขอถ่ายวิดีโอ ขอถ่ายรูป เราก็บอกได้ จัดการเลย เขาแฮปปี้มาก ก็ให้ลูกค้าถ่าย ลูกค้าก็ชมทุกรายค่ะ”
ส่วนทางด้านของน้องปริม ก็เผยความรู้สึกหลังมาช่วยงานที่ร้านส้มตำผ่านคุณแม่ว่า “เขาบอกว่า หนูชอบขายของนะแม่ ให้แม่เก็บร้านค่ำๆ หลังเลิกเรียนหนูจะมาช่วย (หัวเราะ) เราก็บอกไม่ได้ หลังเลิกเรียนแม่เก็บร้านแล้ว อยากช่วยให้มาช่วยวันหยุดของหนู วันเสาร์-อาทิตย์พอ”
“ภูมิใจที่เขาขยันตั้งแต่เด็ก”
อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น จากตอนแรกที่แม่แพทต้องการปรับพฤติกรรมการติดเล่นโทรศัพท์ของลูกให้ลดลง ด้วยการให้มาช่วยขายของ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีของลูกสาวก็ปรากฏออกมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องของความรับผิดชอบในหน้าที่และอดออม ส่วนการเล่นโทรศัพท์ก็ลดลงอย่างชัดเจน
“ส่วนมากแม่จะขายของยุ่ง ไม่ค่อยได้มีเวลาดูเขา แต่ตั้งแต่นี้มาก็คือให้เขามาอยู่กับเราหน้าบ้าน คอยช่วยนู่นช่วยนี่ ลูกค้าเข้าปุ๊บ เขาดูการ์ตูนอยู่ในโทรศัพท์ เขาก็จะวางเลย ถึงเขาเล่นอยู่เราเรียกมาทำงานเขาก็มาได้เลย ไม่มีว่าเดี๋ยวก่อนนะ เหมือนกับเขามีหน้าที่ของเขาแล้ว รับผิดชอบได้
เมื่อก่อนเสาร์-อาทิตย์ เราจะไม่ได้เร่งรัดเขาว่าหนูต้องตื่นนะ แต่ตั้งแต่ทำงาน เริ่มช่วยแม่ได้ เขาก็จะตื่นของเขาเอง อาบน้ำเอง แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย แม่หนูพร้อมขายแล้วนะ รู้สึกว่าเขาตื่นเต้นกับการทำงาน แล้วเงินที่เขาได้มาก็จะเก็บหยอดกระปุกเลย”
สำหรับ น้องปริม ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.1 โรงเรียนอนุบาลสุริยาอุทัยพิมาย นอกจากการช่วยงานที่บ้านแล้ว สาวน้อยคนนี้ยังเป็นเด็กกิจกรรมตัวยง ทั้งเป็นเชียร์ลีดเดอร์กีฬาสี ขึ้นประกวดตามเวทีต่างๆ หรือแม้แต่แสดงโชว์ในวันสำคัญ เรียกได้ว่าน้องปริมกวาดเรียบ
แม้จะขายของทุกวันตั้งแต่เช้าจดเย็น แต่คุณแม่ลูกสองผู้นี้ก็ไม่เคยไม่มีเวลาให้ลูกๆ เพราะหากว่างจากการจับสากตำส้มตำเมื่อไหร่ เป็นต้องได้พา 2 สาวน้อยออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านเสมอ โดยส่วนมากจะเป็นการออกกำลังกาย
“เขาชอบเต้น ชอบกิจกรรมทุกอย่างในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาล ส่วนมากถ้าไม่ได้ช่วยที่ร้าน เขาก็จะไปเล่นที่บ้านป้าเขา ก็ขายของเหมือนกันนี่แหละ ไปช่วยป้า แต่ส่วนมากจะอยู่กับแม่ ไม่ค่อยได้ไปไหน เราดูแลเขาตลอด ขายของด้วยแต่ก็ต้องดูลูกด้วย ส่วนคนพี่จะแนวเด็กเรียนหน่อย หวานๆ นิ่งๆ ส่วนมากจะเรียนทั้งเสาร์ทั้งอาทิตย์เลย
เราก็คุยกันปกติ ส่วนมากวันธรรมดาถ้าเลิกเรียนมา ทำการบ้านเสร็จ หลังขายของ เราจะไปออกกำลังกายร่วมกันค่ะ น้องก็จะเล่นโรลเลอร์เบลด แม่ก็จะวิ่ง แม่ชอบวิ่ง ลูกชอบเล่น เราไปด้วยกันได้ พาเขาทำกิจกรรม”
ขณะที่ทางด้านความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวนี้ ต่างก็เข้ามาชื่นชมน้องปริมกันเป็นจำนวนมาก
“น่ารักๆ สุดยอดค่ะเป็นจุดขายเพิ่มไปอีก”
“เด็กเสิร์ฟน่ารักแท้ เก่งมากลูก”
“น่ารักแท้ๆ แม่ค้าสายซิ่ง”
“น้องปริมน่ารักมากกก ป้าหวาดเสียวแทน”
สุดท้าย เจ้าของร้านแพทส้มตำ ได้ฝากคำขอบคุณไปยังสมาชิกโลกโซเชียลฯ ที่เอ็นดูลูกสาวของเธอ และฝากคำแนะนำไปถึงผู้ปกครองที่มีลูกในวัยไล่เลี่ยกับน้องปริมว่า ต้องสอนและใกล้ชิดลูกตั้งแต่ที่ลูกยังเล็ก ซึ่งการสอนให้ลูกทำงานมีความรับผิดชอบก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้เด็กๆ ลดพฤติกรรมการเล่นโทรศัพท์ลงได้
“ก็ดีใจแล้วก็อยากขอบคุณทุกท่านที่ช่วยแชร์ ช่วยเป็นกำลังใจให้น้อง แม่ก็ดีใจแล้วก็รู้สึกภูมิใจเนอะ ภูมิใจที่เขาขยันตั้งแต่เด็ก แล้วก็รู้จักช่วยแม่ การเรียนเขาก็พอไปได้ ไม่ถึงกับเก่งหรอก อีกอย่างหนึ่งเรามองเห็นแล้วว่าใครที่พอจะดูแลได้ ชอบขายของเหมือนแม่
ลูกเนอะ ถ้าเราดูแลเขา เราต้องดูแลตั้งแต่ยังเล็กๆ แบบนี้เลย ไม่ใช่ว่าโตมาแล้วมาฝึกทีหลัง มันฝึกยากค่ะ เราต้องฝึกให้เขาทำงานตั้งแต่เด็ก เขาก็จะรู้จักรักงาน รับผิดชอบได้ มีเวลาว่างก็ให้เขามากกว่าพาเล่นโทรศัพท์ดีที่สุด ผู้ปกครองที่ลูกติดเกมติดอะไรอย่างนี้ ก็หันมาให้ลูกช่วยทำกิจกรรมในบ้าน เป็นผลดีค่ะ
แล้วก็ฝากร้านแพทส้มตำด้วยนะคะ อยู่ถัดจากปราสาทหินพิมายมาประมาณ 600 เมตร เสาร์-อาทิตย์น้องทำงาน ก็ฝากมาชิมดูได้”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “ร้านเเพท ส้มตำ”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **