ทำผิดไม่คิดหนี! สังคมชื่นชมหนุ่มขับรถชน ตามหาตัวผู้เสียหายไม่เจอ ตัดสินใจ “เขียนจดหมาย” ทิ้งข้อความพร้อมเบอร์ไว้ให้ติดต่อกลับ รอ “รับผิดชอบ” ความเสียหายที่เกิดขึ้น ล่าสุดได้พบกับเจ้าของรถยนต์แล้ว แถมยังใจดีไม่เอาผิด เจ้าตัวเปิดใจ เหตุผลที่ไม่หนีว่าจะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย-ไม่อยากมีบาปติดตัว!
เจ้าของรถไม่อยู่ คู่กรณีไม่หนี!
“ขอโทษครับ ผมขับรถเบียดรถพี่ ผมยืนรอพี่อยู่นานมาก พอดีผมต้องไปขายของ ผมเลยทิ้งจดหมายไว้หน้ารถให้พี่โทร.กลับ ผมไม่ได้ตั้งใจและไม่คิดจะหนีครับ”
“ตั้ว-ปิยะฉัตร วารีวนิช” เจ้าของข้อความบนจดหมายที่ถูกแชร์ไปทั่วสังคมออนไลน์ หลังจากเจ้าตัวได้ขับรถเฉี่ยวชนรถยนต์อีกคันซึ่งจอดอยู่ริมทาง แต่กลับไม่พบเจ้าของรถในเวลานั้น จึงได้ตัดสินใจเขียนข้อความลงกระดาษ พร้อมแนบเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
“วันนั้นผมไปขายของปกติครับที่งานเรือพระ จ.สุราษฎร์ฯ ซึ่งมันจะเป็นทางปิด มีรถสวนออกมา รถผมมันใหญ่กว่าชาวบ้านเขาครับ รถฟอร์ดเรนเจอร์ ผมก็จะหลบให้รถข้างๆ ไป แต่บังเอิญว่าผมประมาทไปหน่อย ด้านซ้ายของรถเลยไปเบียดกับรถอีกคันที่จอดอยู่
ตอนลงไปดูก็ตกใจครับ คิดว่างานเข้าแล้ว เป็นใครก็รู้สึกแบบผม เหมือนไปชนรถเพื่อนแล้วงานเข้า แย่แล้ว เราไม่ได้นึกถึงประกันอยู่แล้ว นึกถึงว่าเจ้าของรถอยู่ไหน ผมจะต้องหาเจ้าของรถก่อน เพื่อเคลียร์ตรงนั้นให้จบก่อน ผมค่อยไปทำงานของผม ผมรออยู่พักหนึ่งไม่มีใครมาก็เลยเขียนจดหมายทิ้งไว้
ถึงจอดทิ้งไว้ตรงนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าผมชน แต่มันทำไม่ได้ ถ้าผมทิ้งไว้แบบนั้นแล้วหนีไป โดยที่ไม่รับผิดชอบอะไรเลย มันทำให้ผมเป็นตราบาปไปตลอด”
แต่ด้วยความร้อนใจยังไม่ทันที่เจ้าของรถยนต์จะเห็นข้อความในจดหมายเพื่อติดต่อกลับ เจ้าตัวก็ได้เดินตามหาเจ้าของรถในละแวกนั้น จนเจอตัวเข้าจึงได้รีบขอโทษและแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งเจ้าของรถผู้เสียหายก็ไม่ได้ติดใจใดๆ
“ผมเขียนข้อความเสร็จก็เดินตามหาก่อน ด้วยการถามคนนั้นคนนี้ว่าคันนี้รถใคร ถามพ่อค้าแม่ค้าว่าใช่รถพี่หรือเปล่า ก็มีคนบอกว่าเป็นรถเจ้าของร้านไทยวัฒนาพานิช ผมก็เดินไปหาแล้วยกมือไหว้เขา บอกว่าผมขับรถเฉี่ยวรถพี่ครับ พี่ช่วยมาที่รถได้ไหม พี่ผู้ชายก็เดินออกมา ไม่ได้โวยวาย ไม่ได้ว่าอะไรเลยครับ
ผมก็เป็นฝ่ายขอโทษว่าผมไม่ได้ตั้งใจ พี่เขาพูดดีมากครับ บอกว่าไม่มีใครเจ็บก็ดีแล้ว คนเราไม่ได้ตั้งใจมันเกิดขึ้นกันได้ เขาก็เห็นกระดาษหลังจากนั้นก็โทร.ตามผมว่าประกันมาแล้วนะ ประกันน้องมาหรือยัง เขาใช้ประกันเขาเคลมเอง”
ถึงอย่างนั้น นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่าเคยถอยรถไปชนรถอีกคัน และด้วยความไม่เคยคิดจะหนีความผิดก็ได้เขียนข้อความไว้ที่หน้ารถ เพื่อรับผิดชอบความผิดของตนในแบบเดียวกัน
“เมื่อ 2 ปีก่อน ผมอยู่สมุย ผมไปเที่ยวงานวัดก็ถอยชนเหมือนกัน แต่ตอนนั้นรถไม่มีประกัน ผมก็เขียนจดหมายแปะไว้ทำนองนี้ครับ มันไม่ใช่นิสัยผมที่จะหนีปัญหา ไม่ได้คิดว่าจะดัง ไม่อยากดังเลย อยากแสดงความรับผิดชอบ รถคันหนึ่งกว่าเราจะซื้อมาได้เกือบล้าน เราต้องเก็บออมผสมเล็กผสมน้อยกว่าจะได้มา
ถ้าจู่ๆ เพื่อนถอยมาชน มาเฉี่ยวแล้วหนีไป เราจะรู้สึกยังไง เราก็ต้องว่า ต้องแช่งตามหลัง ซึ่งผมไม่ยอมให้เขามาด่า มาแช่งผมตามหลังแน่นอนครับ ผมยอมเสียเงินตรงนั้นเพื่อให้สบายใจทั้งสองฝ่ายดีกว่า”
รถใครก็ต้องหวง! “เอาใจเขามาใส่ใจเรา”
“ต้องคิดกลับกัน รถคันหนึ่งราคาไม่ใช่บาทสองบาท มันเคลมได้ก็จริง แต่เราไม่รู้ที่มาที่ไป ถ้าเกิดจากความประมาทของเราเองก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอยู่ๆ มีคนมาชนแล้วหนีไป มันก็เสียความรู้สึก”
ด้วยความที่เป็นคนรักรถเลยเข้าใจดีว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองจะรู้สึกเช่นไร พร้อมกับยกเหตุการณ์ที่ตนเคยถูกรถชนท้ายแล้วหนีจากประสบการณ์ตรง นี่จึงทำให้ตระหนักว่าจะไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้กับผู้อื่นเด็ดขาด!
“มีป้าสูงวัยคนหนึ่งมาชนรถผมที่จอดอยู่ ขับรถชนซึ่งๆ หน้าตรงท้ายรถผมเลยนะ ป้าก็ขับไปหน้าตาเฉย ผมก็ยืนเรียกอยู่ตรงนั้น เขาก็ไม่กลับมา ผมก็ไม่ตาม ปล่อยไป คิดว่าไม่เป็นไรหรอกอายุมากแล้ว มันมีหลายๆ อย่างที่ทำให้เราต้องคิด อย่างพอโตขึ้น เราไม่สามารถไปกระทบกระทั่งกับใครได้ ไหนจะมีลูก มีครอบครัวอีก
รถเป็นสิ่งที่ผมรักมากนะ รองจากครอบครัว และดูแลมาตลอด ต่อให้เป็นรอยนิดหนึ่งผมก็บ่นแล้ว ถ้าเพื่อนมาเฉี่ยวรถเราและหนีไป ผมก็คงร้อง คนเราก็ต้องการให้มีคนมารับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ ในบาดแผลที่มันเกิดขึ้น
ต่อให้รถผมไม่มีประกันในวันนั้น ผมก็ไม่หนีนะ เพราะมันเป็นจิตสำนึกของผม เป็นความรู้สึกส่วนตัวของผม ถึงเจ้าของรถไม่มีประกัน ผมก็ยินดีจะชดใช้ ผมสบายใจนะไม่ต้องพะวงว่าเขาจะเจอรถเราไหม เราหนีเขามา ยังไงฟ้าก็มีตา ทำผิดอย่าคิดว่าไม่มีใครเห็น ถึงเขาไม่เห็นแต่ใจเรารู้ดี”
อย่างที่พอรู้กันว่านี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในสังคมไทย สำหรับอุบัติเหตุเฉี่ยวชนรถแล้วไม่หนีไปไหน แถมยังเขียนข้อความไว้ให้ตามตัวคนทำผิดอีกด้วย เจ้าตัวบอกว่าไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับผิดชอบ ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา
“ไม่รู้จะหนีทำไม ถ้าผมทำผิด ผมจะไม่สบายใจเลย มันติดอยู่ในใจผม อย่างถ้าเจอรถของผู้หญิงหรือผู้ชายคนหนึ่งน้ำมันหมด แล้วผมไม่ได้ช่วย ผมขับเลยมา ผมจะรู้สึกกับตัวเองว่าทำไมไม่ช่วย ทั้งๆ ที่เราช่วยได้”
การทำผิดครั้งนี้เหมือนกัน ถ้าผมหนีไปก็จะเป็นตราบาปไปตลอดว่าทำไมต้องหนี ทั้งๆ ที่เราทำได้ สามารถชดใช้ได้ มันเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่จะรู้สึกผิดไปตลอด อย่างถ้าเป็นรถผมโดน ผมด่าตามหลังแน่นอน รถใครๆ ก็รัก แล้วมันก็เห็นรอยเต็มๆ ด้วยนะ
ไม่ใช่ว่ารอยนิดเดียวไม่สามารถมองเห็น ซึ่งตอนที่ผมเขียนจดหมายติดไว้แล้ว ผมก็ไปตั้งของขายปกติ แต่ก็ยังเดินวนเวียนอยู่แถวรถคันนั้น ที่บอกคือทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่แค่เรื่องรถเฉี่ยว เราต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราหมด”
ขณะที่สังคมต่างพากันชื่นชมและยกย่องให้เป็นตัวอย่างที่ดี เจ้าตัวก็ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีหลายกระแส ทั้งการวิจารณ์ว่าทำไปเพราะอยากดัง แต่รู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ พร้อมยังกล่าวถึงเรื่องการใช้รถใช้ถนนด้วยว่าต้องมีสติและระวังเรื่องความประมาท ผิดพลาดไปก็ให้รับผิดชอบและจะได้รับการให้อภัย
“ถามว่าเป็นตัวอย่างที่ดีได้ไหม สมัยนี้มันมีการมองได้หลายด้าน หนึ่งคืออยากดัง สองคืออยากแสดงความรับผิดชอบ เรื่องอยากดังผมไม่ได้อยากดังเลย แต่ผมอยากให้คนทั่วไปได้รู้ว่าการที่เราเอาใจเขามาใส่ใจเรา สังคมมันจะน่าอยู่ขึ้น จะไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง สมัยนี้กระทบกระทั่งกันก็ลงมาต่อย-ตีกัน ถ่ายคลิปฯ ด่ากัน
มันไม่ใช่สังคมที่น่าอยู่ จ.สุราษฎร์ธานี เราเก่าแก่และเป็นเมืองที่น่าอยู่ ผมก็อยากให้ทุกคนใจเย็น มีอะไรให้ค่อยๆ คุยกัน ไม่มีอะไรที่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก ทุกอย่างคุยกันได้ เราไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงอะไร ทำผิดแล้วอย่าหนี มันเป็นความผิดที่ให้อภัยได้
ที่สำคัญต้องอย่าประมาท เราไปไหนมาไหนคนเดียว ให้นึกว่ามีครอบครัวข้างหลังรออยู่ อีกอย่างคือทำผิดต้องอย่าหนีครับผม ไม่มีความผิดใดที่ไม่สามารถให้อภัยได้ สังคมนี้ถ้าใจเย็นลงจะน่าอยู่มากขึ้นครับ”
ข่าวโดย MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **