เปิดใจดีเจนิกกี้ พลเมืองดีเล่าเหตุการณ์นาทีระทึกอัดคลิปฟอร์จูนเนอร์ชนแล้วหนี ยืนยันมีเจตนาดี ไม่คิดรุมทำร้าย ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็พร้อมช่วยอีก ด้านอดีตนายพล คนขับรถฟอร์จูนเนอร์ อ้างไม่รู้ว่าขับรถชน ยันไม่ผิด คนที่ผิดคือมอเตอร์ไซค์
เปิดนาทีระทึก ฟอร์จูนเนอร์ชนแล้วหนี
“ผมไม่ได้คิดเลยว่าลุงจะขับรถชนผม คิดว่าเอารถไปขวางหน้ารถเขา เดี๋ยวเขาก็ลงมาเจรจา แต่สุดท้ายมันไม่ใช่ ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ผมก็คิดว่าจะช่วยอีกครับ แค่อย่างน้อยๆ ถ้าลงมาคุยกันมันก็จบ ขอโทษกัน แค่นั้นเอง ไม่ต้องถึงขั้นขนาดนี้”
ดีเจนิกกี้-วรายุทธ ปิ่นใจ อายุ 35 ปี เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังโลกโซเชียลได้มีการแชร์คลิปเฉียดแสน มีคนดูถึง 2 ล้านกว่าครั้ง ที่ถูกโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “Warayoot Pinjai” เผยให้เห็นภาพรถมอเตอร์ไซค์หลายคันกำลังขี่ตามและบีบแตรเรียกให้รถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ จอด โดยผู้ที่ถ่ายคลิประบุว่า รถคันดังกล่าวขับหนี หลังจากที่ขับรถไปเบียดรถคนอื่น
ดีเจนิกกี้ได้เล่าถึงเหตุการณ์นาทีระทึกบนท้องถนน ขณะเกิดเหตุกำลังขับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีลาโน่ ไปทำงาน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนถึงบีทีเอสพระโขนง 100 เมตร มุ่งหน้าไปเอกมัย
“ก่อนที่ผมจะถ่ายคลิป ผมได้เห็นเหตุการณ์คือ ฟอร์จูนเนอร์เขาเหมือนเบียดกับรถซีบีอาร์ สีดำ อยู่บริเวณริมเกาะกลางด้านขวา เลนที่ 3 ขวาสุด แล้วเหมือนลุงซีบีอาร์ลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วไปเคาะกระจกลุงเฟอร์จูนเนอร์ ผมก็คิดในใจแล้วว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ แต่เหตุการณ์ตอนนั้นลุงฟอร์จูนเนอร์ไม่ได้ลงจากรถ พยายามที่จะขับหนีไปต่อ ขับซ้ายทีขวาทีคือตั้งใจหนีครับ
แล้วพอขับไปได้สักประมาณ 100 เมตร ไปจอดตรงใต้บีทีเอสพระโขนงมุ่งหน้าไปเอกมัย ผมก็คิดว่า ถ้าอยากให้ลุงจอดผมก็ต้องเอารถเข้าไปขวาง ผมก็เอารถเข้าไปขวางหน้ารถลุงเขา แล้วลุงฟอร์จูนเนอร์ก็ชนเลยครับ ชนปุ๊บเขาก็ถอยอีกทีหนึ่ง แล้วก็พยายามเหยียบคันเร่งเพื่อฝ่าวงล้อมพลเมืองดี 4-5 คน แล้วก็เหยียบหนีไปเลย”
นอกจากนี้ ดีเจนิกกี้ยังยืนยันอีกว่ามีเจตนาดี ไม่ได้จะเข้าไปรุมทำร้าย เพราะเรื่องแค่นี้เรียกประกันเรื่องก็จบ และลงมาขอโทษซึ่งกันและกัน เรื่องจะไม่ได้บานปลาย
“มีเจตนาดี 100 เปอร์เซ็นต์แน่นอน ผมแค่มีเจตนาที่อยากให้ลุงเขาลงมาขอโทษลุงที่ขับซีบีอาร์แค่นั้นเอง ผมไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น เพราะเรื่องแค่นี้ไม่น่าจะขับรถหนี ในเมื่อรถคุณก็มีประกัน
เขาจะกลัวว่าเราจะไปรุมทำร้าย ด้านนี้เขาก็มีสิทธิคิด แต่เจตนาผมไม่มีแน่นอน แล้วก็ตามคลิปเลยครับ พอผมจอดรถขวางหน้ารถ ผมก็ไม่มีท่าทีที่จะไปทุบฝากระโปรงรถลุง ไปกระชากประตูลุง หรือไปทำอะไรลุงเลย
ตอนที่รถผมโดนชน ผมก็ตกใจนะ ไม่คิดว่าลุงเขาจะทำถึงขนาดขับรถชนรถผม ก็ตกใจ คือก่อนหน้าเหตุการณ์ผมไม่ได้คิดเลยว่าลุงจะทำขนาดนี้
แล้วตอนที่ลุงลดกระจกลงมาผมจับใจความไม่ได้ว่าเขาพูดอะไร เพราะเป็นช่วงชุลมุนวุ่นวาย ซึ่งเขาน่าจะพูดประมาณว่าอย่าจอดรถขวาง หรือพูดว่าเขาไม่ได้ชนอะไรประมาณนี้แหละครับ
และอีกอย่างผมคิดว่าเขาน่าจะรู้นะว่าขับรถชนคนอื่น เพราะว่าเมื่อคืนเห็นรอยรถเขาด้านขวาตรงประตูมีรอยเหมือนไปกระแทกด้านซ้ายสุดกับรถซีบีอาร์”
ส่วนความเสียหายที่ได้รับ ดีเจนิกกี้เล่าอีกว่า นับว่าโชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่ก็ข้าวของ และรถได้รับความเสียหายเล็กน้อย
“รถผมเสียหายก็คือมีกล่องใส่ของด้านท้ายพัง มีบังโคนฉีกขาด มีศูนย์หน้ามันเสีย คือมันบาลานซ์ไม่เหมือนเดิม ส่วนบาดเจ็บไม่มีครับ เพราะว่าผมกับพลเมืองดีท่านอื่นก็กระโดดหลบกันหมดครับ เพราะตอนที่เขาใส่เกียร์ถอยแล้วเหยียบเข้ามาเต็มที่เพื่อที่จะฝ่าวงล้อมหนี คือรถมันก็แรงครับ
ช่วงชนที่สองเขาลากรถผมไปนิดหหนึ่ง ซึ่งในกระเป๋าทำงานกล่องท้ายรถจะมี MacBook Pro ไว้ไปเปิดเพลงที่ร้าน แต่ดีที่ไม่เป็นไร แล้วที่ลุงบอกว่ามีมอเตอร์ไซค์ไปรุมล้อม 20-30 คันนั้น ไม่ถึงหรอก จริงๆ แล้วมีแค่ 4-5 คันเองที่เป็นพลเมืองดี
ทางประกันของลุงเขาก็ยินดีที่จะรับผิดชอบในส่วนของค่าเสียหายของรถมอเตอร์ไซค์ผม ผมก็ไปให้ปากคำต่อตำรวจเรียบร้อยแล้วครับ ”
ยศพลตรี แค่ขับรถชนไม่มีอะไรต้องกลัว
“ในความคิดของผมเรื่องอายุเยอะแล้วมาขับรถ ก็ไม่น่าจะเกี่ยวนะครับ ในเรื่องของความกลัว ผมว่าลุงก็ไม่น่าจะมีอะไรจะกลัวขนาดนั้น เพราะว่าลุงเขาก็เคยเป็นนายพลมาก่อน ยศพลตรี เป็นทหารมาก่อน เขาก็ไม่น่าจะอะไรอย่างนี้”
ไม่เพียงเท่านี้ ชาวโซเชียลยังตั้งข้อสันนิษฐานว่าที่รถฟอร์จูนเนอร์คันดังกล่าวไม่ยอมลงมาเจรจากับคู่กรณีเป็นเพราะอาจจะดื่มแอลกอฮอล์แล้วกลัวความผิด อีกทั้งบวกกับอายุที่เยอะมากแล้วทำให้อาจจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เขาก็ขับรถได้ครับ ไม่ได้เป็นอะไร แล้วข้อสันนิษฐานของผมก็ไม่มีในเรื่องที่ว่าลุงเมา พอผมลงคลิปไปสังคมก็ตั้งคำถาม ทางตำรวจก็เลยต้องพาลุงไปเป่า เพื่อความโปร่งใสที่สังคมตั้งคำถามมา ก็เป็นศูนย์ ลุงไม่ได้ดื่ม”
นอกจากนี้ ดีเจนิกกี้ยังช่วยสะท้อนถึงสังคมไทยในเรื่องการใช้รถใช้ถนนด้วยว่าให้ใจเย็นๆ ในเรื่องของการขับรถ หากเกิดข้อผิดพลาดก็ให้อภัยซึ่งกันและกันเรื่องจะไม่ได้บานปลาย
“ตอนนี้ในกรุงเทพฯ รถก็ติดมาก ขับรถก็อยากให้ใจเย็นๆ กัน มีอะไรก็ให้อภัยกัน ถ้าเกิดกระทบกระทั่งกัน รถชนกันก็เรียกประกันมาคุยกันแค่นั้นจบ ไม่ต้องถึงขั้นว่าลงมาชกต่อยกัน ลงมาไล่ล่ากัน ตามคลิปผมก็ไม่โอเค มันเสียเวลา จากเรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป”
ขณะเดียวกัน อนันต์ จันทร์ภู่ คนขับรถจักรยานยนต์ซีบีอาร์ ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์คันแรกที่ถูกรถฟอร์จูนเนอร์เฉี่ยวชน ได้เดินทางมาที่ สน.คลองตัน พร้อมกับเปิดเผยว่า คนขับรถฟอร์จูนเนอร์ขับขี่ลักษณะส่ายไปมากระทั่งเบียดรถตัวเองจนติดขอบเกาะกลางถนน ซึ่งตัวเองได้เคาะกระจกรถเรียกคนขับ แต่คนขับไม่หยุดรถ จนผู้เห็นเหตุการณ์ช่วยกันขับขี่รถติดตามเพื่อเรียกให้หยุด แต่คนขับรถยนต์ก็ไม่ยอมหยุดจนเกิดเหตุบานปลาย
"ตอนที่ลุงแกลดกระจกลง เขาก็พูดอะไรบางอย่าง ผมฟังไม่ทัน ไม่ค่อยได้ยินด้วย แต่ก็บอกให้เขาเปิดประตุลงมาคุยกัน ปรากฏว่าเขากลับปิดกระจกก่อนขับหลบหนีไป น้องที่ขี่ จยย.ฟีลาโน่ มาเห็นพอดี เขาเลยหวังดีขี่ไล่ตามไปให้ตามคลิปที่เผยแพร่
ที่จริงแล้วตัวผมกับรถไม่ได้รับความเสียหายหรือบาดเจ็บเลย ไม่ได้จะเรียกค่าเสียหายหรือเอาผิดด้วย แค่อยากพูดคุยให้เข้าใจว่าทำไมถึงขับเบียด แค่ลงรถมาคุยกันขอโทษกันก็จบเรื่องแยกย้ายกันไปไม่น่าจะต้องมาเป็นเหตุการณ์บานปลายแบบนี้เลย พอผมรู้ว่าน้องฟีลาโน่พลเมืองดีตกเป็นผู้เสียหายและมาที่ สน.คลองตัน ผมจึงรีบตามมาเป็นพยานให้เขา"
ด้านคนขับรถฟอร์จูนเนอร์ พลตรี สุรศักดิ์ จิตต์บุญ อายุ 76 ปี อดีตทหารเกษียณอายุ ได้ออกมายืนยันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าไม่มีความรู้สึกว่าเกิดเหตุเฉี่ยวชน และขอยืนยันว่าตัวเองไม่ผิด คนที่ผิดคือมอเตอร์ไซค์ต่างหากที่มาจอดขวางรถของตน
อีกทั้งที่ไม่กล้าลงไปเจราจาหรือพูดคุยด้วยนั้นเพราะเจอรถมอเตอร์ไซค์ถึง 20 คัน ขี่ไล่ล่าจึงเป็นเหตุไม่กล้าที่จะลงจากรถ
ล่าสุด ร.ต.อ.สุภัทร์ ชัยธัมมะปกรณ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.คลองตัน เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาต่อพลตรีสุรศักดิ์ 2 ข้อหา คือ 1.ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย 2.ทำให้เสียทรัพย์ ส่วนผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ไม่พบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในกระแสเลือด
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **