ขอทานตามป้ายรถเมล์..มันเอาต์ไปแล้ว! ล่าสุด พัฒนาการมาไกล ผุดอาชีพขอทานออนไลน์ อ้างตกงาน-ไม่มีเงินกินข้าว โกยคะแนนความน่าสงสารเข้ากระเป๋าตังค์เพียบ! สังคมออนไลน์ แฉ วีรกรรมขอเงินสะท้านเมือง ที่แท้ชีวิตดี๊ดี กินปิ้งย่าง-ทานบุฟเฟ่ต์ นักการตลาดสื่อโซเชียลฯ เปิดข้อมูลเชิงลึก คนไทยใช้เฟซบุ๊กติดอันดับ 1 ของโลก เพิ่มโอกาสทำเงินมิจฉาชีพ!!
“ดราม่าหน่อย-จ่ายไว” คนไทยขี้สงสาร
“ผมมีเรื่องอยากให้ใครก็ได้ครับที่ช่วยผมได้ ผมตกงานมา 1อาทิตย์แล้วครับ ตังค์ติดตัวผมก็ไม่มี ตอนนี้ผมมีเงินเหลืออยู่ในบัญชีแค่ 60 บาท แต่กดออกมาไม่ได้ ผมเลยอยากขอให้ใครก็ได้ช่วยโอนตังค์ให้ผม 40 บาททีครับ ผมอยากกดเงินออกมากินข้าว แค่นั้นครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงจึงมาโพสต์ในกลุ่ม เผื่อมีใครช่วยผมได้”
สายบุญแห่โอนเงินหวังทำบุญช่วยเพื่อนมนุษย์ หลังพบข้อความขอความช่วยเหลือในกลุ่มเฟซบุ๊ก อ้างตกงาน-กดเงินออกจากบัญชีไม่ได้ แถมไม่มีเงินกินข้าว วอนคนเห็นใจช่วยโอนคนละนิดละหน่อย ล่าสุด พบข้อความลักษณะเดียวกันถูกโพสต์ไปแล้วหลายกลุ่ม กระจายไปในหลายพื้นที่ เช่น จ.กรุงเทพฯ จ.อยุธยา จ.สระบุรี จ.ชลบุรี และ จ.ภูเก็ต
ขณะที่เพจดังสายดาร์ก 'โคตรห้าว V.4' ได้โพสต์ข้อความเตือนภัยหนุ่มรายดังกล่าวเข้าข่ายมิจฉาชีพ หลอกลวงคนใจดีโอนเงินเข้าบัญชี แต่ที่ไหนได้กินหรู-อยู่สบาย แฉ ภาพถ่ายกินปิ้งย่างอิ่มสำราญ พบทำหลายครั้งยังจับตัวไม่ได้!
“ตามล่า! มันชื่อเล่นว่าไอ้ปลื้ม ชื่อจริงศาสตรา เป็นคนขอนแก่น มันมีพฤติกรรมไปโพสต์ขอความช่วยเหลือจากลุ่มต่างๆ ให้คนโอนเงินไปให้มัน 40 บาท เพื่อสมทบเงินในบัญชีของมัน เพื่อมันจะเอาไปซื้อข้าว ถ้าใครเห็นมันไปโพสต์ที่ไหนรบกวนแจ้งมาด้วยนะ ตอนนี้ประสานกับทางตำรวจแล้ว ว่ามันคือมิจฉาชีพที่ไปหลอกคนอื่นให้โอนเงินไปให้
ตอนนี้เท่าที่เช็คดูภายใน 18 วัน ที่มันออกโพสต์เพื่อขอเงินคนอื่น ยอดเงินที่มันได้ไปภายใน 18 วัน คือ 27,000 บาทแล้ว นี่แค่ 18 วันนะ รายได้ดีกว่าเงินเดือนใครหลายๆ คนเลย ฝากทุกคนที่เห็นโพสต์แนวนี้
ฝากถึงคนที่โดนมันหลอกให้โอนเงินไป ขอให้ทุกคนไปแจ้งความนะ อย่าคิดแค่นี้คงไม่เป็นอะไร เพราะไอ้เ-ยนี่มันขอมานานมากแล้ว คนละ 50 คนละ 100 รวมๆ กันมันได้หลายหมื่น สบายมันไม่ต้องทำงาน”
หลังจากที่ข้อความเตือนภัยถูกเผยแพร่สู่สังคมออนไลน์ ได้มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างหนัก พร้อมทั้งเปิดเผยภาพบทสนทนาของเหยื่อที่หลงเชื่อโอนเงินไปแล้ว เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจสายบุญควรตรวจสอบให้ดีก่อนมอบเงินให้เพราะความสงสาร
“มีคนเห็นใจโจร ไม่อยากเชื่อเลยว่ามีตรรกแบบนี้ คนที่เขาช่วยเพราะเขาอยากช่วยเหลือ แต่มารู้ที่หลังว่าเป็นมิจฉาชีพ เป็นใครก็โกรธ ที่ไม่ทำมาหาแ-ก แต่หลอกคนไปวันๆ แล้วสังคมจะเป็นยังไง ถ้ามีคนที่เขาเดือดร้อนจริงๆ มาขอความช่วยเหลือ จะมีใครกล้าช่วยไหม ในเมื่อมีพวกเหลือบปนอยู่ในสังคมแบบนี้”
“คงได้เป็นแสนบาทแล้วครับ ที่ภูเก็ตก็โดนไปหลายกลุ่มล่ะ มันมาเกือบทุกกลุ่มเลย นวนครมีงานบอกกันด้วย อยุธยา สระบุรี ก็มี มันเอาความสงสารของคนอื่นมาเป็นเครื่องมือหาแ-ก ชีวิตไม่เจริญหรอก”
“พวกที่หลอกเอาเงินคนอื่นในขณะที่ตัวเองยังทำงานได้อยู่นี่ หน้าต้องหนา ไร้ยางอายแค่ไหน ส่วนคนที่อยากช่วยจะเป็นคนใจบุญก็มีสติกันหน่อยนะครับ จะได้ไม่เป็นเหยื่อพวกมิจฉาชีพ”
“เฟซบุ๊ก-แมสเซนเจอร์” ช่องทางรวยมิจฉาชีพ!
“จากข้อมูลของเฟซบุ๊กที่น่าสนใจ ประเทศไทยใช้ชีวิตบนโทรศัพท์มือถือติดอันดับ 1 ของโลก ฉะนั้น จึงเกิดเหตุการณ์หลายๆ อย่างได้ง่ายขึ้น เพราะมือถือมันอยู่ในมือ ทุกอย่างสามารถทำธุรกรรมได้ตลอดเวลา ทั้งการโอน การรับเงิน หรือแม้กระทั่งการบริจาคก็ตาม”
'วีรพล สวรรค์พิทักษ์' นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด วิเคราะห์พฤติกรรมเรี่ยไรเงินผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียกับทีมข่าว ผู้จัดการ Live หลังเกิดกระแสเตือนภัยระวังขอทานออนไลน์ หลอกลวงคนใจบุญแห่บริจาคเงินไปแล้วร่วมหลายหมื่นบาท
“ข้อมูลจากเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นประเทศติดอันดับโลกที่คลั่งไคล้การใช้สื่อโซเชียลฯ มากๆ คนไทยเข้าเฟซบุ๊กทุกเดือนมากกว่า 51 ล้านคน และเข้าทุกวันมากกว่า34 ล้านคน เท่ากับว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรไทยเข้าเฟซบุ๊กทุกวัน ฉะนั้น มันทำให้เกิดโอกาสการโกง การล่อลวงในเฟซบุ๊กสูงขึ้น
นอกจากเข้าเฟซบุ๊กเยอะขึ้นแล้ว อีกหนึ่งข้อมูลสำคัญ คือ เรื่องของการส่งข้อความในแมสเซนเจอร์ ซึ่งวิเคราะห์มาว่าคนไทยมากกว่า 59% ใช้แมสเซนเจอร์ของเฟซบุ๊กมากขึ้น อย่างเคสหลอกให้บริจาคที่เกิดขึ้นก็เป็นการเรี่ยไรในเฟซบุ๊ก หรือในกล่องข้อความ มันทำให้ฐานของคนหรือกลุ่มเป้าหมายที่เขาจะหลอกลวง มันมีมากขึ้นไปด้วย
คนที่ใช้แมสเซนเจอร์คุยกันจะค่อนข้างจริงจังกว่าการใช้ไลน์คุยกัน ข้อมูลของเฟซบุ๊กบอกว่าคนมากกว่า 53% มีการแชตในแมสเซนเจอร์ มีโอกาสทำธุรกรรมเกิดขึ้น เพราะการแชตในแมสเซนเจอร์ดูน่าเชื่อถือ สามารถเห็นโปรไฟล์ได้
ถ้ามองในแง่บวก การค้า-การขาย มันก็เป็นโอกาสที่จะทำการค้าขายง่ายขึ้น ธุรกิจต่างๆ สามารถทำธุรกรรมได้ง่ายขึ้น แต่ในแง่ลบ ด้านอาชญากรรมก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ทั้งในแง่ของการเรี่ยไรบริจาคแบบนี้ หรือการขายตรง การล่อลวงต่างๆ มันก็ทำได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน”
เพื่อยืนยันคำตอบเรื่องช่องทางหาเงินของมิจฉาชีพในโลกออนไลน์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด เผยถึงวิธีการที่หนุ่มคนดังกล่าวใช้ในการขอเรี่ยไรบริจาคด้วยว่า ถือเป็นคำพูดเชิงจิตวิทยาอย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นการขอรับบริจาคจำนวนน้อย เพื่อหวังผลรวมจำนวนมาก
“จริงๆ ต้องบอกว่าพื้นฐานของคนไทย เราเป็นประเทศน้ำใจงาม-จิตใจดีโดยพื้นฐาน ด้วยศาสนาพุทธ เราถูกสอนให้ทำบุญ-ทำทานมาตั้งแต่เด็กๆ ฉะนั้น เงิน 5-10บาท ถ้าไม่ได้ลำบากเรายินดีให้
แต่ด้วยพฤติกรรมพื้นฐานของคนไทยที่ชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้ว มันเลยกลายเป็นช่องทางให้พวกมิจฉาชีพพวกนี้ใช้เป็นโอกาสในการทำผิดกฎหมาย
แต่ต้องบอกว่าคนพวกนี้ค่อนข้างฉลาดนะครับ เพราะว่าเขาไม่ได้ขอเงินจำนวนเยอะ ถ้าเขาขอหลักพัน ผมเชื่อว่าเขาคงไม่ประสบความสำเร็จ เรียกว่าเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง เพราะเขาขอเงินจำนวนน้อยจากกลุ่มคนจำนวนมาก มันเลยทำให้ยอดรวมของเงินทั้งหมดกลายเป็นจำนวนมาก
ซึ่งข้อดีของการทำการตลาดในสื่อโซเชียลฯ คือสามารถทำได้ 24 ชั่วโมง มันไม่เหมือนเราไปเดินเรี่ยไรเงินตามสวนสาธารณะที่ต้องเดินช่วงที่คนเลิกงาน หรือกำลังรอรถกลับบ้าน แต่ออนไลน์มันทำได้ตลอดเวลา”
สุดท้ายนักการตลาดรายเดิมยังฝากถึงกลุ่มผู้บริโภคในสังคมออนไลน์ด้วยว่า ควรพิจารณาความน่าเชื่อถือให้ดีก่อนตัดสินใจบริจาคเงินช่วยเหลือ อีกทั้งยังฝากให้คนในสังคมร่วมกันใช้โซเชียลมีเดียในแง่บวกมากขึ้น
“อย่างแรกเลย ผู้บริโภคที่ดีอยู่แล้วที่เป็นคนใจบุญสุนทาน การบริจาคของคุณ ผมเชื่อว่ามันมีช่องทางในการทำบุญหรือบริจาคได้อย่างถูกต้องเยอะแยะมากมาย ทั้งจากมูลนิธิ องค์กรการกุศล โรงเรียน หรือโรงพยาบาล ซึ่งเหล่านี้มีมาตรฐาน มีช่องทางออนไลน์ให้บริจาคได้สะดวกขึ้น มันสร้างความสบายใจกับเราได้มากกว่า
อย่างที่สอง ฝากถึงทุกคนว่าการใช้โลกโซเชียลฯ ผมอยากให้มองแง่บวก ถ้าสังคมใช้สื่อออนไลน์ในแง่บวก ผมเชื่อว่าสังคมมันจะดีขึ้น เราได้เจอเพื่อนเก่า ได้ทำธุรกิจ หรือได้ใช้ชีวิตที่มันสะดวกขึ้น ถ้าทุกคนช่วยกันใช้มันในแง่บวก โซเชียลฯ มันก็จะอยู่ในแง่ดี
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณใช้มันในแง่ลบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูดสร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) หรือการกลั่นแกล้ง ด่าทอ พูดจาเสียดสี (Bully) และการทำมิจฉาชีพ สุดท้ายมันทำให้สังคมโซเชียลที่ควรเป็นสังคมที่ดี มันจะกลายเป็นสังคมที่คนรังเกียจมากขึ้นครับ”
ข่าวโดย ทีมข่าวผู้จัดการ Live
ภาพ FB: โคตรห้าว V.4