ถ้าไม่อยากให้ชะตาชีวิตของเด็กน้อยอีกหลายรายต้องเป็นเหมือน "น้องนาวา" กูรูด้านความปลอดภัยแนะ ให้เลือก "สถานรับเลี้ยงเด็ก" ให้ดี จะดูจากมี "กล้องวงจรปิด" อย่างเดียวคงไม่ได้ความ อย่างน้อยๆ ต้องมีแอปฯ สำหรับติดตามลูกหลาน รวมแล้ว 5 องค์ประกอบที่ผู้ปกครองต้องตรวจสอบอย่างเคร่งครัด!!
เลือดคั่งในอวัยวะ นี่หรือที่ตายเพราะผ้าปิดจมูก?
อนาถเด็กน้อยวัย 10 เดือน แม่ฝากเลี้ยงที่เนอร์สเซอรี่ชื่อดังในจ.สมุทรปราการ เนอร์สเซอรี่อ้างว่า ผ้าปิดจมูกทำให้เด็กเสียชีวิต ล่าสุดตรวจสอบแล้วพบว่า น่าจะเกิดจากการถูกทำร้ายของเจ้าหน้าที่ดูแล
คุณแม่ของน้องนาวา หรือวราลี เสริมจันทร์ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้พาลูกไปฝากเลี้ยงที่เนอร์สเซอรี่แห่งหนึ่งในจ.สมุทรปราการ6วันแรกทางเนอร์สเซอรี่ส่งรูปน้องมาให้ดู ทุกอย่างปกติดี แต่เมื่อวันที่ 25 เมษายนพบซี่โครงด้านซ้ายซี่2ถึง4 หัก มีเลือดออกที่ผนังหัวใจ และมีเลือดคลั่งในอวัยวะทั่วไป ซึ่งหมายความว่า การเสียชีวิตของน้องนาวานี้เป็นการเสียชีวิตจากขาดอากาศหายใจแบบเฉียบพลัน สภาพร่างกายไม่มีบาดแผล และไม่ได้เกี่ยวข้องกับผ้า
“เสียใจมากเรามองไปถึงวันที่ส่งเขา วันที่พี่เลี้ยงมันอุ้มไป เขาคงคิดในใจ อย่าเอาหนูไปส่งเลยนะ เราไม่ต้องการเงิน แต่อยากให้ติดคุก จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด” คุณแม่วราลี ให้สัมภาษณ์พร้อมร่ำไห้ถึงลูก
หลังจากผลชันสูตรออกมาด้านชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นว่ารับไม่ได้กับการกระทำดังกล่าวจำนวนมาก พร้อมเข้าไปคอมเมนต์พูดถึงกรณีของน้องนาวาจำนวนมาก
“เดี๋ยวนะ เด็ก 10 เดือน จะไปทำอะไรให้โกรธนักหนา ถ้าคุณโกรธลงไม้ลงมือกับเด็กไม่รู้เดียงสาได้ขนาดนี้คุณควรลาออกแล้วนอนหายใจทิ้งเฉยๆที่บ้านดีกว่ามาทำร้ายลูกคนอื่นแบบนี้มั้ยใจทำด้วยอะไรเด็กแค่ 10 เดือนกำลังน่ารักเลย แล้วทำร้ายเค้าทำไม เปิดเนอร์สเซอรี่ทำเด็กตายแบบนี้ผมว่าเปลี่ยนอาชีพไปเป็นสับปเหร่อเถอะ ไหนความปลอดภัย ข้ออ้างแบบนี้ใช้ไม่ได้ค่ะถ้าคุณคิดที่จะเปิดสถานที่รับเลี้ยงเด็กแล้วคือคุณต้องมีความรับผิดชอบคุณลองคิดว่าถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับลูกคุณบ้างคุณจะรู้สึกยังไงคุณควรนึกถึงหัวอกพ่อแม่เขาด้วย”
เนอสเซอรี่ที่ดี ต้องมี 5 องค์ประกอบนี้
หลายคนตั้งข้อสงสัยกับกรณีของน้องนาวาที่เสียชีวิตว่า เนอร์สเซอรี่ที่ดีและปลอดภัยควรเป็นอย่างไร รวมถึงการสังเกตพฤติกรรมของลูกหากมีปัญหากับผู้อื่น ทางทีมข่าวผู้จัดการLive จึงได้ติดต่อสัมภาษณ์ ประจวบ ผลิตผลการพิมพ์ เจ้าหน้าที่บริหารงานสื่อสาธารณะศูนย์วิจัยความปลอดภัย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีฯ ซึ่งได้ไปลงพื้นที่สำรวจความปลอดภัย ของเนอร์สเซอรี่ในประเทศไทย ให้มาไขข้อสงสัยถึงกรณีนี้ โดยเจ้าหน้าที่ เปิดเผยกับทีมข่าวว่าจากการลงพื้นที่ พบว่าในประเทศไทยมีเนอร์สเซอรี่และสถาบันการเลี้ยงเด็กที่ถูกกฎหมายเพียงแค่1,000สถานที่ แต่นั่นก็ไม่หมายความว่าสถานที่กฎหมายนั้นจะปลอดภัยจริงๆ ทั้งยังย้ำชัด ว่าเนอร์สเซอรี่ที่ดีและปลอดภัยต้องดูแลตั้งแต่ภายในและภายนอก รวมไปถึงบุคคลากรด้วย
"1. เนอร์สเซอรี่ทีถูกต้องต้องมีใบอนุญาตจากกระทรวงการพัฒนาสังคม ถ้าที่ไหนไม่มีถือว่า ไม่มีความปลอดภัย การเดินทาง ควรเป็นที่ใกล้บ้าน และควรเป็นที่อยู่ใกล้ที่ทำงานพ่อแม่ เพื่อให้พ่อแม่เข้าไปดูลูกได้ด้วย
2. เทคโนโลยี ก็ไม่ควรมีแค่มีกล้องวงจรปิด แต่สิ่งที่ควรจะมีแอปพลิเคชั่นสำหรับผู้ปกครองกับเนอสซอรี่ด้วย เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถเปิดดูลูกของตนได้ตลอดเวลาลูกเรามีสภาพแบบไหน ปลอดภัยไหม
3. ภายในอาคาร ควรมีห้องปฐมพยาบาล สำหรับในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน บุคลากรต้องสามารถปฐมพยาบาลได้ สามารถช่วยเหลือเด็กเบื้องต้นได้
4. ส่วนภายนอกอาคาร ประตูเป็นยังไงมีสนิมมั้ย มีโอกาสล้มลงมาทับหรือเปล่า สนามเด็กเล่นของเด็กเป็นยังไง พื้นเป็นปูนหรือไม่ มีอุปกรณ์ที่สูงเกินไปมั้ย
5. เรื่องอาหาร ก็ต้องดูว่าสิ่งที่เด็กรับประทานเข้าไปมีประโยชน์และปลอดภัยมั้ย ดูแลในด้านนี้ดีรึเปล่า อันนี้ก็ต้องดูอย่างละเอียดครับ"
จากกรณีน้องนาวาและหลายๆ กรณีที่เกิดขึ้น ผู้ปกครองต้องตรวจสอบเนอสเซอรี่อย่างละเอียด ก่อนส่งบุตรของตนเองไปฝากไว้ในสถานที่แห่งนั้น ควรดูว่าเนอร์สเซอรี่ผ่านการตรวจสอบและมีความปลอดภัยจริงๆ หรือไม่ และผู้ปกครองเองไม่ควรประมาทต่อพฤติกรรมของลูก ไม่ควรปล่อยผ่าน และเมื่อถามถึงในกรณีที่เด็กมีปัญหาจะต้องสังเกตพฤติกรรมของเด็กอย่างไร แหล่งข่าวรายเดิมจึงให้คำตอบว่า อารมณ์และพฤติกรรมของเด็กจะมีความเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ผู้ปกครองควรดูแลและดูแลอย่างใกล้ชิด
“เด็กจะเปลี่ยนไปจากการร่าเริงแจ่มใส่ เด็กซึม บางทีเด็กเล็กที่พูดไม่ออก เวลาเราพาลูกไปโรงเรียนเนี่ย เขาจะกลัวจนน่าผิดสังเกต เข้าใกล้ใครเขาจะร้องไห้เกาะแม่แจ บางครั้งจะติดพ่อและแม่จนน่าแปลกใจ เราต้องเช็ก คุณพ่อ-คุณแม่ ต้องพยายามเช็กว่าลูก มีบาดแผลมั้ย คือเราต้องมองโลกในแง่ร้ายไว้ก่อน ฟังหูไว้หู ถ้ามีควรไปพบแพทย์เลย”