“หากพ่อมองอยู่บนนั้น และได้เห็นคนไทยรักกันจะสุขเพียงไหน คงไม่ยากเกินไปสักครั้งหนึ่ง” เมื่อถึงวินาทีที่คนไทยด้วยกันหันมาสาดคำด่า ติดป้ายประกาศร้องไล่ ตั้งแง่รังเกียจกันและกัน เพียงเพราะ “ความผิดพลาดจากความหวังดี” ของลูกๆ ที่ต่างก็ “รักพ่อ” เหมือนๆ กัน จึงถึงเวลาที่ “ลูกของพ่อ” ต้องผูกใจกันออกมาประสานรอยร้าวบนผืนแผ่นดินไทย เพื่อให้เราก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดไปด้วยกัน...
[ถึงเวลาที่พี่น้องชาวไทยจะต้องหันมาสร้าง "รักเพื่อพ่อ" เพื่อแผ่นดินของเรา เพื่อรอยยิ้มของพ่อ]
ขอโทษ “พี่น้องชาวอีสาน” จากใจนักพูดผู้ผิดพลาด
["เบส-อรพิมพ์" นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ขออภัยจากใจในความผิดพลาดจากการพูด]
จากการพูดปลูกจิตสำนึก สานความสามัคคี เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ซึ่งใช้เวลาสื่อสารอยู่ร่วม 1 ชั่วโมงครึ่ง ตั้งแต่เมื่อ 10 เดือนที่แล้ว กลับกลายมาเป็นประเด็นถกเถียง สร้างรอยร้าวในสังคมไทย
จากคลิปที่ถูกตัดเหลือเพียงไม่ถึง 1 นาที ส่งให้คนที่ใครต่อใครขนานนามให้ว่าเป็น “นักพูดของพ่อ” ผู้เป็นเจ้าของประโยคกินใจที่ว่า “เกิดอีกสิบชาติ...ก็ไม่เจอมหาราชที่ชื่อภูมิพล” ถูกขนามนามใหม่ให้เป็น “นักพูดสร้างความแตกแยก” ไปแล้ว หลังมีคลิปถ้อยคำของ เบส-อรพิมพ์ รักษาผล นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ถูกเผยแพร่ออกมา
คลิปจุดชนวนประเด็นดังกล่าว คือคลิปการบรรยายเมื่อครั้งเจ้าตัวได้ลงพื้นที่พูดบรรยายที่ ม.ราชภัฏมหาสารคาม จ.มหาสารคาม โดยมีนักเรียนกว่า 3,000 คน จากหลากสถาบันเข้าร่วมรับฟัง โดยถ้อยคำในนั้น มีบางช่วงบางตอนกระทบใจชาวอีสานหนักมากในประเด็นที่แสนเปราะบาง จากคำพูดดังต่อไปนี้
“พี่จะไม่ถามว่ารักในหลวงไหม รู้อย่างเดียวว่าคนอีสาน ในหลวงเสด็จฯ บ่อยมาก และช่วยคุณเยอะมาก คนอีสานคะ โปรดฟัง ในหลวงรักพวกคุณ แปลกนะที่บางทีพวกคุณลืมในหลวงเนอะ แปลก... พี่ไม่ได้ว่านะคะ พี่เข้าใจ เพราะคุณมันเกิดช้าไง”
เพียงถ้อยคำที่ถูกตัดทอนให้เหลือเพียง 40 วินาที และถูกนำมาแชร์ต่อๆ กันไป กลับกลายเป็นชนวนความเกลียดชังในใจพี่น้องชาวอีสานหลายต่อหลายราย ถึงขั้นมีการขึ้นป้ายไวนิลต่อต้านนักพูดคนดังติดตามพื้นที่สาธารณะต่างๆ นับ 10 ป้าย ไม่ว่าจะเป็น "หยุดพูดสร้างความแตกแยก" หรือ "ไม่ต้อนรับ เบส อรพิมพ์ เหยียบย่ำหัวใจคนอีสาน! พ่อหลวงรักคนไทยทุกภาค อยู่เหนือความขัดแย้ง อย่าเอามาเป็นข้อกล่าวหาเหยียบย่ำหัวใจคนอีสาน"
[พี่น้องชาวอีสาน ปิดป้ายตอบกลับคลิปที่นักพูดเอ่ยถึงคนอีสาน]
ไม่เว้นแม้แต่ “ลูกอีสานในวงการ” หลายต่อหลายรายที่ทนอยู่เฉยๆ ไม่ไหว จนต้องออกมาโพสต์ตอบโต้ถ้อยคำในคลิปดังกล่าวให้ว่อน โดยเฉพาะโพสต์จากเฟซบุ๊ก “Tukky Sudarat” ของ “ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน” หรือ สุดารัตน์ บุตรพรหม ตลกสาวอุดรฯ คนดัง ที่ยิ่งส่งให้เรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นประเด็นเดือดมากขึ้นไปอีก ด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้
["ตุ๊กกี้-สุดารัตน์" คนบันเทิงลูกอีสาน ออกมาโพสต์ตอบคลิปเพราะทนไม่ได้]
“บารมียังไม่พอ อย่าไปกล่าวถึงใคร เอาเรื่องตัวเอง เท่านั้น จะดี โลกไปไกล คำพูด ถ้าพาดพิง มันจะกลับมาทำลายเรา! เอาเรื่องในหลวงมาพูด จนมีงานการทำ นี่ก็ควรจะพอแล้ว ไปพูดถึงคนอีสานทำไม เอาเรื่องเดียว พอแล้ว จำไว้ ใครๆ ก็รักในหลวงทั้งนั้น”
ล่าสุด นักพูดสาววัย 26 ได้ออกมาเคลียร์ใจผ่านรายการ “ถามตรงๆ กับจอมขวัญ” เป็นที่เรียบร้อย หลังถูกสังคมกระหน่ำยับจนแทบไม่เหลือที่ยืน เพื่อขอพื้นที่ “ขอโทษจากใจ” ในความผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจของเธอเอง และไม่ว่าพี่น้องชาวอีสานจะให้อภัยเธอหรือไม่ เธอก็ต้องกราบขออภัย พร้อมแนบคำอธิบายว่าไม่ได้มีเจตนากล่าวหาใครว่าไม่รักในหลวง ที่เห็นในคลิปสั้นๆ นั้นเป็นเพียงวิธีการพูดเพื่อดึงความรู้สึกร่วม เพื่อปลูกจิตสำนึกให้คนฟังเท่านั้นเอง ย้ำชัดว่าหากได้ฟังทั้งหมดกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง จะทราบเจตนาที่แท้จริงที่อยากจะสื่อสารจริงๆ
“เบสอยากขอโทษคนอีสานจากหัวใจจริงๆ ค่ะ (ยกมือไหว้) เบสทำงานด้านนี้มา 10 กว่าปี เพราะอย่างเดียวคือเบสอย่างมีส่วนในการใช้เสียงของเบสในการสร้างสิ่งดีๆ ในสังคม-ประเทศชาติ วันนี้คำพูดตอนหนึ่งที่ถูกตัดออกมา มันกลายเป็นจุดชนวนบางอย่างของความแตกแยก เบสอยากขอโทษ... ตลอดระยะเวลาการทำงานของเบส ภาคที่เบสไปมากที่สุดคือภาคอีสาน เบสไม่มีทางที่จะคิดกับพี่น้องคนอีสานไม่ดีเลย เบสขอโทษนะคะ ถ้าสิ่งที่เบสทำจากความตั้งใจในการทำงาน มันไปกระทบความรู้สึกของท่าน
[ได้โปรดอภัยให้ "ลูกของพ่อ" คนหนึ่ง]
เบสขอโทษด้วยใจจริง ไม่ว่าพี่น้องชาวอีสานจะให้อภัย หรือไม่ให้อภัย ก็ไม่เป็นไร... เบสไม่โทษใครเลย เบสว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะสิ่งที่เบสพูดลงไปในนั้น ถ้าท่านได้ฟังทั้งหมด ท่านอาจเข้าใจ แต่ถ้าท่านไม่ได้ฟังทั้งหมด เชื่อเบสนะคะว่าเบสไม่มีเจตนาอะไรที่ไม่ดีเลยกับพี่น้องคนอีสาน
ขอให้สบายใจได้ว่าเบสจะเอามาปรับในการทำงานด้วย เพื่อให้ท่านได้รู้ว่าเบสบริสุทธิ์ใจ และยังยินดีที่จะทำงานให้กับพี่น้องชาวอีสานและพี่น้องทุกภาคต่อไป เพราะว่าเจตนาของเบสคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประเทศไทย"
ขอลูกๆ จงตั้งสติ! รักกันไว้ตาม “คำพ่อสอน”
[ขอบคุณภาพ: แฟนเพจ "Kontuajew" | fb.com/kontuajew]
ในฐานะคนที่มองเห็นความเปลี่ยนแปลงและในฐานะลูกหลานชาวสยามรายหนึ่ง “ซูโม่กิ๊ก” หรือ เกียรติ กิจเจริญ จึงถือโอกาสออกมาโพสต์เตือนสติสั้นๆ ด้วยภาษาหยิกแกมหยอกตามสไตล์ของเขาผ่านแฟนเพจ “Kiat Kitcharoen” โดยไม่ได้ระบุชัดเจนว่ากำลังกล่าวถึงเรื่องอะไร แต่เลือกโพสต์ในช่วงเวลาที่ประเด็นข่าวการต่อต้าน “นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ-นักพูดสร้างความแตกแยก” กำลังร้อนระอุที่สุดในขณะนั้น
“ทำไมรู้สึกเหมือนโดนยุแหย่ให้แตกความสามัคคีวะ... เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมารู้สึกว่าเรารักกัน รู้สึกดีจัง พอมาตอนนี้ ทำไมมันเกลียดกันอีกแล้ววะ หรือว่าเรากำลังโดนใช้เป็นเครื่องมือ...(กูจะโดนด่าไหมวะเนี่ย???) ถ้าโกรธ ผมขอโทษนะครับ อย่าด่าผมเลย ผมกลัวแล้ว...”
["ซูโม่กิ๊ก" ดาราตลกช่วยโพสต์กระตุกต่อมคิดตามสไตล์ของเขา]
ไม่รู้ว่าคนไทยยังจดจำความอบอุ่นตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมากันได้อยู่บ้างไหม ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาแห่งความโศกสลดที่สุดบนแผ่นดินไทย แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังมีเรื่องที่ทำให้คนไทยยิ้มได้ เมื่อได้เห็นความปรารถนาดีที่ “ลูกของพ่อ” มอบให้แก่กัน แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน กลับดูเหมือนว่าหลายๆ อุ่นไอเหล่านั้นจะเริ่มจางลง และถูกแทนที่ด้วยไอร้อนจากคนที่พร้อมจะเข้าเกียร์เดินหน้าเพื่อพุ่งชน
เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา นายกสโมสรสื่อมวลชนภาคเหนือแห่งประเทศไทย คือหนึ่งในคนที่ออกมาโพสต์เกาะกระแสกรณีตุ๊กกี้โพสต์พาดพิงถึงเบส และขยายประเด็นให้เรื่องราวยิ่งดรามาหนักไปกันใหญ่ โดยออกมาเรียกร้องให้ ปัญญา นิรันดร์กุล ผู้บริหารเวิร์คพอยท์ บริษัทต้นสังกัดของตลกสาว ปลดเธอออกจากการให้ความบันเทิงบนหน้าจอทีวีเสีย โดยอ้างว่าตุ๊กกี้โพสต์ตำหนิ บิดเบือนเจตนารมณ์ของนักพูดสาวเจ้าของประเด็น
["เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา" หนึ่งในผู้เกาะประเด็นร้อน โพสต์เพิ่มดรามา]
“ผมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่รักชาติ ขอเรียกร้องให้คุณปัญญา ผู้บริหารเวิร์คพอยท์ พิจารณาการกระทำของ “ตุ๊กกี้” ตลก ที่นิยมชมชอบว่าเหมาะสมหรือไม่ ในการแสดงออกต่อน้องเบสที่เจตนาดี ปกป้องในหลวง และพระมหากษัตริย์ แต่กลับถูกตำหนิจากการบิดเบือน
คุณปัญญาและครอบครัว เป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม แสดงออกในการ จงรักภักดีต่อชาติตลอดมา ผมคนบ้านนอก ไม่มีราคา ไร้ยศ ตำแหน่ง ในฐานะผู้ชื่นชมคุณปัญญาเสมอมา จึงขอเป็นตัวแทนคนไทยคนหนึ่งให้ท่านพิจารณา พนักงานของท่านให้ยุติการออกอากาศ และยกย่อง “คนดี” ตลก อื่นๆ เข้ามาทดแทน เพื่อมิให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ของบริษัทที่ท่านทำมาทั้งชีวิต จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งต่อคนไทยที่รักชาติคนหนึ่ง”
อีกหนึ่งโพสต์เตือนสติที่น่าคิดไม่แพ้กันคือ โพสต์จากจิตแพทย์คนดังอย่าง นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล ที่นอกจากจะแตกมิติความไม่เข้าใจออกมาอธิบายผ่านหลักจิตวิทยาเอาไว้ได้หลากหลายประเด็นแล้ว ยังชวนให้คนไทยเปิดตาให้สว่าง จะได้ไม่ตกหลุมพรางกลุ่มผู้ยุแหย่ ฉวยโอกาสจากประเด็นดรามาเพื่อขยายรอยแผลแห่งความไม่ลงรอยให้ยิ่งเกิดแผลกว้างมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะคนที่เกาะกระแสข่าวลบจากกรณี “เบส” นักพูด และ ตลกสาว “ตุ๊กกี้” ที่ลูกของพ่อต้องตั้งสติรับมือให้ดีเป็นพิเศษ
[นพ.กัมปนาท ยืนหยัดแน่นหนัก ไม่ขอสนับสนุนฝ่ายโหนกระแส ไม่ว่าฝ่ายใดทั้งนั้น]
“สรุปอีกทีว่า ผู้หญิงทั้งสองคนนี้มีความผิดพลาดอะไรบางอย่างที่เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แล้วก็มีคนกล่าวหาว่ามีตัวเสี้ยม ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็โยนความผิดใส่กันว่าคือตัวเสี้ยม ผมบอกเลยว่า เลวพอกัน! ทั้งพวกจ้องสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศชาติ และพวกอ้างรักเจ้าแบบล็อกสเปก คือใครแตะเรื่องเจ้าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว อารมณ์จะพุ่งเตรียมด่ากันตลอดเวลา
สิ้นรัชกาลที่ ๙ ไปแล้ว คนไทยทั้งหลาย อยากสิ้นชาติกันไปด้วยใช่ไหมครับ มันน่าละอายและน่าสมเพชมาก ถ้าเราจะสิ้นชาติเพราะเราแตกความสามัคคีกัน... พ่อเตือนแล้วเตือนอีกมิใช่หรือครับ แต่ไม่ฟัง ไม่สน แค่เดือนเดียวยังกัดกันขนาดนี้ ครบปีนี่ ผมไม่อยากคิดเลยจริงๆ...
ดังนั้น จงหนักแน่นและมั่นคง ช่วยกันต่อต้านพวกฉวยโอกาส แย่งชิงพื้นที่สื่อเหล่านั้นซะ ใครด่าคุณเบสหรือคุณตุ๊กกี้ ผมแบนนะครับ เชิญไปด่าที่เพจอื่น เพจนี้งดดรามา”
ไม่รู้ว่า “ลูกๆ ของพ่อ” ยังจะพอจดจำกันได้อยู่หรือไม่ ทุกๆ เรื่องราวที่ “พ่อหลวง” ของเราได้ทรงฝากฝังเอาไว้ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่พี่น้องชาวไทย “เห็นต่าง” และแตกสามัคคีกันเอง
“…ทางที่เราจะช่วยกันได้ ก็คือการทำความคิดความเห็นให้ถูก และแน่วแน่ในอันที่จะยึดถือประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นที่หมาย ต้องเพลาการคิดถึงประโยชน์เฉพาะตัว และความขัดแย้งกันในสิ่งที่มิใช่สาระลงให้ได้
ผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใดอยู่ ก็เร่งกระทำให้สำเร็จลุล่วงไปโดยเต็มกำลังความรู้ ความคิด และความสามารถ ด้วยความจริงใจ ด้วยความเมตตาปรองดอง และความมุ่งดีปรารถนาดีต่อกัน ผลงานของทุกคนจักได้ประมวลกันขึ้นเป็นประโยชน์สุข ความมั่นคง และความวัฒนาถาวรของประเทศชาติ ซึ่งเป็นจุดหมายอันสูงสุดของเรา…”
พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2537 วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2536
"...ถ้าหากว่า คนหนึ่งมีหน้าที่อย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องมีหน้าที่เหมือนกัน แต่ก็ต้องสอดคล้องกัน เพื่อให้งานส่วนรวมนั้นดำเนินไปได้ดี ถ้าอยู่ในหมู่คณะเดียวกัน หรือในคณะทำงานเดียวกัน ก็จะต้องให้สอดคล้องกัน เพื่อให้งานที่ทำนั้นมีประสิทธิภาพสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่หากมาทะเลาะกัน เถียงกัน โดยหลักหรือพื้นฐานหลักความคิดนั้นแตกต่างกัน ก็คุยกันไม่ได้ พูดกันไม่ได้ อย่ามาพูดกันดีกว่า เพราะถ้าทัศนะของคนหนึ่งมีอย่างหนึ่ง และทัศนะของอีกคนหนึ่งมีอย่างหนึ่ง โดยไม่พยายามปรองดองกัน โดยไม่พยายามที่จะหาทางออกที่เหมาะสม ยิ่งพูดก็ยิ่งยุ่ง ยิ่งทำให้คนอื่นที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ดูแล้วขวัญเสีย..."
พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2536
''...ชาติของเรารักษาเอกราชอธิปไตยมาได้จนถึงทุกวันนี้ด้วยความสามัคคี คนไทยเราแต่ละคนรู้จักประโยชน์ส่วนรวมของชาติ รู้จักปฏิบัติหน้าที่ให้สอดคล้องและเกื้อกูลกัน ผลการปฏิบัติของเรานั้นจึงเกิดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ซึ่งสามารถกำจัดและป้องกันภัยต่างๆ มิให้ทำอันตรายแก่เราได้
แม้จะมีศัตรูคิดร้าย บุกรุกคุกคามอย่างหนักหนาเพียงใด เราก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำ ขอให้ทุกคนสำนึกตระหนักว่า ความสมัครสมานสามัคคีของเรานั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะต้องรักษาไว้ให้ยั่งยืนอยู่ต่อไป หากเรามีความประมาท เราแตกสามัคคีกันเมื่อใด เราก็จะเป็นอันตรายย่อยยับลงเมื่อนั้น ไม่มีใครอื่นที่ไหนจะช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง...''
พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ทหารรักษาพระองค์ ในพิธีตรวจพลสวนสนาม เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา วันพุธที่ 3 ธันวาคม 2512
หากจะมีหนึ่งคำขอจากลูกๆ บนผืนแผ่นดินเดียวกัน จะเป็นไปได้ไหมที่จะขอ “รักเพื่อพ่อ” อย่างในบทเพลงได้บรรเลงบอกไว้ ไม่ใช่เพียงความรักอันยิ่งใหญ่ที่ทุกคนต่างยินยอมมอบถวายแด่พ่อหลวง แต่เป็นความรักอันกว้างใหญ่ที่ขอให้มอบถวายแด่แผ่นดิน ความรักที่ขอให้ช่วยกันหยิบยื่นแด่พี่น้องชาวไทยด้วยกันเอง เพื่อให้ “พ่ออยู่หัว” พระองค์เดียวกันของพวกเราทรงแย้มพระสรวลได้เมื่อทอดพระเนตรมองลงมา และได้เห็นลูกของพ่อเดินตามรอยพระบาทอย่างแท้จริง
“พ่อไม่เคยขอให้เรารักพ่อ แค่เพียงขอให้เราได้รักกัน... หากพ่อมองอยู่บนนั้น และได้เห็นคนไทยรักกันจะสุขเพียงไหน คงไม่ยากเกินไปสักครั้งหนึ่ง ให้เราได้รักกัน... อยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจ ให้เราได้รักกัน ให้พ่อได้สุขใจ”
[ถึงเวลาที่พี่น้องชาวไทยจะต้องหันมาสร้าง "รักเพื่อพ่อ" เพื่อแผ่นดินของเรา เพื่อรอยยิ้มของพ่อ]
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
- เสียดายแทนคนไทย... “นักพูดเพื่อพ่อ” ไม่ได้ไปต่อใน “อเมริกา”
- “เบส อรพิมพ์” เกิดอีกสิบชาติ...ชาวอีสานจะให้อภัย(ไหม)?
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754