ขึ้นถึงจุดสูงสุดในระดับซุป’ตาร์ เมืองไทยก็เป็นมาแล้ว ดำดิ่งสู่จุดมืดมนที่สุดของชีวิตก็ยังผ่านมาได้ นักร้องนักแสดงตี๋วัย 31 ปี อย่าง ฟิล์ม - รัฐภูมิ ล่าสุด เขากลายเป็นประธานบริการบริษัทแอปพลิเคชันรายใหม่ สวมบทบาทนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่ใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตในการทำธุรกิจไปกว่า 10 ตัว เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่า ไม่ได้มีดีแค่งานวงการบันเทิง!
ประธานบริษัท อีกบทบาทหนึ่งของฟิล์ม
คนไทยเราอาจจะคุ้นเคยกับหนุ่มตี๋มาดเข้ม อย่าง ฟิล์ม - รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ในบทบาทของการเป็นนักร้องและนักแสดงมากฝีมือคนหนึ่งของเมืองไทย แต่ใครจะคิดว่าอีกบทบาทหนึ่งที่เขากำลังทำอยู่คือการเป็นนักธุรกิจด้วย วันนี้เขาจะขอวางหมวกอีกใบหนึ่งซ้อนหมวกใบก่อนๆ ที่เคยสวมมา ด้วยการนั่งแท่นเป็นผู้บริหารเจ้าของธุรกิจแอปพลิเคชัน เพลย์ออล พร้อมกับจับปากกาเขียนหนังสือถ่ายทอดเรื่องราวธุรกิจของเขาในชื่อ “MLC พลิกโลก”
“ผมอยากเขียนหนังสือดีๆ ขึ้นมา 1 เล่ม ในเชิงของธุรกิจ เพราะว่าคนรู้จักผมในมุมของดารานักร้องนักแสดง แต่ว่าไม่เคยเห็นผมในมุมของการทำธุรกิจ ต้องบอกก่อนเลยว่าประสบการณ์ในการทำธุรกิจของผมไม่น้อยกว่า 10 ปี และผมก็รู้สึกว่าผมโตแล้ว วัยอย่างผมมันควรจะมาเล่าประสบการณ์ชีวิตของตนเองให้กับแฟนๆ ฟัง ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวอะไรมาบ้าง ตลอดระยะเวลาตั้งแต่อายุ 15 ปี ผมทำธุรกิจมามากกว่า 10 ตัว มีทั้งประสบความสำเร็จ มีทั้งเจ๊ง มีทั้งขาดทุน แต่ทำไมผมขาดทุนแล้วผมลุกขึ้นมาสู้ใหม่ ผู้อ่านก็จะได้รับสาระความรู้ต่างๆ และจะได้เอาแนวคิดในเชิงบวกอีกมากมายที่จะทำให้เขาพลังลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งหนึ่ง
หนังสือเล่มนี้ผมให้ อ.สมคิด ลวางกุล นักเขียนชื่อดัง เป็นผู้เขียนทั้งหมด ส่วนผมเป็นคนเล่าเรื่อง เหตุผลที่ผมให้ อ.สมคิดมาเขียนให้ ก็เพราะผมคิดว่า ถ้าเกิดมีดารานักร้องมาเขียนหนังสือในเชิงทำธุรกิจคนคงไม่เชื่อ เพราะว่าภาพมันคงแบบ...มันมาเป็นนักธุรกิจได้ยังไง(หัวเราะ) ผมก็เลยให้ อ.สมคิด มาเป็นผู้เขียนในเชิงการตลาดและเชิงแนะนำธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวในชีวิตผมในมุมที่คนอื่นยังไม่รู้จัก เลยนำอาจารย์มาเล่าแทนตัวผมเอง ตอนนี้ก็ปล่อยขายไปสักระยะหนึ่งก็ติด best seller ก็ดีใจมากๆ ที่ผู้คนสนใจและอยากรู้ในมุมการทำธุรกิจของผม”
สำหรับธุรกิจแบบ MLC นั้น คือคำที่ฟิล์มนิยามขึ้นมาเอง ย่อมาจากคำว่า Multilevel costumer ซึ่งเป็นการเชื่อมระหว่างผู้ประกอบการ ร้านค้าต่างๆ กับสมาชิกโดยตรง ประกอบกับความชอบในเรื่องของไอทีเป็นทุนเดิม จึงร่วมมือกับครอบครัวพี่ชายที่นับถือ ในการผลิตแอปพลิเคชันที่จะเข้ามาช่วยให้การคนไทยใช้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และก่อตั้งบริษัทที่ชื่อ เพย์ออล ขึ้นมา
“ผมมองว่า ทำไมคนเราต้องจ่ายกับจ่ายโดยที่ไม่ได้รับอะไรคืนมาเลย ทำไมรายจ่ายที่มันติดตัวเรามาทุกๆ เดือน มันต้องจ่ายอย่างเดียวแล้วทำไมเราไม่ได้รับเงินกลับคืนมา ทำไมคนกลางที่เขามาเปิดเป็นเคาท์เตอร์เซอร์วิสหรือบริการต่างๆ เขาถึงมีเงินกลับไปคนเดียว
คือคนกลางได้รับไปมันไม่ผิด แต่จริงๆ แล้วผมอยากให้มีใครสักคนไปเอากลับคืนมา เราก็เลยมองว่าผมน่าจะทำธุรกิจแนวนี้ขึ้นมา จากจุดเล็กๆ นี้ผมเลยมองว่า ผมต้องทำบริษัทหนึ่งขึ้นมา แล้วก็สร้างแอปพลิเคชันชำระค่าใช้จ่ายทั่วไปแล้วได้เเต้มสามารถนำแต้มไปแลกเป็นเงินได้ ขึ้นมาให้คนไทยได้ใช้กัน
แอปพลิเคชันเพย์ออลคนไทยก็จะได้สะดวกสบาย ใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ได้รับเงินคืน ตัวกลางไปดีลกับทุกๆ สินค้าทุกๆ บริการ เอามาให้กับคนไทยทั้งประเทศได้ใช้ พอใช้จ่ายอะไรไปก็ตาม เพย์ออลจะไปดีลเอาเปอร์เซนต์ส่วนลด เอาอะไรต่างๆ คืนกลับมาหาสมาชิก เป็นธุรกิจเจ้าแรกของโลก ซึ่งตอนนี้ก็ได้การตอบรับที่ดีมาก ผมต้องขอขอบคุณคนไทยทั้งประเทศนะครับ และผมจะพัฒนาให้เพย์ออลมีระบบปฏิบัติการมันดีขึ้นกว่าเดิม มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม”
เมื่อถามถึงเรื่องความแตกต่างระหว่างการเป็นเจ้าของธุรกิจกับการทำงานในวงการบันเทิง ฟิล์มตอบกลับมาด้วยเสียงหนักแน่นว่า แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
“คนละเรื่องเลยครับ ต้องบอกก่อนเลยว่า การเป็นนักแสดงง่ายที่สุดในโลก ง่ายมาก(ลากเสียงยาว) มันพร้อมหมดแล้ว มีแต่ความเพอร์เฟคที่รอเรา ทำงานเบื้องหน้าสบายที่สุดแล้ว มีแต่ความสวยหรู มีแต่สิ่งที่รอคอยเราอยู่ เราเพียงแต่ไปมอบความสุขให้ประชาชน แต่ในการทำธุรกิจ นั่นคือชีวิตจริง เจ๊งจริง ลงทุนจริง ขาดทุนจริง ไม่มีเงินจริง นั่นคือมันคือชีวิตจริง ในการแสดงบางทีเราได้บทเป็นคนรวยเราก็รวยไง เพราะมันคือมายา แต่ในชีวิตในวงการธุรกิจ พลาดเพียงก้าวเดียว ล่มทั้งองค์กร”
เบื้องหน้า เบื้องหลัง เหมาหมด!
แม้จะมีงานธุรกิจรัดตัว แต่งานในวงการบันเทิงของฟิล์มก็ไม่เคยห่างหายไปจากหน้าจอโทรทัศน์แม้แต่น้อย ซึ่งนอกจากจะมีผลงานละครและผลงานเพลงแล้ว ปัจจุบันนักแสดงหนุ่มมากความสามารถผู้นี้ ยังนั่งแท่นเป็นผู้จัดละครไปอีกหนึ่งตำแหน่ง เรียกได้ว่าทำมาหมดแล้วทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังกันเลยทีเดียว
“ผลงานละครของผมตอนนี้ มีที่กำลังจะออนแอร์อยู่คือเรื่อง “เกมพยาบาท” ทางช่อง 8 ครับ แล้วผมกำลังจะทำละครอีกเรื่องคือ “พ่อปลาไหล” ครับ เป็นละครแนวคอมมาดี้ ที่ผมเป็นทั้งผู้จัดละครและแสดงเอง สำหรับบทบาทการเป็นผู้จัดละครของผมตอนนี้ถือว่าโอเคเลยครับ ละครก็มีเข้ามาตลอด เพราะว่าแต่ละเรื่องที่เราทำมีคุณภาพแล้วเรตติ้งดี ช่องเขาเล็งเห็นผลงานของเรา ก็เลยส่งละครมาให้ตลอดครับ
ส่วนผลงานเพลงอัลบั้มใหม่ของผม ก็มีปล่อยซิงเกิ้ลแรกไปแล้ว คือเพลง “เวลาเดียวกัน” เป็นเพลงรักซึ้งๆ ความหมายดีครับ แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องการออกเป็นอัลบั้มเต็ม ผมต้องบอกก่อนเลยว่าปัจจุบันนี้โลกเราเปลี่ยนไปเร็วมากครับ เลยไม่รู้ว่าจะออกเป็นอัลบั้มเต็มได้ตอนไหน ผู้ฟังสมัยนี้เขาไม่ค่อยแคร์เรื่องอัลบั้มเต็มกันแล้ว ศิลปินส่วนใหญ่ก็มักจะปล่อยไปทีละเพลง พร้อมตอนไหนก็ปล่อยลงยูทิวป์ มันไม่มีอะไรที่เป็นแพตเทิร์นอีกแล้ว คนอยากดูตอนไหนก็ดู บางทีเพลงผมปล่อยออกไปตอนนี้อาจจะไม่ดัง แต่ไปดังอีก 5 ปีข้างหน้าก็ได้(หัวเราะ) ส่วนงานอื่นๆ ของผมก็มีอีกเยอะแยะมากมายครับ ทัวร์คอนเสิร์ตก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ ครับ(ยิ้ม)”
ตลอดการพูดคุยนั้น จะเห็นได้ว่าแทบจะทุกลมหายใจของหนุ่มฟิล์ม มีแต่เรื่องงาน แต่หากมีเวลาว่างเมื่อไหร่เป็นต้องนอนเอาแรงไว้ก่อน หากยังมีเวลาเหลือจากการพักผ่อน ฟิล์มก็ขอออกเที่ยวกันพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวโตคงทรัพย์ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เป็นการคืนความสุขให้ตัวเองหลังจากทำงานมานาน
นอกจากนี้ฟิล์มเองยังมีอีกบทบาทที่เขาได้รับคือการเป็นทูตของโครงการฮาบิแทต(Habitat for Humanity Thailand) มูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนทางด้านที่อยู่อาศัย ส่วนตัวของฟิล์มนอกจากจะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์โครงการแล้ว ยังได้ลงมือลงแรงสร้างบ้านจริงๆ อีกด้วย
[ ใช้เวลาว่างท่องเที่ยวกับครอบครัว ]
“เวลาว่างนอกเหนือจากการทำงาน ผมนอนอย่างเดียวครับ(หัวเราะ) นอนแล้วก็เที่ยว เพราะว่าคือชีวิตมันก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ มันก็เริ่มมีเวลาให้กับตัวเองแล้ว ซึ่งเวลาตรงนั้นก็หมดไปกับการพักผ่อน พาครอบครัวไปเที่ยว ทำบุญ ช่วยเหลือสังคม อะไรแบบนี้
ตอนนี้มีอีกหนึ่งอย่างที่ทำอยู่คือโครงการช่วยสร้างบ้านให้กับผู้ยากไร้ นั่นคือโครงการของฮาบิแทต ผมคือทูตคนไทยที่สร้างบ้านให้กับผู้ยากไร้ร่วมกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในโครงการก็มีคนดังมากมายอย่าง จิมมี คาร์เตอร์,ริกกี้ มาร์ติน,ร็อบบี้ วิลเลียม,แบรด พิตต์ รวมถึงผมด้วย แล้วก็ยังมีเยอะแยะมากมายที่เขามาช่วยกันสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้กัน
โครงการนี้ผมทำมาตั้งแต่สมัยออกอัลบั้มแรกเลยครับ น่าจะ 10 ปีได้แล้ว ผมเดินทางสร้างบ้านไปทั่วโลก แต่ปีนี้วันเกิดผมเดือนพฤศจิกายน ผมก็อยากจะทำโครงการดีๆ แบบนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้คนไทยได้รู้ว่า ยังมีผู้ยากไร้อีกเยอะมาก เราต้องช่วยกันทำให้สังคมมันดีขึ้น ซึ่งในประเทศไทยเอง ผมทำมาจะร้อยหลังแล้ว ผมสร้างถวายในหลวง 84 หลัง ผมสร้างเยอะแยะมากมายเลย แต่เดือนพฤศจิกายนที่จะถึง จะสร้างที่ประเทศไทย แล้วก็จะเอาแฟนคลับผมไปร่วมสร้างด้วย เหมือนเป็นการมีตติ้งแฟนคลับไปในตัว โดยปกติแล้วก็มีทุกปี ก็จะไปต่างจังหวัดบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะมาแน่นที่เดือนพฤศจิกายน"
แม้จะสวมหมวกหลายใบทั้งการเป็นนักร้อง นักแสดง ทำรายการ ผลิตสื่อโฆษณา เป็นผู้จัดละคร และอีกบทบาทคือการเป็นผู้บริหารธุรกิจ สิ่งสำคัญที่เป็นแรงผลักดันให้ฟิล์มทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี นั่นก็คือครอบครัว คนใกล้ชิด และฐานแฟนคลับที่เนียวแน่น ที่คอยช่วยเหลือกัน และทำให้อุปสรรคต่างๆ ผ่านพ้นไปได้
“น้องตินัย” สมาชิกใหม่บ้านโตคงทรัพย์
หากใครที่ติดตามอินสตาแกรม@filmrattapoom ของฟิล์มอยู่ คงมีโอกาสได้เห็นหนุ่มน้อยตาน้ำข้าวหน้าตาน่าเอ็นดูคนนหนึ่ง ที่ฟิล์มมักจะแชะภาพร่วมเฟรมและอัปลงอินสตาแกรมอยู่เสมอ จนหลายคนพากันสงสัย หรือว่าหนุ่มฟิล์มแอบย่องไปมีลูกชายเสียแล้ว?!
“เด็กคนนี้เป็นลูกของเพื่อนแม่ผมเอง แม่เขาอยู่ต่างประเทศและงานของเขาก็ค่อนข้างยุ่ง เพื่อนแม่คงอุ้มมาให้แม่เล่นบ่อย แล้วไม่รู้แม่ผมไปผูกพันอะไรกับเด็กคนนี้ ก่อนแม่เด็กกลับประเทศแม่ผมเลยขอ ซึ่งแม่ของเด็กเขาก็ให้ เพราะเขาเห็นว่า ครอบครัวผมมีศักยภาพในการเลี้ยงเด็กแน่นอน เขาก็เลยให้ แต่ว่าแม่ผมก็รอให้การเซ็นเอกสารให้ถูกต้องตามกฎหมาย ว่าแม่เด็กเขายินยอมให้เรามาดูแล จะรับมาเป็นลูกของแม่ผม ก็คือเป็นน้องผมอีกคนหนึ่ง
น้องชื่อว่า “ตินัย” ครับ ตอนแรกผมไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร ผมเห็นแม่เขาตั้งให้ แต่ไม่รู้ว่ามันเขียนยังไง บางคนก็เขียน ตินัย บางคนก็เขียนแปลกๆ มีการันต์เข้ามาก็มี แล้วแต่ว่าคนจะเขียนยังไง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคำแปลมันคืออะไร น้องเป็นลูกครึ่งเชื้อชาติไทย - ฝรั่งเศส หล่อมาก น่ารักมาก ตอนนี้ 2 ขวบเต็มครับ เพิ่งผ่านวันเกิดเขามา(ยิ้ม)”
เมื่อมีเวลาว่างเมื่อไหร่ หนุ่มฟิล์มก็จะรับบทบาทเป็นพี่เลี้ยงจำเป็น คอยดูแลน้องตินัยอยู่เสมอ ซึ่งก็เป็นปกติของเด็กวัยนี้ ที่มักจะเล่นซนจนคนเลี้ยงออกปากว่าเหนื่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ว่าการที่จะเลี้ยงดูคนคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมาได้นั้น เป็นเรื่องนักหนาสาหัสมากทีเดียว
“ตอนนี้ผมโทรมไปหมดแล้วครับ เลี้ยงน้องหนักมาก(หัวเราะ) ปกติแล้วคนที่เลี้ยงน้องตลอดจะเป็นแม่ แต่ผมเห็นแล้วสงสาร อย่างเวลานอนบางครั้งแม่ก็ไม่ได้นอน เพราะน้องเล่นตลอดเวลา ผมเลยไปเอามานอนด้วย กลับกลายเป็นว่าผมไม่ได้นอนซะเอง(หัวเราะ)
อย่างพอหลับๆ ไปแล้ว เดี๋ยวก็เข้าห้องน้ำบ้าง เดี๋ยวก็ดิ้นบ้าง บางทีเรียกขอกินนมตอนกลางคืน โอ้โห(ลากเสียงยาว) เข้าใจเลยว่าที่เขาบอกกันว่ามีลูกแล้วมันลำบากมันเป็นยังไง แต่ผมว่าก็ดีนะ มันทำให้เรารู้สึกว่าผู้เป็นแม่นี่ประเสริฐมากขนาดไหน แม่เราแบบกว่าจะเลี้ยงเราโตได้ กว่าจะผ่านอะไรแบบนี้มาได้ เขาแบบ...เก่งเนอะ ผมก็คิดนะว่าตอนเด็กๆ ที่ยังจำความไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่เราลำบากขนาดได้กว่าจะเลี้ยงคนคนหนึ่งมาได้ แบบ...สุดยอดอะ”
สำหรับการวางแผนอนาคตให้กับหนุ่มน้อยตินัย ฟิล์มเปิดเผยว่า พร้อมสนับสนุนให้ทุกทาง ในเรื่องการเรียนขณะนี้ก็ได้มีการติดต่อโรงเรียนนานาชาติไว้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนงานในวงการบันเทิงหากน้องตินัยสนใจ ตนเองก็พร้อมจะเป็นป๋าดัน ดันน้องให้เข้าสู่วงการเต็มที่ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวน้องตินัยเองว่าจะชอบหรือทำได้มากน้อยเพียงไร ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่าหนุ่มน้อยจะฉายแววซุป’ตาร์ เข้าสู่วงการบันเทิงตามรอยพี่ชายหรือไม่ คงต้องตามดูกันต่อยาวๆ
แม้จะมีน้องตินัยมาสร้างความสดใสให้กับบ้านโตคงทรัพย์ แต่ถึงอย่างนั้นคุณแม่ของหนุ่มฟิล์มก็อดไม่ได้ที่จะบ่นลูกชายตัวเองไม่ได้ถึงเรื่องหลาน เพราะทั้งพ่อและแม่ก็อยากอุ้มหลานแท้ๆ ของตัวเองเต็มแก่ ซึ่งก็คงจะต้องรอกันต่อไปอีกนาน เพราะสเตตัสหัวใจของฟิล์มตอนนี้ ขีดเส้นให้หนาๆ ไว้เลยว่า โสดสนิท!
“ด้วยวัยของแม่ตอนนี้เขาอยากจะมีหลานแล้วไง(หัวเราะ) คือผมไม่มีลูกให้แม่ ผมก็ไม่มี พี่ชายก็ไม่มี ทั้งพ่อและแม่เขาก็บ่นตลอด เมื่อไหร่มันจะมีแฟน เมื่อไหร่จะแต่งงาน เมื่อไหร่จะมีลูก นู่นนี่นั่น แกจะรอให้ฉันตายก่อนใช่มั้ย(เลียนเสียงแม่พร้อมแสดงท่าทางประกอบการบ่น)
ส่วนสถานะหัวใจของผมตอนนี้ว่างครับ โสดสนิท ไม่ได้มีใคร ไม่ได้ไปสนใจเรื่องแบบนี้เลย เพราะตัวเองก็มองว่า เราอยากสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองก่อน แล้วช่วงนี้เรากำลังรุ่งทุกเรื่อง ไอ้เรื่องงานเรื่องอะไรมันรุ่งหมด เราไม่อยากเอาเวลาของเราตรงนั้นไปเสียกับอะไรอีก ถ้าเกิดว่าเราวอกแวกเนี่ย ทางเดินไปสู่ความสำเร็จของเราก็จะช้าลงไปเรื่อยๆ ผมมองว่าผมใกล้มากแล้ว เดินไปให้มันถึงก่อน แล้ววันนั้นก็ค่อยว่ากันแล้วกัน ผมไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้ เมื่อไหร่มันถึงเส้นชัยมันก็เมื่อนั้น(ยิ้ม)”
ตลอดการพูดคุยนั้น แววตาของฟิล์มสะท้อนความตั้งใจในการออกมาให้เห็นอย่างแจ่มชัด ทำให้เห็นว่า นักร้องหนุ่มตี๋วัยใสเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ไม่ได้มีดีแค่การร้องเพลง บัดนี้เขาได้พิสูจน์ตัวเองมาเป็นนักแสดงมากฝีมือ ผู้จัดละคร และเป็นเจ้าของธุรกิจเต็มตัว ถือได้ว่าเป็นเครื่องการันตีความสามารถในทุกวงการของ ฟิล์ม - รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
เพลย์ออหวิดโดนเก็บจาก สคบ. แม้ธุรกิจแอปพลิเคชันเพย์ออล ที่สามารถชำระค่าใช้จ่ายทั่วไปแล้วได้เเต้มสามารถนำแต้มไปแลกเป็นเงินได้จะดำเนินการไปได้ด้วยดี แต่ก็ไม่วายโดนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ.เฝ้าดูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีคนร้องเรียนถึงเรื่องการดำเนินธุรกิจของบริษัทนี้ ในการขออนุญาตดำเนินธุรกิจขายตรงผ่านแอปพลิเคชัน เพย์ออล แต่เนื่องจากแผนและผลิตภัณฑ์ที่ทำผ่านแอปพลิเคชันนั้น ไม่สามารถที่จะทำได้ ทาง สคบ.เองเลยไม่ได้อนุญาตให้ดำเนินธุรกิจผ่านแอพพลิเคชั่น เมื่อผู้ดำเนินธุรกิจยังดึงดันไปทำธุรกิจ ทางหน่วยงานภาครัฐเองก็กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ถ้ามีการกระทำผิดจริง เพย์ออล ก็อาจจะถูกดำเนินการทางกฎหมาย |
สัมภาษณ์โดย : ผู้จัดการ Lite
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ภาพ : วชิร สายจำปา
ขอบคุณภาพ : อินสตาแกรม@filmrattapoom และเฟซบุ๊ก “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ (Film Rattapoom Tokongsup)”
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754