xs
xsm
sm
md
lg

“นางฟ้า” หรือ “นางทาส” !? บังคับกราบลูก อ้างไม่ให้เกียรติ “เด็กพิเศษ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ดรามาสะท้านน่านฟ้า! แม่เด็กพิเศษบังคับแอร์โฮสเตสสาวให้ก้มกราบเท้าลูกตนเอง เพียงเพราะแอร์ถามว่าเด็กเป็นอะไร อ้างแอร์ไม่ให้เกียรติลูก โลกโซเชียลฯ ถล่มเละ เรียกร้องสิทธิลูกตนเองแต่กลับละเมิดสิทธิผู้อื่น เสนอให้ลงโทษพนักงานคนอื่นที่บังคับให้กราบด้วย!

บังคับกราบ = ละเมิดสิทธิ

กลายเป็นประเด็นดรามาร้อนฉ่าบนโลกโซเชียลฯ กันเลยทีเดียว กับกรณีที่สมาชิกเว็บไซต์ Pantip หมายเลข 1035462 ตั้งกระทู้ “มีใครพอรู้เรื่องที่แอร์โฮสเตสคนไทยโดนบังคับให้ก้มกราบเด็กพิเศษบ้างไหม?” เนื้อหาในกระทู้บอกเล่าถึงข่าวลือ ในวงการแอร์โฮสเตสของสายการบินชื่อดัง ที่ถูกผู้โดยสารรายหนึ่งไปร้องเรียนพฤติกรรมของแอร์โฮสเตส เพียงเพราะแอร์ฯ เข้าไปถามว่า ‘มีอะไรให้ช่วยเป็นพิเศษไหม’ เนื่องจากเห็นว่าผู้โดยสารคนดังกล่าวมีลูกสาวที่เป็นเด็กพิเศษขึ้นเครื่องมาด้วย ทำให้ผู้โดยสารที่เป็นแม่เกิดความไม่พอใจและกล่าวหาว่าแอร์ฯ ไม่ให้เกียรติลูกสาวตนเอง จนทั้ง 2 ฝ่ายต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยกันที่บริษัท



แต่การเจรจาไกล่เกลี่ยนั้นไม่ได้จบลงด้วยดี เพราะแม่ของเด็กพิเศษบังคับให้แอร์ฯสาว คุกเข่าและก้มลงกราบขอโทษลูกสาวของตน เจ้าของกระทู้ยังเปิดเผยอีกว่า คนในบริษัทก็ยังมีส่วนสนับสนุนให้แอร์ฯสาวก้มลงกราบอีก ทำให้เธอต้องก้มกราบทั้งน้ำตา และแม่เด็กก็ได้มีการถ่ายภาพขณะที่แอร์ฯสาวก้มกราบเก็บไว้อีกด้วย
หลังจากที่กระทู้ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ผู้คนบนโลกโซเชียลฯ ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือด ถึงพฤติกรรมของแม่รายนี้ ที่กระทำการละเมิดและลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ด้วยการบังคับให้แอร์ฯสาวกราบลูกของตนเอง รวมถึงพากันสืบเสาะหาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น



หลายฝ่ายช่วยกันสืบเสาะจนตามไปพบเฟซบุ๊กส่วนตัวของแม่รายนี้ ที่ก่อนหน้านี้ได้มีการโพสต์ข้อความถึงเหตุการณ์วันนั้นในมุมของตนเอง ที่อ้างว่าแอร์โฮสเตสคนดังกล่าวขาดจิตสำนึกในการบริการ ทั้งยังไม่ให้เกียรติลูกสาวของตนที่เป็นเด็กพิเศษ แม่ของเด็กได้มีการร้องเรียนไปยังผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าของสายการบินดังกล่าว จนนำไปสู่การลงโทษแอร์ฯสาวผู้นี้ด้วยการให้เข้ามากราบเท้าลูกสาวที่เป็นเด็กพิเศษตามที่เป็นประเด็นดรามาจริง ซึ่งทางแม่เด็กก็ไม่ได้มีท่าทีว่าตนเองผิดแต่อย่างใด
สอดคล้องกับความคิดเห็นของเพื่อนของแอร์ฯสาว เข้ามาช่วยยืนยันว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นความจริง ซึ่งขณะนี้สภาพจิตใจของแอร์ฯสาวย่ำแย่อย่างมาก เพราะถูกกดดันจากหลายฝ่าย เธอให้รายละเอียดเพิ่มเติมเหตุการณ์ในวันนั้นอีกว่า แม่ของเด็กบังคับให้แอร์ฯสาวกราบถึง 3 ครั้งและต้องกราบแบบแบมือถึงจะพอใจ ส่วนการที่เธอเข้าไปสอบถามผู้โดยสารว่าเป็นอะไร เนื่องจากเธอเห็นว่าเด็กพิเศษมีการใช้รถเข็นอยู่ตลอด ซึ่งการสอบถามนั้นเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารที่แอร์โฮสเตสทุกคนพึงกระทำอยู่แล้ว



นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นอื่นๆ ที่เข้ามาสนับสนุนแอร์ฯสาวผู้ถูกกระทำว่า เป็นหน้าที่ของแอร์โฮสเตสที่ต้องรับทราบข้อมูลของผู้โดยสารทุกคน ซึ่งจะได้นำข้อมูลตรงนี้มาใช้ประกอบการดูแลผู้โดยสารได้ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ หากมีเหตุฉุกเฉินหรือต้องมีการอพยพก็จะได้เข้าให้การช่วยเหลือออย่างถูกต้อง ซึ่งในกรณีนี้ไม่มีคำยืนยันแน่ชัดว่าผู้โดยสารที่เป็นแม่ของเด็กพิเศษได้มีการแจ้งข้อมูลของลูกสาวตนเองต่อสายการบินก่อนหน้าหรือไม่
นอกจากนี้โลกโซเชียลฯ ยังได้มีการเรียกร้องให้ทางสายการบิน พิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดใหม่อีกครั้ง เพราะบทลงโทษที่แอร์ฯสาวได้รับนั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งให้มีการตรวจสอบบุคคลของสายการบินที่มีส่วนสนับสนุนการกระทำของแม่ลูกคู่นี้อีกด้วย


[ คำยืนยันจาก CEO ]

อย่างไรก็ตามในขณะนี้ ทางสายการบินต้นสังกัดของแอร์ฯสาวยังไม่มีออกมาเคลื่อนไหวใดๆ แต่ล่าสุดทางผู้บริหารระดับสูงของสายการบินแห่งนี้ได้รับทราบเรื่องแล้ว และได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย เพื่อหาข้อสรุปของเหตุการณ์นี้ด้วยตนเอง เรื่องราวนี้จะมีบทสรุปออกมาอย่างไรนั้น คงต้องติดตามกันต่อไป


ความยากของการเป็น “นางฟ้า”

หากจะกล่าวถึงอาชีพแอร์โฮสเตสหรือที่หลายคนเรียกว่านางฟ้า แน่นอนว่าต้องเป็นอาชีพที่สาวๆ ที่มีใจรักในงานบริการหลายคนใฝ่ฝัน เพราะเป็นอาชีพที่ได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก ทั้งยังได้พบปะผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติ อีกทั้งยังมีค่าตอบแทนที่สูง และที่สำคัญยังเป็นประตูด่านแรกที่จะต้องคอยให้การต้อนรับและบริการผู้โดยสารทุกคน จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง
แต่กว่าจะมาเป็นแอร์โฮสเตสได้นั้นไม่ใช้เรื่องง่าย ต้องผ่านการทดสอบมากมายทั้งเรื่องภาษา บุคลิกภาพ ปฏิภาณไหวพริบ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ รวมถึงงานบริการซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอาชีพ ซึ่งสาวๆ ที่ผ่านบททดสอบและได้ติดปีกบินบนฟ้าอย่างใจฝันนั้น แน่นอนว่าต้องมีความสตรองเป็นอย่างมากที่มาถึงจุดนี้ได้
แต่บททดสอบที่แท้จริงนั้นอยู่บนเครื่องบินที่พวกเธอต้องปฏิบัติงานต่างหาก เพราะต้องให้การดูแลผู้โดยสารหลายรูปแบบ หลายเชื้อชาติ และบ่อยครั้งที่อาชีพแอร์โฮสเตสต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันจนถึงขั้นที่ถูกละเมิดสิทธิทั้งทางร่างกายและจิตใจ



ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2557 ก็เกิดเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวชายชาวจีน สาดน้ำร้อนใส่แอร์โฮสเตสสาวไทย เหตุเพราะเขาไม่พอใจที่ไม่ได้นั่งติดกับกับภรรยา แต่ภายหลังจากที่แอร์โฮสเตสจัดที่ให้นั่งด้วยกันแล้วก็ยังไม่พอใจ จนถึงช่วงที่เสิร์ฟอาหารก็เกิดเหตุการณ์ที่ฝ่ายภรรยานำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เติมน้ำร้อนแล้วมาสาดใส่แอร์โฮสเตส ซึ่งภายหลังนักท่องเที่ยวจีนคู่นี้ถูกทางการจีนลงโทษที่ทำให้ภาพลักษณ์ของชาวจีนเสียหาย รวมไปถึงการลงโทษบริษัททัวร์ที่พานักท่องเที่ยวคนนี้ไปด้วย โทษฐานที่ไม่สารมารถควบคุมลูกทัวร์ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยได้

และอีกเหตุการณ์หนึ่งแต่ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศไทย เฟซบุ๊ก A Fly Guy's Cabin Crew Lounge โพสต์ภาพแก้มที่ถูกตบจนขึ้นรอยแดงช้ำของแอร์โฮสเตสสาวสายการบิน Cebu Pacific ซึ่งเป็นสายการบินโลว์คอสต์ชื่อดังของฟิลิปปินส์ สาเหตุที่เธอถูกผู้โดยสารทำร้ายนั้น เป็นเพราะเธอได้ปฏิเสธที่จะยกกระเป๋าของผู้โดยสารหญิงคนหนึ่งขึ้นไปเก็บบนช่องสัมภาระเหนือหัว
ส่วนใหญ่แต่ละสายการบินจะแนะนำให้พนักงานของตนปฏิเสธที่จะยกกระเป๋าหนัก ๆ ให้กับผู้โดยสาร เนื่องจากการประกันสุขภาพของลูกเรือนั้น จะไม่รวมถึงอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการยกกระเป๋าที่มีน้ำหนักมากของผู้โดยสาร และตามธรรมเนียมปฏิบัติในการโดยสารสายการบินนั้น เป็นหน้าที่ของผู้โดยสารที่จะต้องจัดการกับสัมภาระส่วนตัวและปฏิบัติตนตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยาน



หลายๆ เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างมานั้น รวมถึงเหตุการณ์ข้างต้นกับกรณีที่ผู้โดยสารบังคับให้แอร์โฮสเตสกราบเท้าลูกที่เป็นออทิสติก สะท้อนให้เห็นถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของผู้โดยสารบางคนที่อาจจะคิดว่า ในเมื่อตนเองจ่ายเงินซื้อบริการละความสะดวกสบายไปแล้ว แอร์โฮสเตสต้องมาบริการตนให้คุ้มกับเงินที่จ่ายไป หลายๆ การกระทำแสดงให้เห็นว่าผู้โดยสารบางคนมองเห็นแต่ตนเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงจิตใจของผู้ให้บริการ
แต่ในขณะเดียวกับก็อย่าลืมว่าแอร์โฮสเตสก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีหัวใจเช่นกัน และยังมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่ต่างจากคนที่ละเมิดสิทธิของเธอทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซ้ำร้ายเมื่อโดนผู้โดยสารร้องเรียน คนที่ได้รับบทลงโทษก็หนีไม่พ้นแอร์โฮสเตสอีก ประเด็นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทางสายการบินต้องตรวจสอบให้ดีในการลงโทษ ไม่ใช่จะคิดถึงแต่ผู้ที่ให้ประโยชน์กับตนเองก็คือผู้โดยสาย โดยไม่ได้คำนึงถึงสวัสดิภาพของผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะบ่อยครั้งความผิดทั้งหลายนั้นเกิดขึ้นจากผู้โดยสาร ไม่ใช่เกิดจากแอร์โฮสเตส
ที่สำคัญผู้โดยสารทั้งหลายควรทำความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎของสายการบิน อย่างในเรื่องของยกกระเป๋าสัมภาระเองหรือเรื่องการแจ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์หากต้องการการดูแลเป็นพิเศษเช่นเป็นผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือมีเด็กมาด้วย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของแอร์โฮสเตสที่ต้องดูแลผู้โดยสารอีกทั้งเครื่องให้สะดวกสบายและปลอดภัยตลอดการเดินทาง

ขอบคุณข้อมูล : สมาชิกเว็บไซต์Pantip หมายเลข 1035462
ขอบคุณภาพประกอบ : A Fly Guy's Cabin Crew Lounge และเซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น