ชาวไทยทั้งแผ่นดินแซ่ซ้องสดุดี เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ทุกภาคส่วนร่วมจัดกิจกรรมแสดงความจงรักภักดีทั่วทั้งประเทศ
เทิดไท้พระราชดำริกว่า ๓,๐๐๐ โครงการ
ปี ๒๕๕๙ นับเป็นปีมหามงคลเนื่องในโอกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ทีมข่าวผู้จัดการ Live จึงขอนำพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบางส่วนมากล่าวไว้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยตลอดมา
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ พระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ เสด็จสวรรคตโดยกระทันหัน เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ที่ขณะนั้นมีพระชนมพรรษาเพียง ๑๘ พรรษา ได้ตัดสินพระทัยรับตำแหน่งพระมหากษัตริย์ เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ สืบพระราชสันตติวงศ์เป็นพระมาหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรี ในวันเดียวกัน ตามคำกราบบังคมทูลเชิญจากรัฐบาล ทรงเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องจากยังทรงพระเยาว์นัก และอยู่ในช่วงกำลังศึกษาต่อ ทางรัฐบาลจึงได้แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทน
เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชภาระที่ต้องทรงรับในฐานะประมุขของประเทศ จากเดิมที่ทรงศึกษาในด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ พระองค์ทรงเปลี่ยนมาศึกษาต่อในด้านการเมืองการปกครองแทน ทั้งด้านกฎหมาย,รัฐศาสตร์,สังคมศาสตร์,รัฐประศาสนศาสตร์,อักษรศาสตร์ และวิชาอื่นๆ ที่จำเป็นในการปกครองประเทศ
ในปี พ.ศ.๒๔๙๓ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จนิวัตประเทศไทย โปรดเกล้าฯให้จัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ในวันที่ ๒๔ มีนาคม ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๙๓ ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส กับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร และได้ทรงสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ และโปรดเกล้าฯให้จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เฉลิมพระปรมาภิไธยเป็น “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร”
นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นประมุขของประเทศ ก็ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเกิดขึ้นนานัปการ พระองค์เสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎรทั่วทุกภูมิภาคของประเทศอย่างใกล้ชิดเพื่อรับฟังปัญหา และหาทางแก้ไข จนสามารถกล่าวได้ว่า “ไม่มีพื้นที่ไหนในประเทศ ที่พระองค์ไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินไปถึง” และเกิดเป็นโครงการตามพระราชดำริต่างๆ มากมาย ทั้งด้านการเกษตร,ด้านชลประทาน,ด้านสาธารณสุข,ด้านการศึกษา,ด้านคมนาคม ฯลฯ
พระราชกรณียกิจต่างๆ เช่น การวิจัยพันธุ์พืชและปศุสัตว์ในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา,โครงการแกล้งดินและการปลูกหญ้าแฝกที่ช่วยรักษาทรัพยากรดิน,การสร้างเขื่อนและฝายกักเก็บน้ำไว้ใช้ในยามหน้าแล้ง และ ‘กังหันน้ำชัยพัฒนา’ที่ช่วยบำบัดน้ำเสียและเพิ่มออกซิเจนในน้ำ ก็เป็นสิ่งประดิษฐ์หนึ่งของพระองค์ที่ได้รับสิทธิบัตรจาก กรมทรัพย์สินทางปัญญา และยังมีพระราชดำริส่วนพระองค์ในด้านอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วนกว่า ๓,๐๐๐ โครงการ
อีกหนึ่งโครงการในพระราชดำริที่สำคัญคือ “โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียง” ที่พระองค์พระราชทานแก่ประชาชนเพื่อเป็นแนวทางในการจัดสรรพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือการแบ่งพื้นที่น้ำ พื้นที่ทำนา พื้นที่ทำไร่ และพื้นที่สำหรับที่อยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์ ในสัดส่วน ๓:๓:๓:๑ เพื่อให้ประชาชนสามารถทำกินอย่างยั่งยืน พึ่งพาตนเองได้ และดำรงอยู่ได้ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดแนวทางนี้ไปยังประเทศที่กำลังพัฒนาต่างๆ ได้ประยุกต์ใช้อีกด้วย
ตลอดระยะเวลากว่า ๗๐ ปี ที่พระองค์ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจจนเกิดเป็นโครงการกว่า ๓,๐๐๐ โครงการ ทั้งหมดนั้นก็เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนของพระองค์ให้ดียิ่งขึ้นอย่างทั่วถึงทุกภาค ให้มีความกินดีอยู่ดีและสามารถเลี้ยงตนเองได้โดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น ตามที่พระองค์ทรงได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการเป็นสัจวาจาว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
ทุกภาคส่วนพร้อมใจ จัดกิจกรรมแสดงความจงรักภักดี
ในวันที่ ๙ มิถุนายนนี้นั้น ประชาชนและหน่วยงานหลายภาคส่วนได้จัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี และพิธีเจริญพระพุทธมนต์เป็นพระราชกุศล และถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกันทั่วทั้งประเทศ
พิธีทางศาสนา จะมีการตักบาตรสมเด็จพระราชาคณะ และพระสงฆ์ในโครงการ ๗๗๐ รูป ที่พระบรมมหาราชวัง ประชาชนสามารถเข้าร่วมพิธีได้บริเวณถนนหน้าพระลาน จากนั้นกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะนำสิ่งของที่บิณฑบาต มอบให้สถานสงเคราะห์และผู้เร่ร่อนต่อไป
ต่อจากนั้นจึงเป็นพิธีถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระสงฆ์ในโครงการอุปสมบท ๗๗๐ รูป สวดเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศล ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการและกิจกรรมอีกมากมาย ทั้งโครงการทำความดีเพื่อถวายแด่พ่อหลวง,การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ทำดีเริ่มได้ที่ใจเรา”,การจัดทำตราสัญลักษณ์และหนังสือจดหมายเหตุงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปี,การจัดมหกรรมคอนเสิร์ต การแสดงพลุดอกไม้ไฟ และแสงสีเสียงเฉลิมฉลองในโอกาสเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
ทางฝั่งของกรมธนารักษ์ มีการจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี เหรียญกษาปณ์ทองคำขัดเงา ชนิดราคา ๑๖,๐๐๐ บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ ๓๐,๐๐๐ บาท เหรียญกษาปณ์เงินขัดเงา ชนิดราคา ๘๐๐ บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ ๑,๖๐๐ บาท และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคา ๕๐ บาท จ่ายแลกราคาเหรียญละ ๕๐ บาท
ด้านธนาคารแห่งชาติก็ได้ออกธนบัตรที่ระลึกราคา ๗๐ บาท โดยจ่ายแลกในราคา ๑๐๐ บาท รายได้ส่วนต่างจากการจ่ายแลกธนบัตรทั้งหมดจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทั้งเหรียญกษาปณ์และธนบัตรนี้จะเปิดให้จำหน่ายแลก ตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายนเป็นต้นไป
ในส่วนของประชาชน ทางภาครัฐได้เชิญชวนสวมเสื้อสีเหลืองและประดับธงตราสัญลักษณ์ไว้ที่หน้าบ้าน เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี และตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗ รอบ วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและแสดงความจงรักภักดีได้โดยพร้อมเพรียงกัน
ขอบคุณภาพประกอบ : เฟซบุ๊ก “Sarawut Itsaranuwut”