ถ้าจะกล่าวถึงนักแสดงสาวที่มีคาแรกเตอร์ชัด มาดติสต์ฮิปสเตอร์ตัวแม่ แวบแรกที่คิดคือภาพของ ยิปโซ - อริย์กันตา มหพฤกษ์พงศ์ นางเอกสาวร้อยล้านคนนี้ปรากฏขึ้นผุดอยู่ในหัว และนอกจากภาพลักษณ์ของเธอจะเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงแล้วยังมีความคิดที่สุดโต่งอีกด้วย
ทีมข่าว M-Lite จึงขอนัดพูดคุยอัพเดตเรื่องราวชีวิต ความคิด และมุมมองที่สะท้อนตัวตนของเธอกับคำถามแรกที่ดูเหมือนว่า ไม่ว่าเธอจะทำอะไรทุกอย่างจะดูสุดโต่งไปซะทั้งหมด
“ใช่ค่ะ ยิปเป็นคนสุดโต่ง” เธอตอบชัดเจน
พร้อมบอกว่าทุกอย่างที่ทำจะต้องทำให้ดีที่สุด ตั้งใจทำอย่างจริงจังในทุกเรื่อง ไม่ทำครึ่งๆกลางๆ ทุ่มเทเต็มร้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือชีวิตส่วนตัว แม้กระทั่งการกิน เธอก็ยังขอเป็นมนุษย์กินพืช เป็นมังสวิรัติขั้นสุด ต่อต้านการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ทุกชนิด
ทำชีวิตง่ายขึ้น ไม่ต้องเลือกเยอะ
#GypsoNoMeat #โนหนังแท้ #วัยรุ่นไทยสวยใสไม่เบียดเบียน หลากหลายแฮชแท็กในอินสตาแกรมของเธอ สะท้อนให้เห็นว่า เธอไม่ได้กินมังฯ เล่นๆ แต่จริงจัง เพราะความเชื่อที่ว่าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่า
“จุดเริ่มต้นในการกินมังสวิรัติต้องย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ยิปได้ไปถ่ายภาพยนตร์เรื่องเราสองสามคน กับพี่ เจ - มณฑล จิรา ซึ่งภายนอกเขาดูเป็นคนปาร์ตี้ เป็นดีเจเปิดเพลง ดูสนุกสนานเฮฮา เข้าได้กับทุกคน เราก็เพิ่งมารู้ว่าพี่เขาเป็นมังสวิรัติ ไม่ทานสัตว์บกทุกชนิด ทานแต่สัตว์น้ำ แต่พี่เขาก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ไม่ได้ทำตัวแปลกแยก
เราเลยรู้สึกว่า ลองกินมังสวิรัติบ้างดีกว่า จากนั้นจึงเริ่มไม่ทานสัตว์บก และสัตว์ปีก ส่วนเนื้อสัตว์ทานได้นิดหน่อย พวกสัตว์น้ำทะเล และไข่ไก่”
นั่นคือจุดเริ่มต้นในการกินมังสวิรัติ และในที่สุดเธอจึงกลายมาเป็นมังสวิรัติขั้นสุดเต็มตัว โละผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากหนังสัตว์ และขนสัตว์ทุกชนิด
“ยิปไม่ทานเนื้อสัตว์เลย และไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสัตว์ทุกชนิดมาเกือบปีแล้ว กระเป๋าหนังแท้ รองเท้าหนังแท้ที่ยิปรักมากๆ ต้องตัดใจเอามาขายแล้วก็เอาเงินไปไถ่ชีวิตวัวควาย ปล่อยปลา
ยิปมีหมวกหนังแท้อยู่ใบหนึ่งซึ่งยิปรักมาก ไปงานไหน รายการไหนจะชอบใส่แต่หมวกใบนี้อยู่เสมอ แต่ไม่กล้าขาย ทำใจไม่ได้ เลยให้พี่ที่เป็นฝ่ายคอสตูมไปใช้ดีกว่า"
ส่วนการเป็นมังสวิรัติขั้นสุดจะมีผลต่อการใช้ชีวิตหรือไม่นั้น เธอยืนยันเลยว่า เป็นมังสวิรัติไม่ได้ทำให้ใช้ชีวิตยากขึ้นเลย แต่กลับทำให้ชีวิตง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เพราะไม่ต้องเลือกเยอะแล้ว
“อย่างเวลาไปทานข้าวกับครอบครัวร้านปิ้งย่าง ยิปก็สามารถร่วมโต๊ะกับครอบครัวได้ เพียงแค่เราไม่กินเนื้อสัตว์เท่านั้นเอง
มันยากตรงที่ว่าเรากังวลว่าคนอื่นเป็นห่วงเราว่าเรากินไม่ได้ แต่ความจริงแล้วเราไปร้านไหนเราก็กินได้หมด
ปกติยิปจะชอบกินผักผลไม้ดิบ(Raw food) เช่น มะละกอ ส้มโอ แตงโม น้ำผัก-ผลไม้ปั่น ส่วนแป้งก็ทานนะ ข้าวกล้อง มันเทศต้ม ทำให้อิ่ม และอร่อย
เวลาไปทำงานก็พกกล้วยหอมมากิน ไม่ต้องกลัวหิวเลย หากเราทานในปริมาณที่มากพอ ก็จะไม่หิว ไม่รู้สึกอยากจะกินอะไรเลย
ส่วนนมนั้น ยิปจะเลือกเป็นนมถั่ว เพราะไม่กินผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ทุกชนิด และเราตัดสินใจไม่กินนมวัว เพราะเรารู้สึกว่านมวัวมันมีไว้ให้วัวกิน ไม่ใช่คนกิน อย่างนมถั่วแอลมอนด์ แต่หากซื้อเขากินอาจจะแพง แนะนำให้ทำเองจะถูกกว่า และไม่ยากด้วย
แต่ช่วงนี้ยิปกำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก จึงไม่สามารถทานในปริมาณเยอะได้ และยิ่งทานมังสวิรัติด้วยก็เลยทำให้ไม่มีแรงบ้าง”
ถึงแม้จะมีอุปสรรคบ้าง แต่เธอก็ตั้งมั่นแน่วแน่ว่าจะกินมังสวิรัติไปเรื่อยๆ
ชีวิตไม่ยึดติด ใบปริญญาไม่ใช่สูตรความสำเร็จ
แม้อีกเพียงปีเดียวก็จะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งที่ทุกคนใฝ่ฝัน แต่ยิปโซก็ได้ขอยื่นใบลาออกจากคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อมาเรียนผ่านอินเทอร์เน็ตกับมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ
“ทีแรกก็คิดเหมือนกันว่าเสียดายเวลาเพราะเรียนมา 3 ปีแล้ว แต่มาคิดอีกทีการยื้อทำอะไรที่ไม่ได้ไปในจุดที่ต้องการแน่ๆ แบบนั้นจะเสียเวลามากกว่า ยิปดันทุรังมา 3 ปี ถือเป็นเวลาที่นานเหมือนกัน ถามว่าจุฬาฯ เป็นสถาบันการศึกษาที่ดีไหม ดีมากๆ ยิปเคารพจุฬาฯ
“เด็กบางคนจะรู้ว่าเขาอยากเป็นอะไร แต่เราเป็นคนที่อยู่อย่างมีความสุขไปทุกวัน แล้วไม่ได้คิดเลยว่าฉันอยากเป็นอะไรตอนแรกที่เลือกเรียนบัญชี เพราะว่า เราไม่รู้ว่าจะทำอะไร แล้วเราอยากรวย คือคิดว่าเรียนบัญชียังไงก็ไม่ตกงาน และพี่สาว(ยิปซี -คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) เรียนนิเทศฯ ที่จุฬาฯ ไปแล้ว แต่ถ้าเราเลือกเรียนบัญชี หากอาชีพไหนร่วง ก็จะมีอีกอาชีพหนึ่งที่ประคองไว้ได้ ที่บ้านเราก็จะไม่อด เราก็เลยเลือกเรียนเพราะอย่างนั้น
เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ เมื่อรู้ว่าอยู่ในที่ที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ถ้าดันทุรังเรียนไปมันก็ไม่มีความสุข ก็ออกมาหาอะไรที่เหมาะดีกว่า แต่ที่เราเรียนตอนนั้น ถามว่าชอบไหม ไม่เลย คือทำได้ คนเราตั้งใจทำอะไรทำได้หมดแหละ แต่ว่าเราไม่มีความสุขกับการทำมัน เรา เหนื่อยตลอดเวลา เราผ่านไปวันๆ เหมือนเราสอบให้มันผ่าน แล้วเรารู้สึกว่านี่มันไม่ใช่วิธีการเรียนที่ถูกต้อง
หลังจากลาออกจากจุฬาฯ ตอนนี้ยิปโซก็เรียนอยู่ที่ยูนิเวอร์ซิตีออฟลอนดอน (University of London) จะเป็นการเรียนแบบออนไลน์ สาขาที่เลือกเรียน คือ ธุรกิจ คือการเรียนออนไลน์มันไม่บีบคั้นในเรื่องของเวลา และไม่บังคับให้ยิปโซพึ่งพาคนอื่นมากเกินไป”
ทว่า เรื่องลาออกนั้น เธอได้ปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่มาตลอด และท่านทั้งสองเข้าใจเพราะไม่ได้ตัดสินใจแบบใจร้อน เนื่องจากใช้เวลาในการคิดมานานมาก และการที่ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ทำให้เธอทุ่มทำทั้งสองได้ไม่เต็มที่
ทุกวันนี้ชีวิตเธอบอกว่า มีความสุขกับการเรียนนอกระบบ เพราะไม่จำกัดเรื่องเวลา และไม่คิดว่าการได้ใบปริญญาคือสูตรความสำเร็จในชีวิต
“เหมือนยิปอยากรู้เรื่องอะไรยิปก็ไปหาหนังสือมาอ่าน อยากเรียนอะไรที่ชอบก็ไปเรียนเพิ่ม คือยิปไม่จำเป็นต้องได้ใบการันตี ใบปริญญาอะไรอะไรตรงนั้น เพราะชีวิตมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ”
รอยสักสองข้อมือเตือนสติ “วาง” ยามท้อ ฮึด “สร้าง” เมื่อแรงมา
คาแรกเตอร์สาวติสต์ชัดขนาดนี้ จึงไม่แปลกที่เธอจะมีความสามารถทางด้านศิลปะ เธอมักจะอัพเดทผลงานศิลปะทั้งการวาดรูป ระบายสี งานเคลือบ ออกแบบลวดลายต่าง ให้แฟนคลับ ได้ชมกันผ่านทางอินสตาแกรม พร้อมแฮชแท็ก #GypArt อยู่เป็นประจำ
และศิลปะบนเรือนร่างก็เช่นกัน กับรอยสักที่ไม่ได้สักเพื่อแฟชั่นฮิตตามสมัยนิยม และเป็นรอยสักที่เธอเลือกเฟ้นพร้อมแฝงด้วยนัยที่เปี่ยมไปด้วยแง่คิดในการเตือนสติตัวเองอย่างลึกล้ำ
เธอบอกว่าไม่ได้ชื่นชอบการสักเป็นพิเศษ แต่ที่สักบริเวณไว้ที่ข้อมือด้านในทั้งซ้าย และขวา เพราะอยากจะให้รอยสักเป็นเหมือนการเตือนสติเวลาคิดฟุ่งซ่าน มีช่วงหนึ่งที่ชีวิตค่อนข้างมึนงงไปหมด คิดไม่ทัน เพราะฉะนั้นเราอยากมีอะไรที่เตือนสติ ในยามชีวิตท้อแท้ สับสน โดยคำว่า “วาง” คือ เรื่องอะไรที่ไม่สำคัญก็ให้วางไว้ก่อน และคำว่า “สร้าง” คือ ในยามชีวิตมีแรงก็ลองลุกขึ้นมาสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์บ้าง
สำหรับรอยสักบริเวณไหล่ที่เป็นรูปคล้ายนาฬิกาทรายนั้น เธอบอกว่า เป็นสัญลักษณ์เรื่อง “เวลา” เพื่อเตือนตัวเองในเรื่องของการจัดสรรเวลา และการไม่ใช้ชีวิตอย่างประมาท
ทว่า นอกจากเรื่องความคิดที่ลึกซึ้งแล้ว จิตใจของเธอก็ยังสวย เปี่ยมเมตตาอีกด้วย เพราะนอกจากจะนำเสื้อผ้า หมวก รองเท้าที่เคยรักมากแต่ทำจากหนังสัตว์มาขายเพื่อไถ่ชีวิตวัว ควาย แล้ว สาวมาดเซอร์ ยังเคยเป็นแกนนำระดมกระดาษ A4 ที่ใช้แล้ว ไปบริจาคเพื่อทำเป็นหนังสืออักษรเบรลล์ ให้กับผู้ที่พิการทางสายตา
ทั้งยังเคยลงทุนตัดผมตัวเองที่ไว้ยาวมาเกือบ 3 ปี บริจาคให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง กับโครงการที่มีชื่อว่า “The Greater Cut"ตัดต่อความสุข” เพื่อนำไปทำวิกผมให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ใส่
“คือผมเรายาว ถ้าค่อยๆ ตัดมันก็จะกลายเป็นขยะ คือถ้าตัดทีเดียวมันน่าจะเอาไปใช้ได้หลายครั้งอย่างยิปผมหนามาก น่าจะใช้ได้มากกว่า 1 คน คือคิดไปคิดมาถ้ามากกว่า 2 คนก็น่าจะได้มากกว่า 1 หัว”
นอกจากนี้ เวลาว่างของเธอยังไม่ปล่อยให้ไร้สาระไปวันๆ แต่มักจะเข้าตลาดไปหาซื้อ ปลา ปู กุ้ง หอย เต่า ตะพาบ กบ เขียด มาปล่อยชีวิตกลับสู่แม่น้ำลำคลองอยู่เสมอ
สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ Lite
เรื่อง : สวิชญา ชมพูพัชร
ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร และขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @gyp.so
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ-สกุล : อริย์กันตา มหพฤกษ์พงศ์
ชื่อเล่น : ยิปโซ
อายุ : 26 ปี
วันเกิด : 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2532
ส่วนสูง : 171 ซ.ม.
น้ำหนัก : 51 ก.ก.
ประวัติการศึกษา : มัธยมศึกษา โรงเรียนนานาชาติแอ็ดเวนตีส รามคำแหง , คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรนานาชาติ ,ยูนิเวอร์ซิตีออฟลอนดอน เรียนออนไลน์
พี่น้อง : ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ (พี่สาว)
ผลงาน : โฆษณา ขนมกูลิโก๊ะป๊อกกี้, เรโซน่า, Bifesta Cleansing Water,พิธีกรรายการสตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก ,อายุน้อยร้อยล้าน ,ซิสเตอร์เดย์ แสดงภาพยนตร์เรื่อง 32 ธันวา, เราสองสามคน, สุดเขต สเลดเป็ด,ส.ค.ส. สวีทตี้,วาเลนไทน์ สวีทตี้,ฟัดจังโตะ,โจหัวแตงโม นักสืบออนไลน์ ,ซีรี่ย์ Wanna Be Sup'Tar วันหนึ่งจะเป็นซุปตาร์
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754