xs
xsm
sm
md
lg

ศึกน้ำลาย! จะเชื่อ “หมอ” หรือ “โฆษณา” ยาสีฟันผสม “ฟลูออไรด์” ไม่จำเป็น?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“การใช้ฟลูออไรด์ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะหากได้รับในปริมาณที่ไม่เหมาะสม อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้” กลายเป็น “ศึกน้ำลาย” ในทันที เมื่อแอดมินเพจยาสีฟันน้ำยี่ห้อใหม่ที่ไม่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ มาตอบคอมเมนต์ชี้แจงแบบนี้เพื่อส่งเสริมการขาย กระทั่งมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเข้ามาค้าน กระตุ้นให้ตื่นจากคำโฆษณา ช่วยให้หลายคนตาสว่างในเรื่องใกล้ตัวที่มองข้ามไป!




อย่าแถ! มีแค่ “ฟลูออไรด์” ป้องกันฟันผุ!
“...อยากให้ฟันสะอาด ต้องดูแล คุณใช้ยาสีฟันธรรมดาก็ได้ ถ้าคุณไม่มีซอกฟัน แต่ความจริง คุณมีซอกฟันถึง 34 ซอก ยาสีฟันน้ำสูตรล้ำลึกจากญี่ปุ่น อม-กลั้ว-แปรงได้ทันที...”

นี่คือคำโฆษณาของยาสีฟันยี่ห้อใหม่ยี่ห้อหนึ่งที่เพิ่งเปิดตัวและสร้างกระแสถกเถียงกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจุดขายพิเศษที่แตกต่างในเรื่อง “ยาสีฟันน้ำ” และ “ไม่ผสมฟลูออไรด์” ส่งให้มีผู้ตามมาคอมเมนต์ถามถึงหน้าแฟนเพจอย่างเป็นทางการของยาสีฟันแบรนด์นี้ด้วยความสงสัยว่า ถ้าไม่มีฟลูออไรด์ แล้วจะช่วยป้องกันฟันผุอย่างที่กล่าวอ้างได้อย่างไร? ทันทีที่ได้คำตอบจากแอดมินหรือผู้ดูแลแฟนเพจของยาสีฟันแบรนด์ดังกล่าว ศึกน้ำลายก็ขยายไปในวงกว้าง!

ดราม่าเกี่ยวกับโฆษณายาสีฟันตัวใหม่ที่กำลังออนแอร์ช่วงนี้นะครับมีทันตแพทย์เข้าไปถามว่า อ้าว ยาสีฟันตัวนี้ไม่มีฟลูออไรด์แ...

Posted by Drama-addict on Sunday, November 15, 2015


จากผลวิจัยได้ระบุเอาไว้ครับว่า การใช้ฟลูออไรด์ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะหากได้รับในปริมาณที่ไม่เหมาะสม อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ และถ้าไม่ได้ใช้ฟลูออไรด์ก็จะไม่มีผลเสีย พวกเราสามารถดูแลสุขภาพช่องปากและฟันได้ดีครับ

แอดมินต้องขอชี้แจงนิดนึงครับว่า ปกติเราจะได้รับฟลูออไรด์จากอาหารที่ทานเป็นประจำอยู่แล้ว รวมไปถึงผักผลไม้ และเมืองไทยก็เป็นแหล่งสารอาหารที่ดีเยี่ยมครับ ถึงแม้ว่าจะไม่มีฟลูออไรด์ แต่ผลิตภัณฑ์ของเราก็มีสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ชนิดที่เป็นสาเหตุของอาการฟันผุ รวมไปถึงอีกหลายชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกอักเสบด้วยครับ อีกทั้งยังมี glycerin ซึ่งช่วยเคลือบฟันหลังแปรงฟัน ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันสารสูญเสียของแร่ธาตุจากฟันได้ครับ ขอบคุณครับ”

เมื่อเห็นท่าว่าคำอธิบายพร้อมงานวิจัยที่แอดมินหยิบยกมา มีแนวโน้มว่าจะสร้างความเข้าใจผิดให้แก่ประชาชนทั่วๆ ไป ผู้ที่เข้ามาถามคำถามนี้ตั้งแต่ต้นจึงค่อยๆ ให้ความรู้ กระทั่งแสดงตนว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คอมเมนต์ผ่านเฟซบุ๊ก “Boondarick Niyatiwatchanchai” เตือนพฤติกรรมส่งเสริมการขายแบบไม่ลืมหูลืมตา พร้อมให้ข้อเท็จจริงฝากไว้ให้ผู้ที่ผ่านมาผ่านไปได้เข้าใจ “ข้อเท็จจริง” ที่ปราศจากเจตนา “ส่งเสริมการขาย” ในที่สุด

“การแปรงฟัน เราไม่ได้เพียงแต่ต้องการเอาคราบจุลินทรีย์ออกอย่างเดียว แต่หวังผลในเรื่องของการยับยั้งการละลายแร่ธาตุ และการดูดกลับของแร่ธาตุของฟันด้วยนะครับ Fluoride ที่รับทางอาหารอาหารหรือน้ำดื่ม ไม่เหมือนการแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มี fluoride นะครับ topical fluoride ต่างจาก systemic fluoride นะครับ

แอดมินก่อนตอบหาข้อมูลทางวิชาการก่อนดีไหมครับ เพราะการตอบแบบนี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดนะครับว่ายาสีฟันไม่ต้องมีฟลูออไรด์ก็ได้ ทั้งที่มีวิจัยมากมายว่าฟลูออไรด์สามารถยับยั้งการเกิดฟันผุได้ หากฟลูออไรด์ที่เราได้รับจากอาหารเพียงพอต่อการป้องกันฟันผุ ทำไมทุกวันนี้คนไทยเราถึงฟันผุกันมากมายก่ายกองล่ะครับ? ข้อมูลดัชนีฟันผุคนไทยหาได้จากกรมอนามัยเลยครับ

ส่วนการที่ product มีสารลดเชื้อ ก็อีกเรื่อง ซึ่งการลดเชื้อไม่ได้แปลว่าฟันจะไม่ผุนะครับ ต่อให้มีสารฆ่าเชื้อ ไม่ได้แปลว่าจะฆ่าเชื้อได้หมดนะครับ เหมือนคุณล้างห้องน้ำ แค่เทน้ำยาทำความสะอาดเข้าไป โดยหวังผลฆ่าเชื้อแต่ไม่ขัด มันก็ไม่สะอาดครับ แป๊บเดียวเชื้อก็เพิ่มจำนวนกลับมาเหมือนเดิม

ในช่องปากก็เหมือนกัน หากแปรงฟันไม่สะอาด ใช้อุปกรณ์เสริมเช่นไหมขัดฟันได้ไม่ดี ก็ไม่มีความหมายครับ สารลดเชื้อคุณออกฤทธิ์กี่ชั่วโมง mode of action เป็นยังไง เจาะจงกับเชื้อตัวไหนละครับ? ส่วน glycerine นี่ใส่กันในแทบทุก product อยู่แล้วนะครับ

จริงๆ ตอบว่าไม่มี fluoride ไม่ต้องแถต่อก็จบแล้วครับ ตอบแบบมั่วๆ ให้ความรู้ข้อมูลผิดๆ แบบนี้ยิ่งแย่ครับ ด้วยความเคารพ”




ไม่มี “ฟลูออไรด์” ช่วยได้แค่ “สะอาด”

ตกลงแล้ว “ฟลูออไรด์” จำเป็นไหม และควรเลือกยาสีฟันแบบใดจึงจะดีที่สุด? คำถามนี้ ทพ.ประทีป พันธุมวนิช เคยชี้ทางสว่างเอาไว้แล้วในคอลัมน์ “สุขภาพของช่องปาก” นิตยสารหมอชาวบ้าน ระบุชัดว่าฟลูออไรด์ส่งผลดีต่อเรื่องป้องกันฟันผุได้จริงตามงานวิจัย อย่างที่สารตัวอื่นๆ ให้ไม่ได้

“จากการศึกษาวิจัยทางทันตแพทยศาสตร์ พบว่า “ฟลูออไรด์” สามารถใช้ป้องกันโรคฟันผุได้ และจะมีผลดียิ่งขึ้นถ้าใช้เป็นประจำ การผสมฟลูออไรด์ในยาสีฟันก็เพื่อให้ฟลูออไรด์สามารถทำปฏิกิริยากับฟันและอยู่ในช่องปากอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นวิธีการที่เหมาะสมกับชีวิตประจำวันที่ไม่ยุ่งยาก และเป็นจุดเริ่มต้นของการเติมสารที่มีประโยชน์ต่อฟันและช่องปากในยาสีฟัน ดังจะเห็นได้ว่า ในปัจจุบัน มีการเติมสารป้องกันการเสียวฟัน สารช่วยกำจัดคราบจุลินทรีย์ สารช่วยป้องกันการเกิดหินปูนใหม่ ฯลฯ แต่ที่เห็นผลชัดที่สุดก็คือยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ที่ช่วยป้องกันโรคฟันผุอย่างได้ผล

ปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟันจะต้องมีพอเหมาะที่สามารถคงเหลืออยู่ในปาก และทำปฏิกิริยาในการป้องกันฟันผุได้จริง ภายหลังการแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์นี้เป็นประจำ ซึ่งในขณะนี้ เป็นที่ยอมรับกันว่า ปริมาณฟลูออไรด์ที่พอเหมาะในยาสีฟัน คือ 1,000 ส่วนในล้านส่วน ได้ผลในการป้องกันโรคฟันผุและปลอดภัย

เป็นที่น่ายินดีว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญต่อยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ โดยกำหนดให้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ที่จำหน่ายในท้องตลาด จะมีปริมาณเกิน 1,000 ส่วนในล้านส่วน ไม่ได้ ประกอบกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้กำหนดให้ปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟัน อยู่ในช่วง 500-1,000 ส่วนในล้านส่วน นอกจากนี้ทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ก็มีส่วนร่วมในการกำหนดยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ โดยรับรองยาสีฟันที่มีปริมาณฟลูออไรด์ 900-1,100ส่วนในล้านส่วน ว่าจะมีผลในการป้องกันโรคฟันผุ เมื่อใช้เป็นประจำ

จะเห็นได้ว่า จากข้อกำหนดดังกล่าว ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ที่มีขายในบ้านเราถูกกำหนดให้มีปริมาณฟลูออไรด์ที่พอเหมาะปลอดภัยในการใช้ และจะได้ผลในการป้องกันโรคฟันผุ เพราะจะมีปริมาณฟลูออไรด์ที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาสีฟันที่รับรองโดยทันตแพทยสมาคมฯ มีปริมาณฟลูออไรด์ในช่วงแคบ ซึ่งเน้นประสิทธิภาพในการป้องกันโรคฟันผุยิ่งขึ้นเป็นพิเศษ ข้อมูลเหล่านี้คงจะเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนในการเลือกใช้ยาสีฟัน และเป็นการยืนยันคำตอบของทันตแพทย์ที่ว่า ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ที่ขายในท้องตลาดสามารถป้องกันโรคฟันผุได้ ถ้าระบุไว้ชัดเจนว่าผสมฟลูออไรด์


ในขณะเดียวกัน ยังคงมียาสีฟันอีกหลายยี่ห้อที่ไม่ได้ผสมฟลูออไรด์ จึงมีคุณสมบัติเพียงเพื่อทำความสะอาดแต่ประการเดียว และไม่สามารถป้องกันโรคฟันผุได้ เนื่องจากโรคฟันผุเป็นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ การใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ป้องกันโรคฟันผุจึงสามารถใช้ได้ผลดีทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แม้ในผู้ที่ไม่มีโรคฟันผุเลยก็ควรใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ด้วย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับฟันในการป้องกันโรคต่อไปด้วย

สำหรับผู้ที่มีฟันผุในปาก แต่ยังไม่มีโอกาสไปรับการอุด รักษา นอกจากจะใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในการแปรงฟันตามปกติแล้ว ภายหลังการแปรงฟัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนก่อนนอน ถ้าจะได้ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ขนาดเพียงเล็กน้อย อุดในรูฟันผุหรือซอกฟันทุกๆ วันเพื่อให้ฟลูออไรด์ในยาสีฟันทำปฏิกิริยาเพิ่มเติมเป็นพิเศษ ก็อาจช่วยลดอัตราการลุกลามของโรคฟันผุให้ช้าลงได้

อย่างไรก็ดี ฟลูออไรด์ก็เช่นเดียวกับยาทั่วไป ซึ่งถ้าใช้ขนาดพอเหมาะถูกต้องก็จะมีคุณอนันต์ แต่ถ้าใช้มากเกินไป ก็จะมีโทษเช่นกัน การใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในเด็กซึ่งร่างกายกำลังสร้างฟันถาวรอยู่ ในช่วงอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ควรใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ขนาดน้อยๆ เพียงเท่าเม็ดถั่วเขียว ก็เพียงพอในการแปรงฟันแต่ละครั้ง และควรแปรงฟันภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของพ่อแม่เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กกลืน หรือกินยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ โดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันยาสีฟันเด็กได้มีการปรุงกลิ่น รส คล้ายขนม ผลไม้ต่างๆ เพื่อให้เด็กชอบแปรงฟัน
แต่ก็น่าเป็นห่วงว่าเด็กอาจเอาไปกินโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ได้ จึงควรระมัดระวังการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในเด็กให้ถูกต้อง แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเด็กจะใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ไม่ได้ เพราะในเด็กมักเป็นโรคฟันผุสูงด้วย โดยเฉพาะในฟันน้ำนม

ดังนั้นการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในเด็กจึงเป็นสิ่งจำเป็น และขอได้โปรดเข้าใจให้ถูกต้องว่า ฟลูออไรด์ไม่ใช่สารวิเศษ ที่เมื่อใช้แล้วจะป้องกันโรคฟันผุได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ยังคงต้องระมัดระวังเรื่องอาหารหวาน ควบคู่ไปกับการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ด้วย”

ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพและข้อมูล: แฟนเพจ “Drama-addict” และเว็บไซต์ “หมอชาวบ้าน”




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น