“สวมหน้ากากอนามัย = ดัดจริต” ได้เวลาลบอคติเก่าๆ เหล่านี้ทิ้งไปได้แล้ว! ในเมื่อตัวแพร่เชื้อที่อยู่ข้างกาย ไม่รู้จักรับผิดชอบสังคม จึงถึงเวลาที่คนที่บังเอิญอยู่ข้างเคียงต้องลุกขึ้นมาดูแลและป้องกันตัวเอง โดยไม่ต้องสนเสียงนกเสียงกาอะไรทั้งนั้น!
กลายเป็นเรื่องขึ้นมาทันที! หลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์ ขณะที่ตนโดยสารรถไฟฟ้า BTS ว่าเห็นชายสูงอายุ คาดเดาว่าป่วย มีอาการไอเป็นระยะ ได้ใช้ผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปาก และมีผู้หญิงคนที่นั่งข้างๆ แสดงอาการรังเกียจด้วยการเบือนหน้าหนีและสะบัดผมใส่! ผู้เล่าใส่อารมณ์อย่างเผ็ดร้อนกับการกระทำของหญิงสาวคนดังกล่าวว่า หากเป็นพ่อของคุณเอง จะทำพฤติกรรมแบบนี้หรือไม่? และแสดงความเห็นใจชายสูงอายุ ที่ต้องมาเจอกับที่คนน่ารังเกียจเช่นนี้
หลังจากมีการเผยแพร่ออกไปบนโลกโซเชียล มีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของหญิงสาวคนนี้มากมายว่านิสัยแย่ ใจร้าย บางความคิดเห็นถึงขนาดยุยงให้คุณลุงที่กำลังไอค่อกๆ แค่กๆ หันไปไอใส่หน้าเลยก็มี! แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนส่วนมากที่เข้าใจปฏิกิริยาของฝ่ายหญิง มองอีกมุมว่าชายคนดังกล่าว ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อของตัวเองแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นด้วย
เนื่องจากเชื้อโรคมีอนุภาคเล็กมาก สามารถส่งรัศมีฟุ้งกระจายไปได้ไกล ในหลายๆ ครั้ง การใช้ผ้าเช็ดหน้ายกขึ้นมาปิดปากเพียงเท่านั้น ก็ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้หมด จึงไม่แปลกที่หญิงสาวคู่กรณีจะมีสิทธิ์เบือนหน้าหนีเพื่อป้องกันตัวเอง ทางที่ดีที่สุดคือให้ผู้ป่วยสวมหน้ากากอนามัยและรู้จักรับผิดชอบตัวเอง หากจำเป็นต้องเดินทางโดยใช้รถโดยสารสาธารณะ หรือไปในสถานที่ที่ต้องพบปะคนหมู่มาก
ย้อนกลับไปเมื่อไม่นานมานี้ มีประเด็นดรามาในทางลบเกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัยเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์และเป็นที่ถกเถียงกันอยู่พักใหญ่ๆ หลังเฟซบุ๊กแฟนเพจแห่งหนึ่ง ลงภาพพร้อมถ้อยคำเสียดสีผู้ที่สวมแมสก์ว่า "ดัดจริต" อยากทำตัวเป็นเซเลบ หรือสวมเพื่อเป็นแฟชั่น แต่ที่หนักสุดคือเหมารวมกันไปว่า การสวมแมสก์คือสัญลักษณ์ของคนที่ตั้งแง่รังเกียจคนอื่น!
เกี่ยวกับประเด็นนี้ มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการเหมารวมดังกล่าว พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่า การใช้หน้ากากอนามัยนั้น นอกจากจะช่วยป้องกันเชื้อโรคจากภายนอกแล้ว หากตัวผู้สวมใส่เองไม่สบาย ยังสามารถช่วยป้องกันคนอื่นจากการไอหรือจามของตัวเองได้ไปในตัว ทั้งยังถือเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่ดีให้ช่วยกันรักษาสุขภาพด้วย
ทุกวันนี้ หลายคนให้เหตุผลในการใส่หน้ากากอนามัยต่างกันไป บางคนใส่เพราะต้องการปิดบังใบหน้าเวลาเกิดสิว ผู้หญิงบางรายบอกอย่างขำๆ ว่าสวมเพื่อปิดบังในวันที่ไม่ได้แต่งหน้า แต่ประโยชน์หลักของมันจริงๆ แล้วคือ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ ช่วยลดการระบาดของโรคติดต่อ รวมทั้งป้องกันฝุ่นละอองหรือควันรถที่ปะปนอยู่มากมายในอากาศ
การป้องกันโรคด้วยวิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แถมยังไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย เนื่องจากราคาหน้ากากอนามัยนั้นถูกแสนถูก สามารถหาซื้อได้ง่าย โรงพยาบาลหลายๆ แห่งก็มีแจกฟรี จึงเป็นการดีหากทุกคนจะช่วยกันรณรงค์ให้ใส่หน้ากากอนามัยกันมากขึ้น เพื่อปลูกฝังการรับผิดชอบต่อส่วนรวม และลบอคติที่ว่า คนใส่หน้ากากอนามัยนั้นเป็นโรคดัดจริต!
ข่าวโดย : ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพและข้อมูล : เฟซบุ๊ก Drama-addict , สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข , www.aliexpress.com
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754