xs
xsm
sm
md
lg

แท็กซี่ไทยใจพาล ติไม่ได้ต้องล้างแค้น!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อีกแล้วกับภาพลักษณ์แย่ๆ ของแท็กซี่เมืองไทย! เมื่อแท็กซี่รวมพลเชิญชวนสมาชิกกดรีพอร์ตเฟซบุ๊ก เพราะไม่พอใจหนุ่มญี่ปุ่นที่ออกมาแฉถึงพฤติกรรมโกงราคาบ่อยๆ ด้วยเหตุนี้เองจึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่าทำไมคนทำผิดถึงไม่ยอมรับ หนำซ้ำผู้ร้องเรียนยังกลับถูกประณามเสียอีก!

เจตนาดี สู่ผลลัพธ์ที่เลวร้าย!

ฉาวอีกครั้ง! เมื่อจู่ๆ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Drama-addict โพสต์ภาพผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งส่งภาพถึงกลุ่ม “สหภาพเพื่อผู้ขับขี่รถแท็กซี่แห่งประเทศไทย” พร้อมเนื้อหาเชิญชวนให้ร่วมกันรีพอร์ตเฟซบุ๊กของ “อากิฮิโระ โทมิคาว่า” ที่ก่อนหน้านี้ได้โพสต์ข้อความแฉ สนามบินสุวรรณภูมิคือความน่าอายของประเทศไทย เนื่องจากเพื่อนของเขาถูกแท็กซี่เอาเปรียบโกงเงินค่าโดยสาร โดยเวลาผ่านไปเพียงแค่ 2 เดือน กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก และยังมีคนขับแท็กซี่มาต่อว่าและข่มขู่อีกด้วย โดยข้อความดังกล่าวมีใจความดังนี้

"สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกทุกท่าน บุคคลผู้นี้มีอคติกับแท็กซี่สุวรรณภูมิ ชอบแฉนู่นนี่นั่นตลอด การแฉแต่ละครั้งก็ทำให้สมาชิกกลุ่มต้องถูกถอดรหัส บางรายบางกรณีก็เอาเปรียบแท็กซี่จนเกินไป แต่สุดท้ายก็ถูกถอดรหัสอยู่ดี กระผมเห็นว่า เราชาวแท็กซี่ควรมีมาตรการตอบโต้อย่างจริงจังกับคนๆ นี้สักที มิเช่นนั้นคราวใดที่นายคนนี้แฉอีก ก็ต้องมีสมาชิกถูกถอดรหัสอีก วิธีง่ายๆ ที่หากพวกเราร่วมมือกันทำก็คือช่วยกันรายงานปิดเฟซบุ๊กของนายคนนี้ เพื่อมิให้เขาใช้เป็นช่องทางในการแฉต่อไป ดังนี้

1. เข้าไปที่เฟซบุ๊กดังกล่าวโดยพิมพ์ค้นหาจากชื่อนี้ (ตามภาพ)

2. กดที่รูปจุดสามจุด เลือกรายงาน กู้คืน หรือปิดบัญชีผู้ใช้

3. เลือกรายการปิดบัญชีผู้ใช้นี้

ทำทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง หากพวกเราร่วมมือกันรายงาน บัญชีเฟซบุ๊กชื่อนี้จะถูกปิดแน่นอน เป็นการต่อต้านที่ทุกคนสามารถทำได้ทันที หวังว่าทุกๆ ท่านจะร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อตอบโต้นายคนนี้สักที ขอบคุณครับ"




ภายหลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกโพสต์ลงไม่นาน ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหู โดยบางส่วนได้บอกว่า หากไม่ได้ทำผิดจริงทำไมกลุ่มคนขับแท็กซี่ต้องเดือดร้อนและให้กดรีพอร์ตเฟซบุ๊ก

“ขอถามหน่อย แล้วที่เขามาแฉ ทำจริงหรือเปล่าล่ะ ปัดสวะพ้นตัว ถ้าไม่จริงก็เอาหลักฐานมาสู้ นี่เขามีครบไม่ใช่กล่าวหาลอย ๆ ค่าตั๋วมันถูกหรือไงคะ เขาถึงจะคอยบินมาหาเรื่อง Taxi เมืองไทย คนดีย่อมแก้ไข คนจัญไรย่อมแก้ตัว แอดมินเพจนั้นมีลูกหรือเปล่า สาธุ...อย่ามีเลยนะ ขอภาวนา สงสารเด็ก ไม่รู้พ่อจะสอนลูกยังไง”

“แท็กซี่ไทย ทำเลวซุกไว้ใต้พรมหมด ไม่เคยยอมรับความจริง พอเขาแฉทำเป็นรับไม่ได้”

“นอกจากจะมาโพสต์ฆ่าตัวเองแล้ว ยังฆ่าคนไทยทั้งชาติอีก ผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ทุเรศ”

ในขณะที่บางรายกล่าวชื่นชมชาวญี่ปุ่นท่านนี้ ว่าเขามีเจตนาที่ดีแก่ประเทศไทย “คุณรู้ไหม คนญี่ปุ่นคนนี้ ถึงเขาไม่ใช่คนไทย แต่เค้าบอกกับเพื่อนๆ เขาทุกคนว่าเขารักเมืองไทยมากเขาชอบคนไทย เขาไม่ใช่คนไทย แต่เขาทำประโยชน์ ให้กับประเทศไทยมากกว่าคนไทยที่ถ่วงประเทศอยู่ตอนนี้ ผมไม่ใช่ติ่งเขาและผมชอบเอาแนวคิดของพี่เขาไปคิดและกระทำบางส่วน”




อย่างไรก็ตาม ล่าสุด “อากิฮิโระ โทมิคาว่า” ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Akihiro Koki Tomikawa“ โดยระบุว่า ได้เข้าพบกับคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อเสนอให้แก้ไขปัญหาแท็กซี่ ความว่า

"มีคนขับนิสัยแย่ๆ เยอะมาก ตำรวจและรัฐบาลควรจัดการอย่างเร่งด่วน ไม่อย่างนั้นจะทำให้การท่องเที่ยวของไทยเสียภาพลักษณ์ไปด้วย"

เปลี่ยนภาพลักษณ์ดีๆ ให้กลายเป็นแย่!

จากประเด็นดังกล่าวข้างต้น “ธาม เชื้อสถาปนศิริ” นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อออนไลน์ สถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.) เขาให้ความเห็นกับทีมข่าว ASTV ผู้จัดการLive ว่าอาจจะเป็นเจตนาที่ดีของชาวญี่ปุ่นที่อยากให้ประเทศไทยได้รับการแก้ไขดูแลอย่างจริงจัง

“จริงๆ แล้วในความรู้สึกผมคิดว่าอันดับแรกเขาพูดด้วยเจตนาที่ดีเพื่อที่จะให้แก้ไขปัญหา มองด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ประเด็นแรกต้องมองก่อนว่าเนื้อหามุ่งโจมตีจริงๆ หรือเปล่า ถ้าเนื้อหาจริงๆ ค้นพบว่าเจตนาหลักๆ อยากให้ตระหนักถึงปัญหาให้มีใครมาดูแลแก้ไขปัญหา

หรือว่าอยากให้เรื่องนี้มีคนรับรู้รับทราบว่ามันส่งผลในสายตาคนญี่ปุ่นยังไง ผมมองว่าเป็นเจตนาที่ดี และการที่พูดเรื่องนี้ไม่ใช่พูดแค่ครั้งแรก แต่เขาพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่งแสดงว่าเขายังคงใส่ใจปัญหาจริงๆ คือปัญหามันไม่ได้รับการแก้ไข”




ไม่ใช่เฉพาะชาวญี่ปุ่นท่านนี้ที่โดนโกง คนไทยหลายต่อหลายก็เคยโดนโกงมาแล้วเช่นกัน แต่ที่ไม่มีใครออกมาตอบโต้เพราะว่าเราเคยชินกับวัฒนธรรมพวกนี้ต่างหาก

“วิธีการที่ดีที่สุดในโซเชียลมีเดีย ไม่จำเป็นต้องไปโต้เถียง ไม่ต้องไปดรามาในหน้าคอมเมนต์ เขาบอกว่าวิธีการที่ดีที่สุดในการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศคือการร่วมมือ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา คำถามคือเฉพาะคนญี่ปุ่นคนนี้เหรอที่โดนโกง ผมว่าคนไทยทุกคนก็เคยโดนโกงเยอะแยะทำไมเราไม่พูดกัน เพราะว่าเราเคยชินกับวัฒนธรรมพวกนี้ต่างหาก

นี่คือสิ่งที่ต้องพิจารณาให้ดีเพราะเจตนาที่แท้จริงของคนที่เขาทำ เขาหวังดีกับประเทศนะเขาอยากให้ประเทศได้รับการแก้ไขดูแลอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้น เราอย่าผลักเขาให้เป็นศัตรูเลย ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าคนไทยถูกพูดอะไร เตือนอะไรก็ไม่ฟัง”




เจตนาของชาวญี่ปุ่นท่านนี้เขาอาจจะอยากที่จะให้แท็กซี่ในบ้านเราปรับปรุงแก้ไขการบริการให้ดีขึ้น เมื่อเขาแสดงความคิดเห็นออกมา เราก็ต้องยอมรับเพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ

“ผมเลยอยากแนะนำว่า ผู้ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตต้องเข้าใจว่าอินเทอร์เน็ตคือพื้นที่ของ free speech คือเสรีภาพที่จะพูดอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่หมายถึงว่าไปกล่าวโจมตีให้ร้าย ต้องดูเนื้อหาเจตนาผมว่าวัฒนธรรมคนญี่ปุ่นเป็นน่ารักนะครับ เขาจะไม่พูดตรงไปตรงมาแต่จะพูดอ้อมๆ แล้วก็คำนึงถึงความสัมพันธ์ไม่เหมือนชาติอื่น

อีกอย่างที่ชาวเน็ตต้องระวังคืออย่าให้มีการ hate speech การใช้วาจาแห่งความเกลียดชัง พูดถึงคนอื่นจริงๆ ผมว่าเพจนี้เขาพูดถึงแท็กซี่ไม่กี่คนนะที่ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสีย มันก็ต้องยอมรับนะเพราะว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ”

หลายคนอาจจะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆ แต่จริงๆ แล้วมันส่งผลกระทบระดับชาติ โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของคนไทย ที่ถูกชาวต่างชาติมอง

“ลองคิดดูว่าเวลามีข่าวกรณีแท็กซี่ข่มขืน หรือว่าฆ่าหั่นศพ ฆ่านักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือแม้กระทั่งใครก็ตามที่มาทำร้ายนักท่องเที่ยว คุณต้องเข้าใจว่าผลกระทบของเรื่องนี้ส่งผลในระดับชาติจริงๆ เช่น ความเชื่อมั่นต่อการท่องเที่ยว ต่อเศรษฐกิจหรือต่อการลงทุน หรือแม้แต่กระทั่งภาพลักษณ์ของคนไทยทั้งหมดนี้มันส่งผลกระทบจริงๆ

เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าไม่ควรจะไปกดรีพอร์ต คุณต้องดูเจตนาของการสื่อสาร ของการเตือนการแก้ปัญหาเรื่องนี้ ถ้าเกิดว่าเขาโพสต์รูปโป๊ คลิปคำหยาบ ภาพหวาดเสียว หรือว่าใช้ข้อมูลเป็นเท็จโกหก บิดเบือนผมว่าอันนี้กดรีพอร์ตได้ เพจภาพตัดต่อเยอะแยะในเมืองไทย ที่กำลังบ่อนทำลายความมั่นคงและภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ”

เพราะโลกมี 2 ด้าน จึงไม่แปลกที่จะถูกมองทั้งในแง่บวกและแง่ลบ เพราะฉะนั้น จึงต้องเปิดหูเปิดตาให้กว้าง ยอมรับความคิดเห็นจากผู้อื่น เพราะโลกมีสิทธิ์ที่จะพูดถึงเรา

“เวลาต่างชาติเขาเขียน ไม่ต้องอะไรมากไปดูหนังสือทั่วๆ ไปที่อยู่ตามย่านสนามบิน มีหนังสือเกี่ยวข้องกับประเทศไทยเยอะมาก พูดถึงในประเทศไทยที่ดีก็อยู่ในหมวดหนึ่ง หมวดท่องเที่ยว วัฒนธรรมความสวยงาม อีกหมวดวางคู่กันเลยพวกค้าประเวณี โสเภณี เซกซ์ ยาเสพติดและการใช้แรงงาน โลกมันมีทั้ง 2 ด้าน เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เฉพาะคนญี่ปุ่นคนนี้หรอกนะ คุณต้องเปิดหูตาให้กว้างว่าโลกพูดถึงเราอย่างไร และโลกมีสิทธิ์ที่จะพูดถึงเรา”

กดรีพอร์ต = คนไทยไม่ยอมรับความจริง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัญหาของแท็กซี่โดยรวมนั้นแย่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปแสดงความคิดเห็นเชิงต่อต้าน แต่ควรหันมาช่วยกันแก้ปัญหาโดยการเป็นหูเป็นตาดูแลสอดส่องกันเสียดีกว่า

“ผมว่าปัญหาเรื่องแท็กซี่ในสุวรรณภูมิมันเป็นมาเฟีย จริงๆ ไม่ใช่เฉพาะสุวรรณภูมินะแม้กระทั่งหมอชิต จตุจักรนะมันก็มีปัญหานะ เพราะฉะนั้น ปัญหาแท็กซี่โดยรวมมันแย่อยู่แล้ว ไม่มีใครจำเป็นที่จะต้องไปเขียนถึงมันก็เกิดขึ้นทุกวันอยู่แล้ว จริงๆ ผมคิดว่าถ้าเพจพวกนี้หันมาช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับคนไทยด้วยกันเอง ปัญหาพวกนี้หันมาช่วยกันแก้ดีกว่า มาช่วยระดมเพจด่ามันไม่ดีเลย มันไม่สร้างสรรค์”

การใช้งานโซเชียลมีเดียต้องมีเสรีภาพทางความคิดและการแสดงออก เพราะฉะนั้น จึงไม่เห็นด้วยกับการกดรีพอร์ต เพราะนั่นหมายถึงว่าคนไทยมีนิสัยที่ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นเลย

“ประเด็นที่ว่าคนไทยไปกดรีพอร์ต ผมค่อนข้างไม่เห็นด้วยนะครับ ลองนึกถึงว่าถ้าเป็นชาติอื่น ฝรั่ง หรือแม้กระทั่งเพื่อนบ้านเรา ลาว พม่า กัมพูชา เขียนถึงประเทศเราเขาก็เขียนได้นะ คือพูดง่ายๆ ว่าสังคมอินเทอร์เน็ตต้องมีเสรีภาพในความคิดการแสดงออก เพราะฉะนั้น การกดรีพอร์ตมันเท่ากับว่าคนไทย มีนิสัยที่ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็น ลองคิดในมุมกลับบ้างเวลาที่เราไปเที่ยงต่างประเทศไม่ว่าจะเจอสิ่งใดก็ตามที่ไม่ถูกต้อง และเรากลับมาบ้านเขียนวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร”




การแสดงความคิดเห็นในโลกโซเชียลมีเดียต้องคิดอย่างรอบคอบก่อน และต้องคำนึงถึงผลเสียที่จะตามมา เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดแล้วคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้

“อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่แห่งเสรีภาพแต่ว่ามันเป็นเสรีภาพที่ใครจะพูดจะแสดงความคิดเห็นอย่างไรก็ได้ เวลาเกิดเนื้อหาอะไรพวกนี้ 1. ผมอยากให้ดูเจตนาของข้อมูลข่าวสารก่อน 2. ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง 3. การที่จะคอมเมนต์เพิ่มเติม การที่จะใส่ข้อมูลอะไรเข้าไปเพิ่มเติม ต้องคิดว่าเราใส่ไปด้วยอารมณ์ความโมโห หรือใส่ไปด้วยความเกลียดชัง ถ้าใส่ไปแล้วมันก็อยู่ในนั้นตลอดเวลา ถ้าพูดโดยใช้ลมปากพูดแล้วมันก็หายไป แต่ว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตก็อยู่ในนั้นตลอด 4 .มันเป็นพื้นที่สาธารณะ เพราะฉะนั้น คุณต้องรู้ว่าความคิดเห็นอะไรก็ตามที่คุณใส่ไปยังคงอยู่ในนั้นถาวรตราบใดที่ไม่มีการลบ”

การให้กดรีพอร์ตนั้นหมายถึงว่าคนไทยไม่ยอมรับความจริง และไม่เปิดใจยอมรับคำวิจารณ์ การกระทำเหล่านี้มันจะสะท้อนให้เห็นภาพรวมนิสัยของคนไทยว่าเป็นอย่างไร นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อออนไลน์ สถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.) กล่าวทิ้งท้าย

“ต้องใช้อินเทอร์เน็ตอย่างรู้เท่าทัน อย่างมีสตินะครับ แล้วที่สำคัญต้องเข้าใจว่า ใครๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะพูดถึง ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ต้องทำใจเปิดกว้าง คนที่ไปกดรีพอร์ตอาจจะเปิดใจยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าคนไทยทำแบบนี้แสดงว่า ยังไม่ยอมรับ ไม่เปิดกว้าง ยังไม่เปิดรับคำวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ผมว่าที่สำคัญ คือถ้าทำแบบนี้มันสะท้อนว่าคนไทยไม่ยอมรับความจริง

ที่สำคัญการแสดงความคิดเห็นต่างๆ มันสะท้อนความคิดหมู่รวมของคนไทยส่วนมาก ที่ว่าคนไทยมีความคิดเห็นหรือมองเรื่องนี้อย่างไร ต้องคิดว่าอินเทอร์เน็ต ใครๆ ก็เข้ามาดูความคิดเห็นนั้นได้ เพราะฉะนั้น มันก็เป็นโลกที่มันเปิดกว้างตลอดเวลา ผมอยากจะให้คิดว่าคุณกำลังแสดงความคิดเห็นไปในทางที่สะท้อนภาพรวมในนิสัยของการเป็นไทย คุณอยากให้ชาวต่างชาติเห็นว่าคนไทยเป็นยังไง ผมคิดว่าเรามาแก้ไขปัญหากันจะดีกว่า”


ข่าวโดยASTV ผู้จัดการLive




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!

และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น